เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พิฬารลมnimon
ตอนที่ ๒ สกุณาท่องนภาเหนือเวหา


  • “ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา

    - อ่อนไป ก็ถูกเขาดูหมิ่น แข็งไป ก็มีภัยเวร -”


         “สกุณาร้องดีใจเมื่อเจอคู่

    สุดแสนรู้ว่าคู่รักคือใครไฉน

    แลลองฟังหัวใจที่นำพาไป

    ก่อนตัดสินใจเชื่อการกระทำ”


         วันนี้เป็นวันแรกที่หลังจากที่ฉันกลับมาทำงานจากพักผ่อน และเริ่มต้นมาทำงานด้วยใจที่สดใสตอนเช้า กลับกลายเป็นว่า 


    ‘ใจของฉันรู้สึกห่อเหี่ยว หมดแรง และไม่สดชื่น อย่างบอกไม่ถูก’ฉันคิดในใจอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะคิดต่อว่า


    ‘เพราะเหนื่อยทั้งจากคน เหนื่อยทั้งจากงาน ซึ่งทั้งล้นมือและล้นความคิดเต็มไปหมดเลย’  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การสอนงานให้กับศศินี่ล่ะ ที่ทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากกว่าอย่างอื่น เพราะดูท่าทางที่เขาจะพูดจากวนเฉพาะเราเท่านั้น ที่ทำให้ฉันอยากบอกพี่บุ๋มจังเลยว่า 


    ‘เปลี่ยนคนสอนได้ไหม’ฉันคิดในสิ่งที่อยากพูดออกไป แต่ฉันก็รู้ว่า 


    ‘พูดออกไปไม่ได้อยู่ดี เพราะแต่ละคนก็รับงานล้นมือกันหมดแล้ว’ ซึ่งวันนี้หลายครั้ง ฉันก็คิดว่า 


    ‘สรุปงานจะทำให้เสร็จเร็วขึ้น เสร็จทันเวลา หรือเสร็จไม่ทันเวลากันแน่นะเนี่ย’


    “หนูกลับก่อนนะ พี่”ฉันพูดด้วยความอ่อนล้า


    “อืม เดินทางปลอดภัยนะ”พี่บุ๋มพยักหน้าและพูด ก่อนที่จะทำหน้าอย่างให้กำลังใจ


    “บายๆค่ะ”ทุกคนบอก ยกเว้นพ่อปากหนักนี่ล่ะ ไม่พูดอะไรเลย แต่ฉันก็ช่างแล้ว เพราะแค่วันนี้ก็เหนื่อยใจมากอยู่แล้ว และฉันรู้สึกว่า


    ‘เหมือนกับใช้เวลาที่มีค่าทะเลาะไปกับคนที่ไม่ควรทะเลาะยังไงก็ไม่รู้’


    “ค่ะ”ฉันพูด และเดินไปสถานที่ๆทางตึกทำงานจัดให้รอแท็กซี่ ก่อนที่ฉันจะเห็นรถคันหนึ่งขับรถมาตรงมาที่ๆฉันรอรถแท็กซี่อยู่ และผู้ชายคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุด ก็เรียกให้ฉันขึ้นไปนั่งรถเขา และกำชับอีกว่า 


    “รีบขึ้นมา”


    “ฉันไม่ขึ้น เพราะไม่ได้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันสักหน่อย”ฉันพูด


    “อยู่ครับ เราอยู่ห้องใกล้กัน”ศศิพูด


    “ฉันไม่เคยได้ยินว่า เราอยู่ห้องใกล้กัน”ฉันตอบ และบอกว่า


    “รีบไปได้แล้ว”ฉันพูด


    “ไม่ ถ้าคุณไม่ขึ้น ผมจะรออยู่ตรงนี้”ศศิพูด


    “ก็ได้ๆ”ฉันพูด เพราะเกรงใจคนอื่นที่ส่งสายตาไม่พอใจอย่างมากมาทางฉัน เหมือนกับตั้งคำถามว่า 


    ‘เมื่อไหร่ฉันจะไปสักที’ฉันจึงตัดสินใจรีบขึ้นรถของศศิ และเมื่อฉันขึ้นมาในรถ ฉันจึงบอกว่า


