เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Miscellaneoushaveasunnydae
Day24: ชูครีมก่อนเที่ยงคืน
  • Words: แก้ม มิ้นต์ช็อกโกแลต ใบไม้ร่วง (จาก @temporarynotwr)






    ----------------







    “ให้ตายเถอะ ช่วยกินอะไรให้หมดไปเป็นอย่างๆ ได้ไหม”


    ในตู้เย็นครึ่งหนึ่งคือจานใส่ขนม -- ขนมที่กินไม่หมดชิ้น มีตั้งแต่คีย์ไลม์พายที่มีรอยส้อมตัดเล็กนิดเดียวตรงปลายชิ้น เครปเค้กที่โดนหั่นเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู ถาดทีรามิสุเลอะเทอะ ถ้วยพานาคอตต้าที่แยมไหลลงไปกองเป็นแอ่ง เค้กเหลือไม่เต็มชิ้นที่วางเบียดกัน มีชิ้นหนึ่งถูกหั่นกินจนเหลือแค่ขอบ แถมยังตั้งตรงอยู่ได้อย่างน่าประหลาดใจ


    “ก็ไม่อยากนี่” เจ้ารูมเมทงอแง


    “ไม่ใช่ประโยคคำถาม!”


    น่าหงุดหงิด น่าหงุดหงิดจริงๆ


    เขาโยนเสื้อโค้ทกับผ้าพันคอใส่เจ้านั่น มันพยายามจะเอี้ยวตัวหลบ แต่เพราะเดิมก็นั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้กินข้าวอยู่แล้ว เอียงตัวผิดองศาหน่อยเดียวก็ตกแอ้ก เขากลอกตาใส่ ไม่สนใจเสียงโอดโอย แล้วยัดของสดของชำที่แย่งชิงมาช่วงซูเปอร์มาร์เก็ตลดราคาเข้าตู้เย็น หันมาอีกครั้ง เจ้านั่นก็กลับมานั่งท่าเดิมบนเก้าอี้แล้ว แถมยังระรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดแล็ปท็อปเสียงดังต๊อกๆ ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด แถมเสื้อผ้าที่เขาโยนใส่ก็ถูกจับพับพาดบนพนักเก้าอี้เรียบร้อยเสียอีก


    ให้ตายเถอะ


    เขายืนมองมัน ส่วนมันก็มองจอ ตาช้ำๆ เหมือนคนอดนอนนั้นกวาดไปมา คงจะตามบรรทัดที่พิมพ์อยู่นั่นล่ะ นอกจากเสียงพิมพ์แล้วก็มีเสียงพึมพำที่เกิดขึ้นในห้องครัว เบาจนจับไม่ได้ศัพท์ ยืนดูเฉยๆ ก็เพลินๆ ดี แต่เจ้านั่นคงไม่สนุกด้วยหรอก


    จำได้ว่า -- มันกรีดร้องใส่ ก่อนเขาจะออกไปทำงาน -- เบต้ารีดเดอร์เขียนคอมเมนท์จุดผิดพลาดในต้นฉบับมาเยอะจนน่าตกใจ แถมที่น่าตกใจกว่าคือเส้นตายของบ.ก.ที่กระชั้นเข้ามา


    แล้วมันก็คงนั่งอยู่แบบนี้แบบนี้ตั้งแต่ก่อนเที่ยงวัน จนตอนนี้ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว


    “กินอะไรบ้างหรือยัง” อดไม่ได้ที่จะถาม เจ้านั่นพยักหน้า มือก็ยังพิมพ์ต่อไปไม่หยุด


    “ตอนไหน”


    “บ่ายสอง”


    “นั่นไม่เรียกว่ากินแล้ว”


    “เงียบน่า”


    เสียงคีย์บอร์ดระรัวยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดระเบิดในไมโครเวฟ


