โต้ตอบอยู่ตลอดเวลา และเมื่อกิจวัตรธรรมดาในโลกใบที่เราแสนจะคุ้นชินไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
สดใหม่ หรือดึงดูดใจเท่ากับกิจกรรมมากมายที่หลั่งไหลมาให้เราอย่างรวดเร็วและได้ดั่งใจในโลกใบนั้น เราจึงหันเหความสนใจไปกับกิจกรรมในโลกใบนั้นอย่างไม่ทันรู้ตัว
เราใช้ ‘ความคิด’ เข้าไปสัมผัสแวะเวียนในโลกใบนั้นด้วยความกังวลถึงมันบ่อยๆ อย่างเช่น เรามักกังวลถึงข้อความต่างๆ ที่คั่งค้างรอคอยการตอบกลับของเราอยู่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจลึกๆ ที่เหมือนมีใครรอการสื่อสารจากเราอยู่ตลอดเวลา คอยพะวงว่ามีใครกำลังพูดถึงเราบ้างจากสเตตัสที่เพิ่งส่งมันเข้าไปในโลกใบนั้นการที่เรารู้สึกว่ามีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นให้อัพเดตทุกนาทีแล้วเราไม่อยากพลาด หรือกระทั่งการตามอ่านคอมเมนต์ที่ยืดยาวเป็นอนันต์ไม่มีวันจบสิ้น ฯลฯ
เมื่อความคิดของเราจดจ่ออยู่กับ ‘โลกใบนั้น’ เป็นส่วนใหญ่ สัมผัสการรับรู้ที่เชื่อมโยงเรากับโลกใบนี้จึงถูกลดความสำคัญอย่างชัดเจน สัญญาณชีวิตของเราที่เคยเชื่อมต่อกับผู้คนและสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้ จืดชืดแผ่วเบาจนคล้ายไม่มีความหมาย เหมือนเราปิดปุ่มระบบการมีปฏิสัมพันธ์ของเรากับโลกใบนี้ไปโดยปริยาย
ข้าวผัดกะเพราจานอร่อยในโลกใบนี้ หากเรารับประทานขณะที่กำลังเชื่อมต่อกับโลกใบนั้น อาจกลายเป็นอาหารเม็ดที่ไร้รสชาติ การใช้เวลาอยู่กับคนรักขณะที่กำลังเชื่อมต่อกับโลกใบนั้น อาจทำให้เราลืมสัมผัสความรักที่กำลังส่งให้เราอยู่ในโลกใบนี้ ทั้งที่บางทีสิ่งสำคัญในชีวิตของเรา อาจไม่ได้อยู่ในโลกใบนั้นเลยก็ได้
เรามักจับความผิดปกติของสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วว่ายังใช้งานดีอยู่หรือเปล่า แต่กลับหลงลืมจับสัญญาณชีวิตที่กำลังทำงานติดๆ ดับๆ รอการกลับมาเชื่อมต่อของเรา
เราเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์จนอาจหลงลืมออนไลฟ์ในโลกที่ดำเนินชีวิตอยู่จริงๆ สัมผัสกับมันได้จริงๆ
เราอาจลืมไปว่า เราจะรู้สึก ‘มีชีวิต’ (alive) เพราะเราได้ ‘อยู่กับชีวิต’ (consciousness) ได้อยู่กับโลกใบนี้ที่สัมผัสและรับรู้ได้จริง โลกที่มีมิติทางกายภาพรองรับประสาทการรับรู้ทั้งห้าได้กลับมาใช้
ฟังก์ชั่นของมนุษย์ในการรู้สึกสัมผัส มองเห็น รับรู้ และดมกลิ่น ได้รู้สึกกับชีวิต ได้เชื่อมตัวเรากับสิ่งต่างๆในโลก
ชีวิต (ชีวา) ของเราจึงเกิดขึ้น!
เรารับรู้ได้ว่า ‘เรามีชีวิตอยู่จริงๆ’ เพราะได้เชื่อมโยงชีวิตกับสิ่งอื่นๆ ในดาวเคราะห์ดวงนี้ การปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ระหว่างเรากับสิ่งต่างๆ ในโลกย่อมเป็นตัวสะท้อน‘การมีอยู่ของเรา’ ได้จริง เมื่อเราสัมผัสกับชีวิตของเราเมื่อเราไม่ได้หลงลืมชีวิต ไม่ได้จมจ่อมอยู่แต่ในโลกแห่งความคิดที่วนเวียนอยู่ในโลกเสมือนจริงใบนั้น เมื่อกลับมารู้สึกถึงชีวิตเราในตอนนี้ (nowness) ได้ นั่นอาจทำให้ชีวิต (ชีวา) ของเราที่เคยเบื่อหน่ายชืดชากลับมาสดใสได้อีกครั้ง
จริงอยู่ที่โลกใบนั้นก็ทำให้เรามีชีวิต (ชีวา) ได้ไม่แพ้กัน และก็มีอะไรหลายอย่างน่าสนใจมากมาย แต่การที่เราเพลิดเพลินกับการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ในโลกใบนั้น บันเทิงอยู่กับข้อมูลมหาศาลที่ผ่านเข้าผ่านออกสมองของเราเป็นว่าเล่น สนใจอยู่กับรสชาติของความคิดเห็น (และรสชาติของการเปรียบเทียบ) มากเกินไปอาจทำให้เราสนุกอยู่กับการให้โลกชื่นชมเรา จนเราอาจลืมชื่นชมโลก และคงน่าเสียดาย ถ้าเราจะสูญเสียรสชาติของชีวิตไปเพราะไม่ได้กลับมาอยู่ในโลกใบนี้บ้าง
เมื่อโลกเสมือนจริงถูกเปิด (online) โลกจริงๆที่ผมกำลังอาศัยอยู่ก็ถูกปิดลง (offlife)
นั่นหรือเปล่าคือสิ่งที่เธอกำลังหมายความ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in