    “คุณ ไปส่งฉันที่รถไฟฟ้าก็พอ”ฉันพูด


    “ไม่ ก็ผมบอกแล้วว่า เราอยู่ห้องใกล้กัน”ศศิพูด และขับรถไปเรื่อยๆ จนมาถึงหอพักที่ฉันพักอยู่ และฉันก็งุนงงหนักกว่าเดิมว่า 


    ‘เขามีการ์ดสำหรับขึ้นไปชั้นเดียวกัน และการ์ดของเขายังแตะตรงห้องที่ข้างๆฉันที่เป็นห้องของคนใหม่’ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกช็อกมาก และพูดว่า


    “คุณคือเพื่อนบ้านคนใหม่หรือ”ฉันถาม


    “ใช่ครับ”ศศิพูด ซึ่งทำให้ฉันช็อกอย่างมากเลย และฉันได้ยินเสียงวายุพูดขึ้นมาขัดจังหวะความรู้สึกของฉันว่า


    “ผมคิดไม่ผิดจริงๆว่า คือ คุณเมย์”วายุบอก และกล่าวทักทาย


    “คะ”ฉันถาม


    “คุยอะไรกันอยู่ครับ อ้อ นี่คนใหม่สินะ ผมชื่อวายุครับ และนี่เพื่อนผมชื่อเมย์ครับ”วายุพูดพร้อมยื่นมือจะไปจับกับศศิ แต่ศศิทำหน้าตาแบบเบื่อหน่าย และไม่ยอมจับมือของวายุ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องแบบไม่สบอารมณ์เต็มที่


    “เขาเป็นอะไร”วายุถามด้วยหน้าตึง


    “อืม ไม่รู้สิค่ะ แต่เขาทำงานที่เดียวกับฉันค่ะ”ฉันพูด


    “ดูไม่เป็นมิตรเลยครับ”วายุพูด


    “จริงค่ะ แล้วเรื่องของกับที่ชวนเขากินชาบูล่ะคะ”ฉันถาม


    “ก็คงต้องให้ และผมจะลองชวนดูครับ”วายุพูด และบอกกับฉันว่า


    “ถ้าคุณเมย์จะเอาของไปให้เมื่อไหร่ เคาะเรียกผมด้วยครับ”วายุพูด พร้อมหันมายิ้มให้


    “ได้คะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วฉันค่อยเคาะระเบียงคุณวายุค่ะ”ฉันพูด


    “ได้ครับ ผมจะรอ ผมไปเตรียมของก่อนนะ”วายุพูด

    แล้วฉันก็เดินเข้าไปยังห้อง ก่อนที่ฉันรีบไปเก็บเสื้อผ้า และตุ๊กตาหมี ซึ่งฉันร้องเพลงไปด้วย


    “อยากดูแลแบบที่คนรักเขาทำ มักจะพอเป็นไปได้ไหม เธอ แบบที่คนรักเขาทำ ฉันจะทำให้เธอทุกเรื่องเลย ให้ฉันเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่เธอนึกถึงจะได้ไหม”

  •      และอยู่ดีๆ ระเบียงของห้องข้างๆก็เปิดขึ้นมา และฉันเห็นผู้ชายคนที่ฉันไม่อยากจะเจอขึ้นมา


    “คุณร้องเพลงอะไร”ศศิถาม


    “เพลงที่ไม่เกี่ยวกับคุณนั้นล่ะ”ฉันพูดกวนเขา และเก็บเสื้อผ้ากับตุ๊กตาหมีต่อ


    “ตุ๊กตาหมีคุณน่ารักจัง”ศศิพูด


    “คะ”ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะฉันคาดไม่ถึงในการชวนคุยของเขา ก่อนที่ฉันจะเก็บต่อ และชวนเขาคุยต่อว่า


    “ผมอยากได้สักตัว”ศศิพูด


    “ก็ซื้อสิค่ะ”ฉันพูดอย่างไม่สบอารมณ์


    “ดูคุณไม่สบอารมณ์เลยนะ”ศศิพูด


    “ค่ะ”ฉันตอบสั้น


    “คุณซื้อตุ๊กตาหมีที่ไหนล่ะ”ศศิพูด


    “ที่ๆไม่มีคุณล่ะ ฉันไปล่ะ รำคาญ”ฉันพูดตัดบท ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้อง แล้วฉันจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเคาะประตูระเบียงของห้องวายุ


