เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YUTTHANAbekindtoken
5:13




  •           ห้านาฬิกาสิบสามนาที

              นาฬิกาเรือนเล็กบนผนังห้องรับแขกของสองแฝดคงเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าพวกเขาใช้เวลากับปาร์ตี้นี้นานขนาดไหน



              ศพ— ร่างของบางคนเกลื่อนบนพื้นด้วยความอ่อนเพลีย เพราะไม่ใช่เจ้าของบ้าน ทุกคนนอกจากปราบ น้องตะเกียง (และก่อเกิดที่คลานตามขึ้นไปจนได้) จึงเลือกที่จะนอนระเนระนาดอยู่บนผืนพรม รอเวลาที่แสงแดดส่องสว่างจนต้องยอมงัวเงียขึ้นไปล้างหน้าแล้วเรียกรถกลับบ้านตามประสาเด็กมัธยมปลาย

              ทิ้งร่องรอยของแอลกอฮอล์ไว้ผ่านกลิ่นหอมชวนให้มึนเมา เสียงเครื่องปรับอากาศทำลายความเงียบ แต่ก็แผ่วเบาเกินกว่าจะรบกวนสิ่งใด



              โซฟาถูกเว้นว่างเมื่อเจ้าของมันเลือกจะไถลตัวลงมานั่งกอดเข่า ในมือมีมวนบุหรี่ที่ยังไม่ถูกจุด ราวกับถือไว้เพียงเพื่อประดับกาย ข้างตัวเป็นเด็กสิบเจ็ดขวบที่มีสีหน้าเหมือนแบกโลกอยู่ตลอดเวลา แทนสวมแว่นตาของตนที่ไม่รู้ว่ากระเด็นไปข้างขวดเหล้าเมื่อไหร่ เขามองไม่ค่อยเห็นแต่ยังมีสติครบครัน แตกต่างจากเปียวอย่างเห็นได้ชัด

              ทั้งที่สี่แก้วสุดท้ายในเกมนั่น เขาเป็นฝ่ายดื่มให้แท้ๆ

              แทนพาดศีรษะลงบนเบาะ อีกฝ่ายยังคงจ้องมองเขาด้วยแววตาเรียวเล็กที่ใกล้จะปิดเต็มทน ทว่ายังฉายประกายความสงสัย หรืออะไรสักอย่างที่ชวนให้ต้องเลิกคิ้วขึ้น แต่เปียวกลับส่ายหน้า และนั่นทำให้แทนต้องถอนหายใจอีกครั้ง, และอีกครั้ง อย่างที่ใครว่า หากการถอนหายใจทำให้อายุสั้นลง เขาคงตอบไม่ได้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ ไม่แน่อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ หรือในอีกไม่กี่ชั่วโมง



              “มีอะไร” 

              สุดท้ายก็เป็นฝ่ายถามออกไป คนตัวเล็กกว่าลอบยิ้มเมื่อครั้งนี้แทนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับความอยากรู้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนักหรอก โลกของเขาขับเคลื่อนด้วยความสงสัย เปียวเองก็รู้เรื่องนี้ดี

              “กำลังคิด” 

              อีกคนตอบคำถาม เว้นจังหวะเพื่อควานหาไฟแช็กแต่ก็ไม่เจอ แทนส่ายหน้าอย่างเวทนา เปียวจึงหมดความพยายามไปโดยปริยาย “คิดว่าความไม่ซ้ำซากที่แทนเจอคืออะไร”

              เว้นระยะห่างมากเกินไป… แทนนึกในใจ แม้มีโอกาสที่มันจะเป็นอาการของคนเมา แต่เขาค่อนข้างมั่นใจอยู่ดี

              “ไม่ใช่หรอก”

              มั่นใจว่าเปียวโกหก และเพราะแทนเอ่ยไปตรงๆ เช่นนั้นคนโกหกถึงได้หลุดหัวเราะออกมา

              ว่าแล้วเชียว



              “กำลังคิด” เปียวเริ่มใหม่ ส่วนเขาเท้าแขนลงกับโซฟา เอียงใบหน้าไปทางคนที่กำลังจะพูดต่อ “ว่าแทนอยากจูบเพราะอะไร”