    ไม่มีใครบอกสักคำว่าการได้แชร์ห้องกับนักเขียนคนโปรดจะออกมาในสภาพนี้ -- ไม่ใช่รูมเมตเลยสักนิด พี่เลี้ยงเด็กเสียมากกว่า


    เขาหันกลับไปเปิดตู้เย็น จะหยิบพาสต้าปรุงสำเร็จออกมา เจ้านั่นรีบโงหัวขึ้นจากจอ


    “ชูครีมฉันล่ะ”


    “ห… หา”


    “ชูครีมที่ฝากซื้อ” พอมันพูดด้วยตาโหลๆ แบบนั้นกับเสียงยานๆ ก็ชักหลอนขึ้นมา “ไม่เอาพาสต้าแล้ว นายชอบซื้อมาแต่พาสต้า”


    “ก็มันเหลือแค่นี้นี่” แต่เขาก็ยอมมันอยู่ดี เอาพาสต้ายัดกลับเข้าไปในตู้เย็น แล้วหยิบกล่องกระดาษออกมาแทน


    แถวที่ทำงานมีร้านขนมมาเปิดใหม่ มันอ่านคอลัมน์แนะนำร้านขนมในอินเทอร์เน็ตแล้วก็บ่นอยากกินมาตั้งแต่วันก่อน งุ้งงิ้ง งุ้งงิ้ง เหมือนเด็กที่รอผู้ปกครองพาไปสวนสนุก -- จะบอกว่าเหมือนหมางี๊ดง๊าดให้พาออกไปเดินเล่นก็สงสารเกินไป -- งานในตารางวันนี้น้อย เขาเลยบอกว่าออกไปกินกลางวันแล้วจะแวะดูให้ จากเหมือนศพแห้งๆ เจ้านักเขียนก็เลยกระชุ่มกระชวยขึ้นทันตา


    อย่างน้อยๆ ก็สองสามนาทีจนเขาออกพ้นประตูห้องไปทำงานน่ะนะ


    แต่ตอนนี้ชักจะรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดยังไงก็ไม่รู้ -- ผิดตั้งแต่หลวมตัวคลิกเข้าไปดูห้องของมันในเคร็กลิสท์แล้วล่ะ


    “ชูครีม” มันทวงอีกแล้ว เขาเลยหยิบกล่องนมออกมาจากตู้เย็นด้วยเสียเลย กับแก้วเซรามิคสองใบ


    “กินนมด้วย”


    “ชูครีม”


    “เออ เดี๋ยวเอาให้ ได้กินแล้วก็แก้งานไป ไป๊” เขาอุ่นนมแก้วหนึ่งในไมโครเวฟ อากาศต้นเดือนพฤศจิกาที่ฝ่าจากสถานีรถไฟมาถึงห้องพักหนาวจนต้องพึ่งของอุ่นๆ ส่วนอีกแก้ว -- ของมัน -- เขาส่งให้ทั้งที่เย็นๆ และมันก็ดื่มอย่างว่าง่ายโดยไม่งอแงอะไร


    พอเตาตัด เขาก็ดันกล่องชูครีมส่งให้ต่อ ส่วนตัวเองก็จิบนมร้อนๆ ไป ของอุ่นๆ ช่วงอากาศหนาวนี่มันดีจริงๆ สวรรค์ชั่วครู่ชั่วยามเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง


    เจ้านักเขียนกัดขนมคำโตจนไส้สีเขียวอมฟ้ากับน้ำตาลช็อกโกแล็ตทะลักออกมา เปื้อนนิ้วเปื้อนปากไปหมด แก้มตกกระดันโค้งขึ้น มันครางอือยาวในคอเหมือนแมวที่ถูกลูบจนพออกพอใจ ตายิบหยี เหมือนสภาพสติแตกก่อนหน้าโดนขยำทิ้งลงถังขยะ


    “งอแงอยากกินแล้วก็กินให้หมดชิ้นล่ะ” อดไม่ได้ที่จะว่า คิ้วมันย่นยู่


    “กินหมดอยู่แล้วน่า ก็อยากกินนี่”


