01
วันลำบากของคนเก่ง
ที่สุดในโลก
ลิโอเนล เมสซี่ คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดเท่าที่วงการฟุตบอลเคยมีมา ตั้งแต่ลงสนามให้
บาร์เซโลน่าเมื่อปี 2004 จนถึงปี 2018 เขาทำลายสถิติต่างๆ มากมาย และคว้าแชมป์มาแล้วนับไม่ถ้วน
เมสซี่เป็นผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสเปน ช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้ 9 สมัยแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอีก 4 สมัย นอกนั้น ยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี หรือที่เรียกกันในชื่อบัลลงดอร์ถึง 5 สมัย
ด้วยความสามารถที่เก่งกาจ ส่งผลให้ชื่อเสียงของเมสซี่โด่งดัง และนำมาซึ่งความร่ำรวยมั่งคั่งในระดับที่เขาได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร ฟอร์บส์ ว่าเป็นนักฟุตบอลที่ทำรายได้มากที่สุดในโลกเมื่อปี 2018
เขาคือไอคอนคนสำคัญของฟุตบอลในยุคสมัยใหม่
อย่างไรก็ตาม กว่าจะมีวันนี้ เส้นทางของเมสซี่ไม่ได้โรยด้วยซ้ำกลีบกุหลาบ สมัยเป็นเยาวชน เขาเกือบไม่มีสโมสรลงเล่นด้วยำไม่มีใครอยากให้โอกาสเด็กน้อยที่ชื่อเมสซี่
ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อ แต่นี่คือเรื่องจริง ย้อนกลับไปปี 2000 เวลานั้นเมสซี่อายุ 13 ขวบ เริ่มมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลอาร์เจนตินาด้วยฐานะนักเตะเยาวชนที่ตัวเล็กแต่วิ่งได้รวดเร็ว เลี้ยงบอลเก่ง เล่นบอลฉลาด และที่สำคัญคือเขาถนัดเท้าซ้าย
เมสซี่ทำให้ผู้คนคิดถึงอดีตตำนานทีมชาติอาร์เจนตินาที่ชื่อดิเอโก้ มาราโดน่า เพราะมาราโดน่าก็ตัวเล็กและถนัดเท้าซ้าย จนเมสซี่ได้รับการยกย่องจากสื่อท้องถิ่นว่าเป็น ‘นิวมาราโดน่า’ ซึ่งการถูกยกมาเปรียบกับตำนานระดับนี้ ถือเป็นการสดุดีถึงความสามารถอันโดดเด่นของเจ้าหนูเมสซี่เป็นอย่างดี
แต่ในปี 2000 เมสซี่ก็โดนปล่อยตัวออกมาจากต้นสังกัด คือทีมเยาวชน นีเวลส์ โอลด์ บอยส์
ถ้าเมสซี่เก่งอย่างที่สื่อร่ำลือจริงๆ ทำไมถึงโดนปล่อยตัว?ตามหลักแล้ว ควรจะมีสโมสรมากมายรุมแย่งตัวกันไม่ใช่เหรอ?แล้วถ้าคนไหนดูมีแวว สโมสรต้นสังกัดก็ยิ่งควรจับเซ็นสัญญาระยะยาวตั้งแต่ยังเป็นนักเตะเยาวชนเพื่อให้มีข้อผูกมัดกับทีมไว้ก่อนด้วยซ้ำ
แต่เมสซี่กลับถูกปล่อยทิ้ง แล้วยังไม่มีทีมไหนในอาร์เจนตินาอยากเซ็นสัญญากับเขาอีกต่างหาก
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะมีการตรวจพบความผิดปกติบางอย่างในร่างกายของเมสซี คำวินิจฉัยของแพทย์จากสโมสรนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ชี้ว่าต่อมใต้สมองส่วนหน้าของเมสซี่หลั่งฮอร์โมนน้อยกว่าเด็กคนอื่นๆซึ่งถือเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ โดยคาดการณ์ว่าถ้าปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ เมสซี่จะสูงได้แค่ 150 เซนติเมตรเท่านั้น
ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล นักเตะอาชีพที่มีส่วนสูงน้อยที่สุด ได้แก่ เอลตัน โกเมส
ดาวเตะบราซิลที่เคยค้าแข้งกับสโมสรสเตอัว บูคาเรสต์ในปี 2007 โดยโกเมสมีส่วนสูง 154เซนติเมตร
นั่นหมายความว่าต่อให้เมสซี่ฝีเท้าดีแค่ไหน ถ้าสูงแค่นี้ ก็แทบจะ 100 เปอร์เซนต์แล้วว่าไม่มีสิทธิเล่นในฟุตบอลระดับอาชีพ
สูง 150 เซนติเมตร แย่งโหม่งกับใครก็ไม่ได้ ถ้าต้องเจอกับนักเตะในยุโรปที่ร่างกายใหญ่โต
นึกไม่ออกเลยว่าเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไร คืออาจทำได้ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครทำแบบนั้นมาก่อนเพราะไม่มีสโมสรไหนกล้าเสี่ยงกับนักเตะที่เตี้ยเกินไป
แม้นีเวลส์ โอลด์ บอยส์จะเสียดายพรสวรรค์ แต่ก็ต้องยอมปล่อยตัวเมสซี่ออกมา ด้วยเหตุผลเรียบง่ายคือ ‘ร่างกายไม่โต’
เมสซี่และครอบครัวไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลในเมืองโรซาริโอ ได้รับคำแนะนำว่าวิธีเดียวที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ คือฉีดฮอร์โมนช่วยการเจริญเติบโตเข้าไปที่ร่างกายทุกวัน ติดต่อกัน
เป็นเวลาอย่างน้อยสองปี
ค่าใช้จ่ายของการฉีดฮอร์โมนอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 33,000 บาท) เท่ากับว่า ถ้าจะฉีดฮอร์โมนสองปีก็ต้องจ่ายเงิน 24,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 800,000 บาท ขาดอีกนิดเดียวก็จะถึงล้านแล้ว
ไม่มีสโมสรไหนกล้าลงทุนจ่ายเงินเกือบล้านกับเด็กอายุ 13ที่ไม่รู้ว่าโตขึ้นจะเก่งหรือเปล่า?
ลองคิดดูว่าถ้าลงทุนไป แล้วบทสรุปออกมาว่านักเตะคนนี้กลายเป็นของปลอม โตขึ้นแล้วฝีเท้าไม่เก่งจริง เท่ากับว่าเงินที่จ่ายไปทั้งหมดก็เสียเปล่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in