              “อ่อ” และเขาก็ไม่ได้แปลกใจกับมันเท่าไหร่ แน่ล่ะ คนที่แปลกใจกับคำตอบของเขาในเกมมันควรจะเป็นเจ้าของผมสีสว่างนี่ต่างหาก



              สำหรับคนอื่นแล้ว แทนเหมือนจะเป็นผู้ชายไร้อารมณ์พิสวาท และคงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม asexual, เขาเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธมันนักหรอก



              “แล้วคิดว่ายังไง” 

              ผู้ตกเป็นประเด็นถามต่อ เปียวไหวไหล่เบาๆ เป็นคำตอบ ถ้าให้เดา นอกจากคำว่าอยาก… หรืออยากรู้ เปียวคงเดาอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ออกหรอก โดยเฉพาะกับเรื่องแบบนี้— ไม่มีทาง



              “นั่นสิ” เป็นแทนที่เอ่ยถามถึงเหตุผลของตัวเองบ้าง แต่ด้วยน้ำเสียง อีกคนคงเดาได้ว่ามันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบสักเท่าไหร่ 

              “แย่รึเปล่าล่ะ” เขากำลังหมายถึงความอยากของเขา… ยามจดจ้องริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน แววตาอีกคนวูบไหวเพียงชั่วครู่ และแทนไม่มีวันรับรู้มัน ต่อให้รับรู้ก็คงไม่เข้าใจหรอก

              เปียวส่ายหน้าเบาๆ เพื่อตอบว่ามันไม่เป็นไรเลย



              แทนหัวเราะในลำคออย่างที่ทำเป็นประจำเมื่อหงุดหงิดหรือพอใจ

              “แล้วยังไง?” เขาเอ่ยถาม

              อีกฝ่ายอึกอักเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด และเขาก็เลิกหวังจะง้างปากลูกแมว แทนเพียงแค่ถอนหายใจอีกครา วินาทีที่ละสายตาออกมา เขาพบว่าเปียวมองเขาอยู่



              นาฬิกาบ่งบอกเวลาห้านาฬิกาสิบแปดนาที



              เป็นเขาเองที่ประมาทคนเมา

              เปียวขยับใบหน้าลงมา นัยน์ตากลมสะท้อนแสงล้อเล่นกับเลนส์แว่นของเขา ได้กลิ่นของเบียร์ที่เขารู้สึกแพ้ รุนแรงเสียยิ่งกว่าเครื่องดื่มอำพันทุกแก้วที่ไหลผ่านลำคอไปในชั่วคืน



              “ใกล้กว่านี้กูจูบนะ”

              แทนเอ่ยเตือนแม้รู้ว่าผลของมันคือท้าทายมากกว่าห้ามปราม

              “แล้วยังอยากจูบอยู่ไหม” ไม่ต่างจากที่คิดไว้ ลมหายใจที่ปัดผ่านกันไปมาชวนให้นึกรำคาญเล็กน้อย แว่นสายตาของเขาก็คงเหมือนกัน

              ไม่อย่างนั้นเปียวคงไม่ถอดมันออก



              “อือ…”

              ไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นเสียงอื้ออึงในลำคอของคนตัวเล็กกว่า เมื่อแทนดึงอีกคนลงมารับริมฝีปากเขา

              รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เปียวนั่งทับหน้าตัก เขาจำต้องประคองอีกฝ่ายไว้ ยามที่คนตัวเล็กกว่ากดจูบลงมาอีกครั้ง ลมหายใจขาดห้วงในบางจังหวะที่ถูกขบกัด ผละออกมาเพียงครู่เดียวก็ถูกดึงดูดเข้าหากันอีกครั้ง, ชักไม่รู้แล้วว่าระหว่างเขาอยากจูบเปียวกับเปียวอยากจูบเขา เรื่องไหนกันแน่ที่เป็นความจริง



              สิ่งที่แทนรู้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้อาจจะเป็น… พี่น้องฝาแฝดคู่นี้คงชอบโอบรอบคอตอนจูบจริงๆ นั่นล่ะนะ




    end
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in