ทีจีเอ็นสั่งสตรอเบอร์รี่ปั่นกับคัพเค้ก ผมสั่งคาปูชิโน่ร้อน เราสองคนนั่งอยู่ในร้านกาแฟเปิดใหม่ที่ให้อารมณ์เชิญชวนให้ลูกค้าหยิบกล้องมาถ่ายรูปเล่นมากกว่าการนั่งดื่มกาแฟหรืออ่านหนังสือเงียบๆ เป็นความผิดพลาดของเขาที่เลือกมานั่งร้านนี้ แต่ไม่เป็นไร บางมุมก็ยังพอมีพื้นที่สงบพอให้เราได้นั่งหารือกันได้
“อันนี้เป็นโปรเจกต์ลับสุดยอดเลยนะ อยากให้ตั้งใจฟัง” ทีจีเอ็นเริ่มต้น พลางใช้หลอดคนน้ำสตรอเบอร์รี่ให้น้ำแข็งละเอียดชุ่มน้ำหวาน
เขากางกระดาษออกมา ข้างในเป็นตัวหนังสือสีน้ำเงินจากปากกาลูกลื่น เขียนเรียงลงมาเป็นตับ บรรทัดต่อบรรทัด มีเส้นโยงใยดูงวยงง
“ผมมีโปรเจกต์ศิลปะระดับสุดยอด ที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อให้มันเกิดขึ้นมา ผมว่ามันจะเป็นงานชิ้นสุดท้ายของตัวเองก่อนตาย”
ใช่...โดยปกติเขาจะพูดจริงจังและดูอลังการเช่นนี้เสมอ นี่เป็นอีกสิ่งที่ผมควรต้องบอกก่อน
หญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดนักศึกษาเอาหน้าไปแนบกับดอกทานตะวันหน้าร้านกาแฟ เธอทำปากเม้ม ยื่นมือขวาไปสุดแขน กดโทรศัพท์ถ่ายรูปใบหน้าตัวเองกับดอกไม้
“ผมรอฟัง” ผมกล่าว
“ก่อนที่จะเล่า คุณต้องสัญญาก่อนว่าห้ามบอกใคร” เขาคาดคั้น
ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับการใช้สรรพนามของทีจีเอ็น จริงๆ แล้ว ผมว่าเขาก็คงอยากสนทนาด้วยสรรพนาม ‘กู-มึง’ แต่ความที่เรายังไม่ได้สนิทกันมากนัก และความที่ผมวางตัวเรียบเฉยไม่ได้เล่นหัวกับใครเท่าไหร่ ทีจีเอ็นจึงสงวนคำ กึ่งกันเอง กึ่งสุภาพ แม้ผมก็อยากให้เขาพูด ‘กู-มึง’ กับผมเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าคงจะสื่อสารกันสะดวกปากขึ้น แต่มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผมต้องรักษาพื้นที่กับชายผู้นี้ มิติด้านลึกของเขาดูน่ากลัวกว่าหน้าตาภายนอกนัก
เวลาผ่านไปสามชั่วโมง ทีจีเอ็นจบโปรเจกต์ทางศิลปะและดนตรี มหากาพย์ซับซ้อนยาวยืด เบ็ดเสร็จ ผมดื่มกาแฟสองถ้วย และชามะนาวร้อนอีกหนึ่ง มีคนมาถ่ายรูปกับดอกทานตะวันหน้าร้านต่อจากนักศึกษาสาวผมสีน้ำตาลคนนั้นอีกสองคน ด้วยจรรยาบรรณ ผมสัญญากับเขาไว้แต่แรกว่าจะไม่แพร่งพรายกับใครเรื่องรายละเอียด ผมยืนยันเช่นนั้น
“คุณคิดว่าไง” ทีจีเอ็นถาม
“ดีทีเดียว ถ้าคุณจะทำมันออกมาจริงๆ”
เขาทำหน้าคล้ายอยากฟังความเห็นของผมมากกว่านั้น
“อืม...ถ้าเป็นผม มันอาจต้องมีการปรับรายละเอียดในหลายๆ งานหน่อย แต่นั่นเป็นรสนิยมส่วนตัว เราสองไม่เหมือนกัน ผมบอกไปบางทีคุณอาจไม่ชอบ” ผมกล่าว
เขาพยักหน้า
“ขอเวลาหนึ่งคืน ขอเอาแผนของคุณกลับไปอ่านที่บ้านก่อน พรุ่งนี้คงได้อะไรมากกว่านี้”
“ยินดี”
ผมพยักหน้าบ้าง
“มีอย่างอื่นอีกมั้ย” ทีจีเอ็นถามต่อ
“ไม่นะ ถ้านอกเรื่อง ผมจะบอกว่าผมค่อนข้างดีใจ” ผมพูดในสิ่งที่คิด
“ดีใจ?”
“สักเจ็ดแปดปีก่อน เพื่อนผมคนหนึ่งสมัยเรียนปริญญาตรี ถักผมเดรดล็อค เจาะลิ้น เจาะจมูก สักตั้งแต่ต้นแขนยันข้อมือ แต่งตัวแบบนักดนตรีวงนูเมทัลจากอเมริกา นัดผมไปดื่มเบียร์แต่หัววัน คุยได้สักพัก ดันถามผมถึงเรื่องอนาคต...อาชีพการงาน ความฝันอะไรทำนองนั้น สักพักดึงโบรชัวร์ออกมาจากกระเป๋า ชวนผมขายแอมเวย์ซะงั้น”
“แอมเวย์”
“ใช่ ร่วมธุรกิจ ขายตรง ประชุมสมาชิก เพชรยอดมงกุฎ อะไรทำนองนั้น ใครจะไปคิดได้ สไตล์หมอนั่นออกจะไม่แคร์สื่อขนาดนั้น”
“บัดซบ! คุณคิดว่าผมจะเป็นอย่างนั้นเหรอ” ทีจีเอ็นสบถ ผมไม่ได้ยินคำว่า ‘บัดซบ!’ จากปากใครมานานแล้ว
“เปล่าหรอก ผมคิดเล่นๆ คุณทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเพื่อนคนนั้น แต่สาบานได้ ผมไม่คิดว่าคุณจะขายแอมเวย์หรอกนะ”
เขาทำหน้าเคร่งขรึม ก่อนเอ่ย
“อย่าประเมินผมต่ำ...ที่จริงแล้วผมขายเอมสตาร์”
ผมโพล่งหัวร่อ ขยับระยะห่างของเราเข้ามาอีกนิด
ทีจีเอ็นหัวเราะตามในลำคอ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in