    “ไอ้พวกที่ค้างในตู้เย็นก็เหมือนกัน”


    “ไม่เหมือนกัน พวกนั้นมันอยากกินแต่ไม่อยากกินจนหมดนี่”


    “เอ๊ะ”


    “ไม่เคยเหรอ อยากกิน แต่ก็ไม่ได้อยากกินขนาดจะกินให้หมดน่ะ”


    “งั้นก่อนจะกินของใหม่ แกก็กินของที่เหลือจากวันก่อนๆ ให้หมดสิวะ”


    “ไว้มีจะวนไปกินก็แล้วกัน” มันว่า ว่าแล้วก็งับชูครีมอีกหนึ่งคำแล้วยื่นให้


    “อะไร จะให้ช่วยกิน?” เขาเท้าเอว “ไหนว่ากินหมด”


    คิ้วมันเลยยิ่งยู่ใหญ่


    “แบ่งให้ชิมหรอก อุตส่าห์เดินไปซื้อให้” แถมย่นจมูกอีก “เห็นฉันเป็นคนยังไง”


    “ก็เป็นคนแบบนี้แหละ” เขาตอบ


    เจ้านักเขียนยังยื่นมาไม่เลิก ไส้ข้างในเยิ้มจนเริ่มจะย้อยออกมา เขาถอนหายใจ โน้มตัวไปจับข้อมือมันไว้ให้อยู่นิ่ง แล้วกัดชูครีมหนึ่งคำ ปากเฉียดนิ้วมือไปนิดเดียว


    อืม… ก็ไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละว่าทำไมมันถึงพิศวาสของกินรสเย็นๆ ทั้งที่อากาศข้างนอกก็เย็นขนาดนี้


    “เป็นไง” มันตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนยื่นดราฟต์แรกของสามบทแรกให้อ่านเสียอีก เขาก็ได้แต่พยักหน้า


    “ก็ดี”


    “ก็ดีเองเหรอ”


    “มันอร่อย จะให้ฉันตอบว่าก็แย่หรือไงวะ”


    “คำศัพท์ก็มีเยอะแยะ เลือกให้มันดีๆ หน่อยซี่” เจ้านักเขียนพอได้น้ำตาลก็ชักจะงอแง เขาพ่นลมหายใจใส่ อิงสะโพกกับโต๊ะแล้วกดสายตามองมัน


    “เรื่องมาก อยากกินชูครีมก็ได้กินแล้ว ทีนี้ก็กินให้หมด ไปล้างมือแล้วแก้งานต่อไปซะ”


    มันยัดชูครีมอีกครึ่งชิ้นที่เหลือเข้าปากในคำเดียว เคี้ยวแก้มตุ่ย เงยหน้ามองเขาตาใสปิ๊ง -- ดูท่าคงจะมีแรงฟาดฟันกับวงแดงบนต้นฉบับไปอีกค่อนคืนได้แล้ว


    “แล้วนายชอบไหมอะ” มันถามเสียงอู้อี้ เขาย่นคิ้วใส่


    “ทำไม”


    “เอ้า ก็อยากรู้ ถ้าไม่ชอบจะได้ไม่ฝากให้เดินไปซื้อของที่ไม่ชอบอีก”


    เขาเลยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง


    “ถ้าอากาศไม่ได้เย็นก็คงชอบกว่านี้”


    “แล้วนั่นแปลว่าชอบใช่ไหม”


    “ก็ชอบ”


    มันเลยยิ้มกว้าง ไม่รู้ว่าดีใจที่จะมีคนไปซื้อขนมหวานให้กินอีกหรือเปล่า





    เออ ก็ชอบจริงๆ นั่นแหละ















    (Writing Exercise สู้ภัยไรเตอร์บล็อกมันก็ประมาณนี้แหละ)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in