    “พร้อมไหมครับ”วายุพูดและใส่ผ้ากันเปื้อนเต็มยศ ฉันจึงหัวเราะขึ้นมา และพูดว่า


    “เต็มยศเลยคะ คุณวายุ”ฉันพูดและหัวเราะ ก่อนที่ระเบียงอีกด้านหนึ่งถูกเปิดออกมา และเห็นว่า ศศิกำลังมองพวกเราทั้งสองคนมาแบบไม่สบอารมณ์ และรีบปิดประตูระเบียงเสียงดังปังอย่างแรง


    “เขาเป็นอะไรของเขาครับเนี่ย”วายุถาม


    “ผีเข้าผีออกล่ะค่ะ อย่าไปสนใจเลย”ฉันพูดเบาๆ และวายุก็ขำที่ฉันพูด ก่อนที่ฉันจะหัวเราะเหมือนกัน

    ฉันและวายุเดินเข้ามาตรงหน้าห้องของศศิ และฉันก็กดออดเรียกเขา แต่เขาไม่ยอมมาเปิดประตูห้อง ฉันจึงเรียกชื่อเขา


    “คุณศศิค่ะ พวกเรานำของมาให้ค่ะ”ฉันเรียก และอยู่ดีๆ ประตูก็ถูกเปิดออกมา พร้อมกับเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร โดยที่ส่วนบนของเขายังไม่ได้ใส่เสื้อ แต่ใส่แค่กางเกงอย่างเดียว


    “ฉันกับคุณวายุเอาของมาให้ค่ะ”ฉันก้มหน้าก้มตา และไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ เพราะฉันกลัวถึงสายตาของฉันที่จะมองไปยังส่วนบนเขาที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย


    “พวกเราเลือกของให้สำหรับคนขึ้นบ้านใหม่เลยครับ”วายุพูดและยิ้มให้ตามสไตล์ของวายุ


    “ครับ แค่นี้ใช่ไหมครับ”ศศิพูดด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ตามเคย


    “ผมอยากขอชวนคุณศศิมาทานชาบู ด้วยกันครับ ทานกันหลายๆคน ก็สนุกดีครับ”วายุพูดและมอบรอยยิ้มให้


    “ครับ ผมจะไป ขอใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน”ศศิพูด และรับของมาจากพวกเรา 


    “ครับ/ค่ะ”ทั้งฉันและวายุตอบรับพร้อมกัน ก่อนดันหลุดเผลอขำ และพูดพร้อมกันอีกว่า


    “เราพูดพร้อมกันเลย”ก่อนที่พวกเราจะหัวเราะเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง และพวกเราทั้งสองต้องตกใจกับเสียงประตูปิดดังปังขึ้นมากระทบหน้าของพวกเราทั้งสองคน


    “โดนหน้าเต็มๆเลยครับ”วายุบอก และค่อยพูดต่อกับฉันว่า


    “ดูไม่เป็นมิตรเลยครับ”วายุพูดอย่างหน้าตึงๆและดูเครียด


    “ค่ะ”ฉันตอบรับ


    “งั้นเราไปเตรียมชาบูกันดีกว่า หิวขึ้นมาเลย ดูสิครับ ผมทำน้ำหมาล่าเอง ทำตั้งแต่เมื่อคืนเลยนะ และนี้ก็น้ำข้นทงคัตสึ”วายุพูดและโชว์ให้ดู


    “หอมน่าดูเลย”ฉันพูดและทำท่าดมกลิ่นอาหาร


    “ใช่ไหมล่ะ”วายุพูด


    “สงสัย ใครได้คุณวายุไปเป็นแฟน คงรักน่าดูคะ”ฉันพูดจากใจจริง


    “ไม่หรอกครับ เพราะผมบ่ จี๊จะจ่ายเงินให้ผู้หญิงเยอะๆครับ”วายุบอก


    “ผู้หญิงก็ไม่หน้าเงินไปทุกคนหรอกคะ”ฉันพูด


    “แต่ผู้หญิงที่ผมรัก เป็นแบบนี้ทุกคนเลยครับ”วายุพูดแบบผิดหวัง


    “งั้น คุณวายุก็ต้องเป็นคนแบบนี้ด้วย”ฉันพูด


    “อ้าวเฮ้ย ทำไมกลายเป็นงั้นล่ะครับ”วายุพูดพร้อมกับขำในที


    “ก็คบคนเช่นไร ย่อมเป็นเช่นนั้นไงค่ะ หมายความว่า คุณวายุชอบคนแบบไหน คุณวายุก็ต้องเป็นแบบนั้นสิคะ”ฉันพูดอย่างจริงจัง


