วันนี้เป็นวันที่ต้องส่งบล็อกให้คุณครู เราจึงจำเป็นต้องสร้างบล็อกเพื่อจดเป็นบันทึกเรื่องการฝึกงาน พอพูดถึงเรื่องฝึกงานแล้วมันก็แอบใจหายเล็กน้อย เพราะการเริ่มฝึกงานก็เปรียบเสมือนสนามซ้อมก่อนลงสนามจริง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังก้าวเท้าเข้าไปยังโลกของผู้ใหญ่เรื่อยๆ อีกไม่นานก็คงต้องเรียนจบและทำงานหาเลี้ยงตัวเอง การที่จะต้องส่งบล็อกฝึกงานก็เลยการเป็นเรื่องของความกังวลมากกว่าตื่นเต้น
ที่ที่เราเลือกฝึกงานนั้นเป็นโรงเรียนอนุบาลทีหนึ่งแถวๆตลาดปัฐวิกรณ์ คราวแรกที่คิดจะฝึกงานที่นี่ก็คิดไว้แล้วว่าค่อนข้างไกลและเดินทางยาก เลยพยายามที่จะชักชวนเพื่อนหลายๆคนไปด้วยกัน ทั้งที่จริงๆก็คิดว่าการทำอะไรคนเดียวก็ไม่แย่เท่าไร แต่พอรู้ว่ามีเพื่อนมาฝึกงานที่เดียวกันก็อุ่นใจดีเหมือนกัน เหตุผลที่เราเลือกฝึกงานที่นี่เป็นเพราะว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลที่ดูเป็นกันเอง สนุกสนาน ไม่เข้มงวดแต่เป็นระบบ ก่อนที่จะลองติดต่อพี่นภ(กรรมการบริหาร)เราได้แอบลองไปส่องหน้าไทม์ไลน์ของเขาดู เห็นว่าเขาเป็นคนมีมุ่งมั่นและรักเด็ก เลยคิดว่าถ้าฝึกงานที่นี่ต้องได้อะไรดีๆกลับมาแน่นอน
นอกจากนี้ตัวเราเองก็ยังได้มีโอกาสไปทดลองฝึกงานดู วันนั้นเป็นสัปดาห์ก่อนสงกรานต์พอดี เลยได้ทำกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์กับเด็กแบบงงๆ แต่ก็สนุกดี พี่ๆที่ฝึกงานก็น่ารักมาก พวกเขาเป็นคนที่มาเก็บชั่วโมงฝึกงานเหมือนกันก็เลยเข้าใจและเข้ากันง่าย สถานที่ของโรงเรียนมีนักเรียนประจำเพียง 11 คน มีการตกแต่งแบบสบายๆร่มรื่นและแอร์เย็น มีการเรียนการสอนทั่วไปในวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนเสาร์-อาทิตย์จะเป็นChildren’s camp ให้เด็กๆและผู้ปกครองมาทำกิจกรรมสันทนาการด้วยกัน โดยมีครูโหน่งเป็นครูหลักที่จะเป็นคนสอนเด็กๆ เขาเป็นคนใจดี รักเด็ก และร้องเพลงเพราะ ทำให้บรรยากาศในการทดลองงานเป็นไปอย่างสนุกสนาน สัปดาห์นั้นถึงจะเป็นช่วงก่อนสงกรานต์แต่ก็ได้จัดให้เด็กได้ทดลองวิทยาศาสตร์ เด็กๆและผู้ปกครองจึงตื่นเต้นกันมาก พอถึงคราวเล่นน้ำ น้องๆก็พร้อมเปียกกันเต็มที่ เสียดายที่เราไม่ได้เตรียมชุดไปเปลี่ยน เลยไม่ได้ไล่สาดน้ำแบบใครเขา มีเรื่องตลกคือในตอนพักกลางวัน พี่ๆที่ฝึกงานออกไปกินส้มตำด้วยกัน ไอ้เราก็ติดสอยห้อยตามไปกับเขาด้วย แต่เขาดันสั่งส้มตำที่ใส่ปลาร้ามาซึ่งเราไม่กิน เราก็ไม่อยากดูเป็นคนเรื่องมาก เลยไม่ได้พูดอะไร พออาหารมาเลยตักกินไปอย่างละคำเท่านั้น สรุปก็ยังไม่ชอบปลาร้าเหมือนเดิม ดีที่ไก่ย่างอร่อยมาก เลยเนียนๆกินไก่ย่างแทนแล้วกัน จะได้มีแรงสำหรับกลุ่มที่จะมาในช่วงบ่าย เมื่อจบวันครูโหน่งก็เข้ามาสอบถามว่าถ้าคิดว่าฝึกงานที่นี่จะไหวไหม เราตอบไปว่าคิดว่าไหว เพราะส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างสนุกกับการได้เลี้ยงเด็ก พี่ๆก็ใจดี ได้เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมด้วย ถึงจะตื่นเต้นแต่ครูโหน่งบอกว่าใช้ได้ๆ ก็ดีใจ และคิดว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไร เขาก็บอกเหมือนกันว่าคนที่จะไม่ได้ฝึกที่นี่มีแค่สองเหตุผลคือเราไม่เลือกเขาและเขาไม่เลือกเรา (จริงๆนี่แอบกลัวเหตุผลที่สองแหละ) พอถึงตอนที่กลับบ้านก็คิดว่าจะนั่งรถเมล์กลับ แต่พี่อ้อแอ้พี่สาวใจดีก็เสนอที่จะขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้า เราก็เล่าให้เขาฟังว่าเดี๋ยวจะไปต่อใต้ติน เขาก็นึกได้ละบอกว่าบ้านของพี่อ้ออยู่แถวๆสถานีเตาปูน เขาเลยเปลี่ยนใจไปส่งเราที่สถานีรถใต้ดินแทน เป็นครั้งที่สองเลยที่ได้นั่งรถไฟสายสีม่วง สวยมากๆ เราก็ขอบคุณเขาไปหลายครั้งระหว่างทาง ขอบคุณจนเขาแกล้งบอกว่าเยอะไปละ เลยเก็บคำพูดเอาไว้ขอบคุณตอนถึงที่หมายแล้วกัน แอบเขินนิดๆแต่ก็ไม่เป็นไร
สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าจะยังกังวลเล็กน้อยกับการฝึกงานครั้งนี้ แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อที่สักวันมองกลับมาจะได้ไม่ต้องเสียใจ ก็แอบหวังว่าจะปรับตัวให้เข้ากับการทำงานให้ได้เร็วๆ และเป็นเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด และหวังว่าจะกล้าบอกคนอื่นว่าไม่ชอบปลาร้าเสียที
ท้องฟ้าของเย็นวันนั้น ดูเหงาเข้ากับเราที่กลับบ้านคนเดียว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in