เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Miscellaneoushaveasunnydae
Day09: The Witch and The Prince
  •  


                ทั้งเส้นผมและนัยน์ตา ล้วนเป็นสีดำสนิท ผิวกายขาวซีดตัดกับริมฝีปากแดงฉาน ไม่ว่าจะมองมุมใด ก็ไม่มีทางเป็นเจ้าหญิงได้เลย

     



     

                    แม่มดเติบโตมาในวังพร้อมกับเจ้าชาย

                    แม้จะเรียกราชาว่าท่านพ่อ เรียกราชินีว่าท่านแม่ แต่แม่มด ก็ยังไม่ใช่เจ้าหญิงอยู่ดี

                    ทุกคนในครอบครัวมีผมสีทองอย่างเปลวตะวัน แม่มดจึงเป็นรอยด่างบนภาพราชวงศ์ เช่นเดียวกับดวงจันทร์ที่ทำให้เกิดสุริยคราส แม่มดไม่เหมือนคนอื่น เพราะหล่อนไม่ได้เกิดจากครรภ์ราชินี

     

                    ในโลกที่มนุษย์คือแสงสว่างและจักรวรรดิปีศาจคือความมืด เงาเป็นจุดกึ่งกลางจึงไม่อาจจัดเข้าฝ่าย เช่นเดียวกับเวทมนตร์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของพวกครึ่ง ๆ กลาง ๆ มันทำให้บุคคลเหล่านั้นพิเศษกว่าคนธรรมดา แต่ก็ไม่แข็งกล้าเท่าปีศาจต้นพันธุ์ พวกเขาและเธอคือชิ้นส่วนที่ไม่มีทางสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางได้รับการเติมเต็ม

                    แต่ราชินีและราชา คือความสมบูรณ์แบบ ผู้เข้าใจความไม่สมบูรณ์แบบ

                     ในบรรดาบุตรธิดาห้าองค์ ลำดับสอง คือหญิงสาวผู้สืบเชื้อสายของเจ้าชายราชวงศ์ก่อนกับนางปีศาจ หล่อนมีชีวิตด้วยสัญญาเกียรติยศของผู้ชายที่ศักดิ์สูงสุดในแผ่นดิน

                    ทารกน้อย ผละจากอ้อมอกมารดาตั้งแต่ยังไม่หย่านม ราชินีผู้จิตใจงดงามและกว้างขวางจึงอุ้มชูหล่อน ไม่ต่างจากบุตรีที่เกิดมาจากเลือดและเนื้อในครรภ์


                   แต่จะคำนำหน้าสูงศักดิ์ หรืออัญมณียอดมงกุฎ ก็ไม่อาจลบล้างความจริงเรื่องชาติกำเนิดได้ แม่มดยังคงเป็นแม่มด และแม่มดไม่มีทางเป็นเจ้าหญิง

                     แม่มดไม่ได้โง่ หล่อนมีสมองและดวงตา รับรู้และเห็นว่า คนรอบข้างรู้สึกกับตนอย่างไร


                    สิ่งแปลกปลอมแห่งวังหลวง

     

                    เพราะแปลกแยกและแตกต่าง ทำให้แม่มดไม่มีคนสนิท แม้แต่เจ้าหญิงเจ้าชายน้อยที่เกิดตามมาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่ใช่เพราะหวาดหวั่น แต่เป็นความไม่สนิทใจ ซึ่งร้ายแรงและรักษาให้หายยากเสียยิ่งกว่าความกลัว

                    คงเหลือแต่เจ้าชายองค์โต และราชาราชินี ที่ปฏิบัติต่อแม่มดด้วยความรักและเท่าเทียม

      

     

                    ขณะที่เจ้าชายฝึกอาวุธ เจ้าหญิงเรียนงานบ้านการปกครอง แม่มดก็อยู่กับหนังสือและมนตราที่นางปีศาจทิ้งไว้ หล่อนมีความสุขกับการหมกตัวในหอตำราจนเผลอหลับไปยามใกล้รุ่งสาง แล้วตื่นมาบนเก้าอี้ยาวหน้าเตาผิงของเจ้าชายที่ไม่ใช่พี่ชาย

     