    “ผมไปไม่ถูกจริงๆเลย แต่ผมก็ยังรู้สึกดีที่กลับมาเจอคุณเมย์ครับ คุณเมย์เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครเลย”วายุพูด


    “ไม่สวย ไม่หน้าเงินใช่ไหมล่ะคะ”ฉันพูดและหัวเราะจริงๆ แต่คุณวายุทำหน้าตาขึงขังขึ้นมา และพูดว่า


    “คุณสวยนะครับ สวยในแบบคุณ ผมคิดจริงๆ ส่วนเรื่องไม่หน้าเงินนี่ล่ะ เรื่องจริงเลย”วายุพูด


    “ดูคุณขึงขัง ฉันไปไม่ถูกเลยค่ะ แล้วนี่ คุณเป็นคนแรกที่ชมว่า ฉันสวยเลยค่ะ”ฉันพูด


    “คุณสวยจริงๆ ผมพูดจากใจจริง”วายุพูด


    “ค่ะๆ ฉันดีใจมากเลย”ฉันพูด

  •       แล้วอยู่ดีๆ ผู้ชายหน้าขรึมคนนั้นก็เดินเข้ามา โดยที่ศศิเดินเข้ามานั่งตรงกลางขัดขวางทางระหว่างเราสองคน และพูดขึ้นมาว่า


    “อันไหนจะให้กินล่ะ”ศศิพูด


    “นี่ครับ”วายุพูดแล้วก็ยื่นทั้งหมู ทั้งลูกชิ้นมาให้กับศศิ แล้วฉันก็ไปรับเนื้อหมูมาจากมือของวายุด้วย


    “ผมลงทุนหมูคุโรบูตะเลยครับ”วายุพูด


    “เดี๋ยวช่วยออกเงินค่ะ”ฉันพูด


    “ไม่ต้องครับ นานๆครั้งเอง”วายุพูด


    “แต่เปลืองเงินนะ”ฉันพูด


    “ไม่เลยครับ นานๆที ผมก็อยากทำอะไรแบบนี้”วายุพูด


    “คุณสองคนจะพูดผ่านหัวผมแบบนี้ตลอดเลยหรือไง ไม่มีมารยาทเลย”ศศิพูด


    “ใครกันแน่ไม่มีมารยาท”ฉันพูดอย่างเหลือทน


    “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ”ศศิถาม


    “ก็อย่างที่ได้ยินล่ะ”ฉันพูด


    “ดูคุณจะไม่ชอบผมเอาซะมากเลยนะ”ศศิพูด


    “ก็น่าจะรู้ตัวอยู่แล้ว”ฉันพูด


    “เอาเถิดครับ อย่าทะเลาะกันเลย คุณเมย์ช่วยหยิบน้ำจิ้มชาบูให้ผมหน่อยสิครับ”วายุพูดไกล่เกลี่ย


    “ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพบุรุษเลย”ศศิพูดอย่างไม่เป็นมิตร


    “คุณไม่เป็นมิตร และพอคนอื่นเป็นมิตร คุณก็รู้สึกไม่พอใจ”ฉันพูดอย่างตรงๆ


    “ผมไม่ได้ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษครับ แต่ผมแค่คิดว่า อยากให้ทุกคนเป็นมิตรกันมากกว่าศัตรูนี่ครับ ผมผิดด้วยหรือครับที่คิดแบบนี้ งั้นวันนี้คงไม่ใช่วันที่ฤกษ์ดีเท่าไหร่แล้ว ผมว่า ผมเก็บแล้วแยกย้ายกันกลับห้องดีกว่าครับ”วายุพูด


    “ฉันก็ว่างั้นค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยเก็บ”ฉันพูด


    “ไม่ต้องครับ ผมเก็บให้”วายุพูด


    “งั้นฉันขอตัว”ฉันพูดและแสดงท่าทางเห็นใจให้กับวายุ และวายุทำท่าตอบรับกลับมาอย่างหมดแรง


