“ ผมแม่งคือใครกันวะ ? “
ผมมองตัวเองในกระจกดวงตาเรียวชั้นเดียวที่มีร่องรอยของเครื่องสำอางแต่งแต้มอยู่ทำให้สภาพของผมตอนนี้ไม่เหมือนตัวเองเลยสักนิดริมฝีปากหนาของภาพสะท้อนในกระจกเผยให้เห็นถึงรอยช้ำเลือดที่เกิดจากการชกต่อยถึงแม้จะรู้สึกแสบและเจ็บปวดแค่ไหน มือของผมก็ไม่ขยับเลยสักนิดหมัดของผมกำแน่นพร้อมมองภาพตัวเองสะท้อนในกระจก
“เออ แทฮยองนี้อย่างเด็ดเลย”
เสียงของ ‘จองกุก’
ในฝ่าย RM นั้นทำได้แค่เพียงส่ายหน้าพลางเดินออกห่าง
ผมขบริมฝีปากสุดแรงก่อนจะเดินเข้าไปนั่งร่วมวงจากเดิมจองกุกที่กำลังนั่งคุยสัพเพเหระตอนนี้กำลังนั่งไถโทรศัพท์ราวกับว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้เป็นคนเปิดบทสนทนาอะไรสักอย่างเลย
“แทฮยองละ?”
“ไม่รู้สิ ผมกำลังโทรตามอยู่”
RM เป็นฝ่ายถามผมประโยคต่อมาผมควรจะตอบใช่ไหมแต่ไม่ใช่ประโยคนั้นกลับเป็นของน้องชายที่ผมรักราวกับน้องในไส้ จอน จองกุก
ผมทำได้แค่เหลือบมองอีกฝ่ายพลางยิ้มมุมปากจองกุก จ้องกลับมาด้วยดวงตาใสแป๋วถ้าหากผมไม่รู้ว่าระหว่าง แทฮยองและจองกุกมีอะไรกันผมคงมองว่ามันบริสุทธิ์อยู่หรอกจองกุกโทรตามแทฮยองแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รับในเมื่อตอนนี้การอัดไลฟ์ก็จบแล้วอีกสักพักจองกุกก็คงจะออกไปเจอกับแทฮยองข้างนอกตามปกติและก็คงทำอะไรที ‘เพื่อนร่วมวง’ ไม่ทำทำกัน
ไม่ใช่ว่าคนในวงไม่รู้ ผมรู้ว่าทุกคนรู้แต่ไม่อยากพูดเรื่องที่จองกุกเป็นชู้กับคนในวงอย่างแทฮยอง ใครมันอยากจะแฉให้วงแตกกันละจริงไหม ? 2-3 เดือนมานี้วงของเรามักอยู่ไม่ค่อยครบ 7คนหลังจากที่มีบางสิ่งบางอย่างในวงแปลกไปผมคบกับแทฮยองทุกคนในวงก็รู้ดีและพวกเราก็ยังสนิทกันแต่หลังจากที่มีการทะเลาะกันระหว่างผมกับแทฮยองช่วงนี้ในห้องแต่งตัวหรือในหอพักก็มักจะมีแค่ฮยองไลน์ที่ยังคงมาพักหรือนั่งเล่น
ตอนกลางคืนผมมักขลุกกับร้านเหล้า โซจูแรงๆสักขวดคงจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมลืมเรื่องบัดซบนี้ได้ ผมได้แต่ครุ่นคิดกับตัวเองว่า“ถ้าความรักแม่งจะแย่ขนาดนี้ มันก็คงไม่ใช่ความรักแล้วละ”
ทั้งต้องทนเพื่อวง
เพื่อแฟนคลับ
เพื่อคนที่ผมรัก
และเพื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตอนนี้
รวมถึงนายด้วยคิมแทฮยอง
บอกผมทีว่าความรักถ้ามันแย่ขนาดนี้ทำไมตัวผม ถึงต้องการมัน
โรงแรม XXX
‘ก๊อกๆ’
“อ๊า…อืมม “
“ห…หยุด..
“ผมยังค้างเลยฮยอง”
จอน จองกุกเพื่อนร่วมวงและน้องในวงที่ผมรักเหมือนน้องชายแท้ๆ ทำหน้ามุ่ยตอบกลับมา
ผม ‘นอน’
“ไปเปิดประตูก่อนนะ”
จองกุกทำท่าหัวเสียก่อนที่จะปล่อยร่างของผมให้เป็นอิสระผมมองร่างหนาที่ลุกขึ้นจากเตียงพลางสวมกางเกงยีนส์ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู
ผัวะ!!เสียงหมัดของผู้มาเยือนกระแทกหน้า จองกุกอย่างจังก่อนที่จองกุกจะล้มไป
ผมมองไปตรงประตู เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของจีมิน ผู้ชายที่ผมไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดในเวลานี้
ตึกๆเสียงร้องเท้าของจีมินกระทบกับพื้นห้องเดินตรงมาที่เตียงนอน
ผมยังคงนั่งมองภาพตรงหน้าอย่างงุนงงและหวาดกลัวสมองประมวลผลช้ายิ่งขึ้นเมื่อจีมิน ควักปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อใบหน้าของจีมินคลอไปด้วยน้ำตาและดวงตาก็แดงก่ำแสดงให้เห็นว่าเขาร้องไห้มานานพอสมควร
“ร..เรา”
“หุบปาก กูไม่อยากฟัง” จีมินยิ้มหวานพลางจ่อปืนไปทางจองกุกที่กำลังจะลุกขึ้นมาหาผม
“ ใจเย็นๆนะ .. จ..