                    เจ้าชายองค์โตผู้กร้าวแกร่งและแข็งกระด้าง แต่อ่อนโยนต่อแม่มดยิ่งกว่าใครๆ

                     เจ้าชายอยู่เป็นเพื่อนแม่มดในคืนที่มีพายุ เพราะรู้ว่าเจ้าหญิงที่ไม่ได้เป็นน้องสาวกลัวเสียงฟ้าร้อง มือแตกกร้านเพราะดาบ กลับเล่นดนตรีได้อ่อนหวานเพื่อปลอบโยนแม่มดยามป่วยไข้ แลกเปลี่ยนกับงานเอกสารหรือน้ำชาร้อนในฤดูหนาวหรือความคิดแปลกต่างเมื่อติดค้างในปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข สายสัมพันธ์ประหลาดที่ไม่ใช่พี่น้องถักทอจากจุดนี้


                    แม่มดใช้เวลาสิบห้าปีในความแตกต่าง และอีกห้าปีในการทำให้ตัวหล่อนสามารถเคียงข้างแสงสว่างได้อย่างภาคภูมิ

                     ศีรษะเชิดตรง ริมฝีปากแย้มเยื้อนเอ่ยทักทาย แม่มดทำได้เช่นเดียวกับที่เจ้าหญิงต้องทำ น้ำหนักมงกุฎยังคงกดลง แต่ไม่ทำให้รู้สึกทรมานอีกต่อไป เพราะเปลือกนอกของหล่อนได้เป็นเช่นเดียวกับศักดิ์ที่มงกุฎนั้นสวมให้ไปแล้ว

                     กระนั้น เนื้อในก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ...


                    แม่มดไม่ใช่เจ้าหญิง แต่แม่มดยังเป็นผู้หญิง ผู้หญิงมีหัวใจ และแม่มดหลงรักเจ้าชาย

     

                    ความรู้สึกบริสุทธิ์อันบิดเบี้ยว


                     ที่ว่างด้านขวาของรัชทายาท ถูกเว้นไว้สำหรับว่าที่คู่ครองในอนาคต ด้านซ้ายจึงเปิดโอกาสให้แม่มดได้จับจอง

                    ความหม่นหมองของเงา ถูกปัดเป่าด้วยดวงตะวัน ชิ้นส่วนไม่สมบูรณ์แบบกำลังได้กาวประสาน

      

                    มือคร้ามแดดเกาะเกี่ยวกับนิ้วขาวซีด กระชับแนบแน่น แม้ไม่ใช่ฝั่งที่อยากก้าวเดินเคียงคู่ แต่แม่มดก็มีความสุข หล่อนรู้ว่า มีเพียงเวลานี้เท่านั้น ที่ดวงตาสีฟ้าจะจับจ้อง เสียงหัวเราะและความอบอุ่นจะมอบให้

                     แม้เป็นเพียงความสุขจอมปลอม ไม่มีทางจีรัง แต่แม่มดก็ยินดี

                    เพราะหล่อนรู้ตอนจบของนิทาน ไม่มีแม่มดตนใดได้เคียงคู่เจ้าชาย

     


                    พระบิดาจะสละบังลังก์ให้เจ้าชายองค์โตเมื่อเจ้าหญิงองค์น้อยอายุครบยี่สิบชันษา

                    เจ้าชายถามแม่มดว่า จะอยู่ข้างๆตนได้ไหม เขาสัญญาว่าข้างบัลลังก์ฝั่งซ้ายจะเป็นที่ของแม่มดเสมอ

                     เจ้าชายผู้กล้าหาญ บอกแม่มดอย่างขัดเขิน หากเป็นไปได้ ก็อยากให้แม่มดอยู่ด้านขวาของเขา

     

                    หล่อนตกลง

                    เจ้าชายไม่เคยโกหก เพียงแต่มันคือความจริงที่ไม่มีวันเป็นจริง

     

     

      

     

                    ความฝันดำเนินไปพร้อมปัจจุบันทั้งที่ยังลืมตา  แต่ไม่มีใครนอนหลับได้ตลอดชีวิต ต่อให้เป็นแม่มด ก็ยังต้องตื่นจากฝัน

                    เพราะทุกนิทาน คู่ของเจ้าชายคือเจ้าหญิง จุดพลิกผันของเหตุการณ์จึงมาถึง



                    ก่อนราชาใหม่จะนั่งบัลลังก์ แคว้นคู่มิตรได้ส่งพระราชสาสน์เจริญสัมพันธไมตรี

                    สหายใดเลยจะแน่นแฟ้นเท่าเป็นแผ่นดินเดียว

     

                    มือซ้ายของเจ้าชายที่เคยเกี่ยวกุมกับแม่มด จึงต้องผละจากเพื่อประสานมือขวากับเจ้าหญิง