    “ครับ”วายุตอบด้วยเสียงอ่อน


    “หยุดก่อน”ศศิพูดและจับมือฉัน


    “อะไรอีกล่ะ”ฉันถาม


    “ตุ๊กตาหมี คุณซื้อที่ไหน”ศศิถาม


    “เดี๋ยวฉันส่งลิงก์ไปให้”ฉันพูดอย่างรำคาญ ก่อนสะบัดมือเขาออกไป และเดินเข้าไปในห้องของฉัน ก่อนที่ฉันจะส่งลิงก์ให้เขาที่ไลน์ของเขา และเขาตอบกลับมาว่า


    “ขอบคุณ”


    “ไม่ต้องมาทำเป็นมามีมารยาทในไลน์เลย”ฉันกำลังจะพิมพ์ประโยคนี้ไป 


    ‘ดูไม่ดี’ฉันคิดและตัดสินใจที่ส่งอย่างอื่นไปในไลน์แทน


    “OK”ฉันตัดสินใจส่งสติกเกอร์ไปในไลน์ 


    และเขาดันส่งสติกเกอร์ “LOVE” ตอบกลับมา 

    ฉันไม่เข้าใจเท่าที่ควรว่า 


    ‘ทำไมเขาต้องส่งรักมาให้นะ’


          ฉันจึงตัดสินใจไม่ตอบกลับไป และอยู่ดีๆ เขาก็ส่งกลับมาอีกว่า 


    “ผมอยากซื้อตุ๊กตาหมีคู่กับคุณ”ฉันเห็นประโยคนั้น และยิ่งคิดถึงเหตุใดที่เขาอยากได้หมีขนาดนี้ ฉันจึงตัดสินใจปิดมือถือไปเลยดีกว่า

  •      ขณะที่ฉันกำลังทำอาหารอยู่ ฉันได้ยิน เสียงเคาะที่ประตูระเบียงฉัน ฉันจึงปิดเตาไฟฟ้า แล้วฉันจึงเปิดระเบียงและเยี่ยมหน้าออกไปดู และพบกับคนที่ไม่อยากจะพบอีก


    “ทำไม คุณไม่ตอบไลน์ผม”ศศิถาม


    “ฉันไม่อยากตอบ มีอะไรไหม”ฉันถาม


    “งั้นผมจะบอกกับคุณตรงนี้ก็ได้”ศศิพูด


    “อะไร”ฉันถาม


    “ผมขอโทษ”ศศิพูด


    “ฉันให้อภัย จบนะ ฉันจะไปกินข้าว”ฉันพูด และศศิจับมือฉันก่อนบอกว่า 


    “หยุดก่อน ผมหิว”ศศิพูด


    “ฉันไม่เข้าใจ”ฉันถามด้วยความงง


    “ผมได้ยินเสียงคุณทำอาหาร ถ้าคุณให้อภัยผม ทำอาหารให้ผมกินด้วยสิ”ศศิพูด


    “ก็ได้”ฉันบอก และฉันเดินกลับไปทำอาหารต่อให้ตัวเองและศศิกิน โดยที่ฉันคิดในใจว่า


    ‘เพราะใจจริง ฉันไม่อยากทะเลาะกับเขาเท่าไหร่ เสียทั้งเวลา เสียทั้งพลังงาน และยังไง ต้องทำงานด้วยกันอยู่ดีด้วย ดังนั้น ถ้าหากทะเลาะกันไป ก็ไม่มีประโยชน์ สู้เป็นมิตรกันดีกว่า’

  •       ขณะที่ฉันทำอาหารเสร็จแล้ว ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า 


    ‘ฉันยังไม่ได้ถามเขาเลยว่า เขาชอบอาหารแนวไหน’ฉันคิดในใจ แต่ฉันดันทำมาซะเเล้วนี่ล่ะ ทำไงดีนะ


    “ฉันขอโทษค่ะ ฉันลืมถามไปว่า คุณชอบกินอะไร แต่ฉันทำมาให้คุณกินแล้ว”ฉันพูด ก่อนจะยิ้มแห้งๆ


    “คุณทำอะไรมา ผมก็กินทั้งนั้นล่ะ เพราะผมรู้ว่า คุณรู้ใจผมที่สุด”ศศิพูดอย่างเป็นนัย