“ กูว่ากูเย็นมากพอละ “
“ ไหนบอกเหตุผลที่มึงมานอน ‘
“ เราไม่รู้..เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้นะจีมิน ร..เรา ไม่รู้ ฮึก..”แทฮยองร้องไห้จนตัวสั่นไม่รู้ว่าร้องเพราะเสียใจที่ผมเจอมันกับไอจองกุกเอากันหรือร้องไห้เพราะรักผมแต่มันไม่สำคัญหรอก ยังไงเรื่องนี้จะต้องมีคนเจ็บ
“เออกูก็ไม่อยากรู้อะไรแล้ว”
“เราขอโทษจีมิน…” แทฮยองเงยหน้าดวงตาคู่โตกำลังสบตาผมด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
“ไปขอโทษกูที่โลกหน้าแล้วกัน ..
เมื่อจบประโยคจีมินก็หันปากกระบอกปืนเข้าสู่หัวตัวเองก่อนจะลั่นไก่ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนใบหน้าราวกับนางฟ้าที่แทฮยองเคยหลงรักตอนนี้ไม่เหลืออะไรนอกจากความแค้น และ ความว่างเปล่า ที่อีกฝ่ายมอบให้
ปัง!
เสียงปืนหนึ่งนัดเป็นสัญญาณบอกจุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกสิ่งทั้งความรักและความแค้น
“จ..จีมิน”
ไม่ว่าจะลงนรกขุมไหนผมก็ยังจำมันได้
โรงพยาบาล A
“ขอทราบชื่อญาติคนไข้หน่อยคะ ?”
“จอน จองกุกครับ”
“ห้อง 340 ชั้น 4
“ขอบคุณมากครับ” ผมสวมแว่นดำก่อนจะเดินออกจากเคาน์เตอร์โรงพยาบาลใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงหน้าห้อง 340
ผมตัดสินใจพาขาที่หนักราวกับมีหินทับไว้ก้าวเข้าไปในห้อง
แอ๊ด .. ผมมองเข้าไปในห้องที่จัดอย่างเป็นระเบียบมีเตียงคนไข้และสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป
บนเตียงที่มีผ้าห่มผืนหน้ามีร่างบางของ ‘
แทฮยองเป็นโรคจิตเวชที่ชื่อว่าPosttraumatic Stress Disorder เป็นโรคเกิดขึ้นหลังจากประสบเหตุการณ์ที่น่ากลัวและร้ายแรง
ทุกอย่างในห้องนี้เลยไม่มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ BTS ไม่มีแม้แต่โทรทัศน์หรือโทรศัพท์ แทฮยองถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง หลังจากเกิดเหตุการ์ณนั้นพวกเราก็ยุบวงทันทีที่รู้ว่าแทฮยองต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตลอดชีวิต
ครืด..ผมเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งลงมองใบหน้าที่เคยดีกว่านี้อีกฝ่ายเหมือนจะรับรู้ถึงการมาเยือนของผมดวงตาโตค่อยๆปรือมองผมอย่างช้าๆและอ้อยอิ่งราวกับแทฮยองคนที่ผมเคยรู้จัก
พั่บ! ร่างบางตรงหน้าปัดผ้าห่มเข้าหน้าผมอย่างจัง
เพล้ง!!
เสียงของแจกันที่หล่นลงพื้นและเสียงของสายรัดข้อมือที่เสียดสีกับเตียงทำให้ผมตกใจล้มหงายหลังลงจากเก้าอี้
“ออกไป!!! อย่ามายุ่ง!!”แทฮยองพยายามดิ้นอย่างรุนแรงให้สายรัดข้อมือหลุด แต่แรงแค่นั้นหรือจะสามารถทำได้ผมได้แต่ตกใจและมองภาพตรงหน้าอย่างสิ้นหวังไม่ว่าใครจะมาเยี่ยมแทฮยองก็มีปฏิกิริยาแบบนี้ตลอด ไม่เคยจำใครได้และหวาดกลัวทุกคน
ผมพยายามพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นแม้ขาจะสั่นมากแค่ไหนผมก็รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปใกล้แทฮยองที่กรีดร้องราวกับคนบ้าผมชูภาพในโทรศัพท์ที่มีจีมินและแทฮยองกับผม ภาพที่เราเคยถ่ายด้วยกัน
“จ..จี…”
“แทฮยองจำได้ไหม ตอบสิ..ว..
ดวงตากลมโตของคนตรงหน้านั้นคลอไปด้วยน้ำตา
“อ..อ๊ากกกกกกกกก!!!!!!!!”
ร่างของคนตรงหน้าเริ่มบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวดสองมือหน้ากำลังตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรงก่อนจะใช้เล็บมือยาวๆของตนเองขูดผิวหนังของตนเองใบหน้าแทฮยองบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวด ตกนรก และดับสูญ
หลังจากนั้นหมอและพยาบาลต่างกรูเข้ามาในห้องทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับผม
ผมวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็วรับไม่ได้กับภาพตรงหน้าสติที่มีอยู่กระเจิงหายไปหมด ภาพทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมดทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีสุดท้ายมีเพียงความมืดเท่านั้นที่ผมรู้สึก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in