    “อืม คุณหวังอะไรจากคำพูดนี้หรือเปล่า”ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ


    “ผมหวังให้คุณจำผมได้”ศศิพูด


    “จำคุณได้ ฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน”ฉันพูดและตั้งใจคิดถึงหน้าเขาว่า 


    ‘เราเคยรู้จักกับเขามาก่อนหรือ’


    “เอาเถิด สักวัน คุณจะจำผมได้เอง ผมไม่รีบแล้ว”ศศิพูด แล้วเขาก็ถามว่า


    “ไหนล่ะ อาหารที่คุณบอก”


    “นี่ค่ะ”ฉันยื่นปิ่นโตที่มีแกงมัสมั่นไก่ ยำดอกบัว และแป้งโรตี พร้อมกับข้าวให้กับเขา


    “คุณไม่ต้องรีบคืนฉันก็ได้ ฉันมีปิ่นโตเยอะ”ฉันพูด


    “หมายความว่า อาหารที่คุณทำมาวันนี้ ก็ฝีมือของคุณหรือ ผมอยากให้คุณทำให้ผมด้วย คุณทำให้ผมด้วยได้ไหม”ศศิพูดอย่างอ้อน


    “สรุปว่า พอเป็นมิตรต่อกัน ก็ใช้งานฉันเลยนะ”ฉันพูดอย่างขำๆ


    “ไม่ใช่ๆ ผมแค่อยากกินอาหารฝีมือคุณจริงๆ แล้วผมขอแลกโดยขับรถไปส่งคุณที่บริษัท จะได้ประหยัดเงินด้วยไง”ศศิพูดอย่างแลกเปลี่ยนกัน


    “ก็ได้ แต่ฉันทำบางวันนะ ไม่ได้ทำตลอด ถ้าวันไหนฉันทำ ฉันเคาะประตูบอกคุณล่ะกัน”ฉันพูด


    “แล้วพรุ่งนี้ทำไหม”ศศิถาม


    “ทำ เดี๋ยวฉันทำให้คุณด้วย”ฉันพูด


    “งั้นก็ดีเลย”ศศิพูด และฉันลืมตัวไปจับมือที่เขายื่นมาให้ฉันจับ ก่อนฉันรีบถดมือกลับ ก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้ว่า


    “ขอบคุณไม่เป็นเลยหรือไง”ฉันถามอย่างหมั่นไส้


    “ขอบคุณครับ ผมสั่งตุ๊กตาหมีแล้วนะ จะได้เป็นตุ๊กตาหมีคู่”ศศิพูด


    “ทำไมต้องเป็นตุ๊กตาหมีคู่ด้วยคะ”ฉันพูดไป และอดขำถึงความน่ารักของเขาไม่ได้


    “เผื่อให้แมวคู่กันนอนกับหมีคนล่ะตัวไง”ศศิพูด


    “แมว ฉันไม่ได้เลี้ยงแมวสักหน่อย คุณเลี้ยงหรือ แต่ที่นี้ เขาไม่ให้เลี้ยงแมวนะ”ฉันถามและเตือนด้วยความหวังดี


    “อืม ไม่มีอะไรหรอก”ศศิพูดอย่างเลี่ยงๆ


    “โอเค งั้นวันนี้ ฉันไปจัดอาหารสำหรับวันพรุ่งนี้ให้คุณก่อน”ฉันพูด


    “ครับ ขอบคุณ”ศศิพูด และพูดต่อว่า


    “ผมหวังว่า คุณจะหลับฝันดี และฝันถึงผมนะ”ศศิพูดและยิ้มอย่างมีเลศนัย


    “ฉันขอรับแค่ฝันดี แต่ฝันถึงคุณ ไม่อยากขอรับเลย”ฉันพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงกับเขาเป็นครั้งแรก และยิ้มให้เขา ก่อนเขาจะยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน


    ‘เขาพูดอะไรของเขานะ รู้จักกัน แมวอีก ฝันถึงเขาอีก’ฉันกำลังคิดอย่างไม่เข้าใจ และฉันนึกถึงคำพูดของนิดขึ้นมาเลยว่า


    ‘ตาของพี่เขาเหมือนแมวนะ’


    “ดูไปดูมาก็จริงอย่างที่น้องนิดพูดนะ”ฉันพูดพึมพำกับตัวฉันเอง และฉันได้ยินเสียงเคาะประตูระเบียงอีกครั้ง โดยฉันเยี่ยมหน้าไปมองก็พบว่า คุณวายุนั้นเอง


    “มีอะไรคะ คุณวายุ เมย์จะนอนแล้ว”ฉันถาม


    “คุณเมย์ได้ยินเสียงอะไรไหม”วายุถาม และฉันตั้งใจฟัง จนฉันได้ยินเหมือนกับเป็นเสียงแมวที่ร้องดังมาจากห้องของศศิ


    “เสียงแมว”ฉันพูดขึ้นมา


    “ใช่ไหม เขาเลี้ยงแมวหรือ”วายุพูดและถาม


    “เปล่านะ เขาบอกว่า เขาไม่ได้เลี้ยงแมว”ฉันพูด และสายตาพลันไปเห็นเจ้าแมวดำเดินอยู่ตรงระเบียงของห้องศศิ


    “นั้นไง แมวจรล่ะ คุณวายุ”ฉันพูด


    “จริงด้วย ผมกลัวแมวเข้ากระดูกดำเลยล่ะ”วายุพูด

    “ทำไม”ฉันถามเหตุผล


    “เพราะตอนเด็ก ผมเคยโดนแมวข่วนและกัด”วายุพูด


    “คุณวายุคงแย่น่าดู ที่แมวมันยังกัด”ฉันพูด


    “วันนี้ ผมโดนคุณเมย์สองดอกเลย ผมไม่คุยกับคุณเมย์แล้ว นอนเถิด ฝันดีนะคุณเมย์”วายุพูด แล้วก็กล่าวลากัน


    “ค่ะ ฝันดีค่ะ”ฉันพูด และหันไปเรียกเจ้าเเมวสีดำ เพื่อให้มันมาที่นี่ แล้วมันก็กระโดดข้ามระเบียงมาหาฉัน 


    “น่ารักจังเลย รอแปล๊บนะ เดี๋ยวไปทำอาหารให้”ฉันลูบมัน ก่อนที่จะมองตามัน แล้วฉันก็รู้สึกเหมือนโดนสะกดเลย เพราะว่า 


    “ตาของแมวตัวนี้เหมือนกับตาของคุณศศิเลย”ฉันพึมพำกับตัวเอง แล้วเห็นปากของแมวเลอะมัสมั่น


    “คุณนี่แรงชะมัดเลย เอาอาหารที่ฉันทำให้แมวกิน แต่ก็ดีเนอะที่หนูกินอาหารดีๆ นั้นคงอิ่มแล้วนะ ดื่มนมไหม”ฉันพึมพำกับตัวเองพร้อมถามแมว แล้วก็รีบไปนำนมมาเทใส่ให้มันดื่ม ส่วนมันก็ดื่มอย่างน่ารัก น่าเอ็นดูเชียว


    “น่ารักจริงๆ”ฉันพูด และมันก็เหมียวตอบ ก่อนที่ฉันจะปล่อยมันไป และบอกว่า


    “อย่าไปส่งเสียงรบกวนคนอื่นนะ เดี๋ยวโดนจับได้ แล้วถูกคนทำร้ายขึ้นมา แย่เลยนะ ระวังตัวด้วยนะ”ฉันพูด และนึกขึ้นได้ว่า 


    “มานี่ดีกว่า เร็ว เข้ามาๆ เดี๋ยวมานอนตรงนี้ก็ได้”ฉันพูด และเปิดห้องให้มันเข้ามา มันก็เข้ามาอย่างง่ายดาย โดยที่ฉันเอาตุ๊กตาหมีมาให้มันได้นอนกอดหมีอย่างสบาย หรือว่า โดนหมีกอดกันแน่นะ เพราะตัวมันเล็กกว่าหมีอีก แล้วมันก็ดูหลับไปอย่างมีความสุข ก่อนที่ฉันตัดสินใจไปทำอาหารสำหรับสองคนให้เสร็จ และก็นอนบ้างเช่นกัน


    “ฝันดีนะ”ฉันพูดกับแมว ก่อนจะลูบหัวมัน แล้วฉันค่อยหลับลงอย่างฝันดีเช่นกัน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in