                    เธอเป็นคนงาม ริมฝีปากราวกุหลาบแรกผลิ วงหน้า กิริยา รูปกาย หัวใจสีขาวของเจ้าหญิงไม่มีที่ติ และคู่ควรกับแสงสว่าง  แม้ว่าการแต่งงานระหว่างเธอกับเจ้าชายจะไม่มีความรักเป็นส่วนประกอบเลยก็ตาม


     

                    อำนาจคืออาหารที่กินได้โดยไม่รู้อิ่ม ไม่ว่าจะมนุษย์หรือปีศาจ สายสัมพันธ์ระหว่างเมืองจึงเป็นสิ่งจำเป็น

                    ถึงอย่างนั้น แม่มดก็มั่นใจ ว่าเจ้าหญิงจะไม่ทำให้เจ้าชายต้องเป็นทุกข์

     

     

     

                    ระฆังวิหารหง่างเหง่ง เจ้าหญิงโฉมงามในชุดวิวาห์ กับเจ้าชายที่กลายเป็นราชา ในสายตาประชาชน ภาพนี้จะคงจบด้วยความสุขชั่วนิรันดร์

                     มันควรเป็นเช่นนั้น

     

      

     

                    แม่มดคงอยู่ข้างราชา อย่างเจ้าหญิงน้องสาว ด้านซ้ายบัลลังก์ยังเป็นของหล่อน ในฐานะที่ปรึกษางานแผ่นดิน 

                    กระทั่งการมาถึงของจดหมายสีดำ

      

     

                    เมื่อแสงสว่างบรรจบกับความมืด ความหวาดหวั่นก็จักหมดไป 

     

     

                    แดนปีศาจต้องการความมั่นคงเช่นเดียวกับมนุษย์ ในภาวะที่ไม่รู้ว่าชนวนระเบิดจะถูกจุดขึ้นเมื่อใด การเชื่อมแผ่นดินจึงเป็นการตัดไฟตั้งแต่ไม่มีลม 

                    เพราะในวังวนอำนาจ ความมืดหรือแสงสว่างก็ไม่ต่างกัน 

                    ไม่มีใครกล้าออกความเห็นเมื่อราชากราดเกรี้ยว ความนัยของสาสน์ดำคือคำขู่ แม้ประเทศจะยิ่งใหญ่พอจะทำสงคราม แต่ราชาใหม่ยังไม่พร้อมที่จะทำสงคราม 

                    และทุกคนรู้ดี ปีศาจกระหายสงคราม 

     

     

                    เจ้าหญิงน้อยหวาดหวั่นกับคำขอแกมบังคับ นางมีความรักลับ ๆ อยู่กับองครักษ์ประจำตัว และไม่ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตในความมืด 

                    เสียงร้องไห้แผ่ว ๆ กลางดึก สั่นสะเทือนหัวใจด้านชา 

                    แสงสว่างไม่คู่ควรกับความมืดหรือเงา และมีเพียงเงาเท่านั้นที่จะกลมกลืนไปกับความมืดได้

     

     

                    แม่มดมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่หลับสนิทด้วยสายตาว่างเปล่า ห่างออกไปในอุทยาน ณ จุดที่ตรงกับห้องนี้ มีทหารหนุ่มนั่งจ้องหน้าต่างมืดอย่างอาดูร ไม่ต้องอ่านใจหล่อนก็รู้ว่าเขากำลังหาหนทางที่จะไม่ต้องเสียเจ้าหญิงไป 

                    แม่มดอิจฉาเจ้าหญิงที่มีคนรัก อิจฉาทหารหนุ่มที่เจตจำนงอิสระยังไม่ถูกมือที่มองไม่เห็นบังคับไป ความรู้สึกดำมืดพลุ่งพล่าน หล่อนกระหายเหลือเกินที่จะได้เห็นแสงสว่างต้องเจ็บปวดเช่นที่เงาต้องเผชิญ

                    ในเมื่อแม่มดไม่ใช่เจ้าหญิง แล้วเหตุใด แม่มดจึงต้องทำตนเช่นเจ้าหญิง

     

     

     

                    ท่ามกลางความตระหนกของขุนนางและสมาชิกราชวงศ์ที่เข้าร่วมประชุม แม่มดเสนอทางแก้ไขปัญหาด้วยรอยยิ้มสุภาพทางการ ไม่มีใครคัดค้านคำหล่อน ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่เป็นการตัดสินใจที่กลั่นกรองแล้วของที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน

     

                    มงกุฎของเจ้าหญิงวางบนเรือนผมสีดำเป็นครั้งสุดท้าย น้ำหนักของมันกดความรู้สึกเสียจนแทบไม่อาจขยับร่าง ถ้อยคำอำลาเต็มไปด้วยพิธีรีตองและเหินห่าง 

                    เพราะเจ้าหญิงไม่ใช่สิ่งคู่ควรกับปีศาจ แม่มดจึงต้องไปแทนในฐานะเจ้าหญิงองค์โต 

     

                    แม่มดร้องไห้ในใจเมื่อสบสายตากับราชา ริมฝีปากสีโลหิตขยับไร้เสียง หล่อนสัญญาว่าจะกลับมา 

                    ทุกคำพูดของแม่มดคือการโกหก แต่มันก็มีค่าไม่ต่างจากคำมั่นของเจ้าชาย

                     เพราะมันไม่ทางเป็นจริง

     

     

     

     

                    เรื่องราวควรจะจบลง ณ จุดนั้น ที่แม่มดได้ขึ้นเป็นราชินีแคว้นหนึ่งในจักรวรรดิปีศาจ มีสามีที่เอาใจใส่ ยกย่อง ให้เกียรติ และเยียวยาให้หล่อนสามารถรักผู้อื่นได้อีกครั้ง

                    แต่น่าเสียดาย ที่โลกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น

     

     

     

                    บทสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ได้มาถึงในปีที่เจ็ดหลังจากแม่มดจากไป ราชินีได้ให้กำเนิดเจ้าหญิงองค์ใหม่แก่ราชวงศ์ พระอัยกาจึงจัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ 

                    ข่าวดีแพร่สะพัดไปถึงจักรวรรดิปีศาจ ราชาหวังในใจลึก ๆ ว่าแม่มดจะกลับมาร่วมฉลองเดือนของหลานสาว แต่คำตอบที่ได้รับจากม้าเร็วกลับเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด 

     

                    ราชินีปีศาจถูกลอบวางยาพิษ สิ้นพระชนม์ตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อน และพิษนั้น อยู่ในถ้วยชาที่หล่อนรับมาจากสามี

     

                     ความแค้นของเหล่าพี่น้องโหมไหม้ ราชาสั่งกรีฑาทัพเข้าบดขยี้เมืองปีศาจ เจ้าชายทั้งสองประกาศว่าให้รางวัลแก่ผู้ที่สังหารฆาตกรฆ่าพี่สาวของพวกตนได้ 

                    แม้ขุนนางและราชวงศ์จะร่วมโศกเศร้า แต่ส่วนลึกหนึ่ง ในใจของบางคนต่างยินดีในความตายของแม่มดที่ทำให้สงครามและการขยายอาณาจักรดูชอบธรรมขึ้นกว่าเก่า

     

                    สงครามกินเวลานานกว่าสิบปี สูญเสียไพร่พลไปไม่น้อย แต่สุดท้ายแล้ว ชัยชนะก็ตกลงสู่กำมือมนุษย์

                     งานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ได้จัดขึ้นอีกครั้งเพื่อมอบให้แด่ราชาและกองทัพอันเกรียงไกรที่นำความยิ่งใหญ่มาสู่อาณาจักร เหล่าทหาร ขุนนาง ราชวงศ์ต่างมีรอยยิ้มเปื้อนหน้า พวกเขาสรวลเส ดื่มกิน เอมอิ่มในอำนาจที่หลั่งไหลมา ทว่า ในดวงตาของจอมทัพกลับมีความโศกเศร้า 

                    สิ่งเดียวที่ราชาได้กลับมาจากการทำสงคราม คือโถดินเผาบรรจุเถ้ากระดูก ในนั้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งซุกซ่อนอยู่               

     

     

                    ‘ดวงอาทิตย์สว่างเพียงใดก็ยังมีจุดดำ ราตรีมืดมิดเพียงใดก็ยังมีแสงดาว ใครเป็นผู้กำหนดกันหรือ ว่าโลกนี้มีเพียงความมืดและแสงสว่าง ใครเป็นผู้กำหนดกันหรือ ว่าสองสิ่งนี้คือเส้นขนาน

                    ในนิทาน ใครเป็นผู้กำหนดกัน ว่าเจ้าชายต้องรักเจ้าหญิง ใครเป็นผู้กำหนดกัน ว่าปีศาจ พ่อมด แม่มด คือฝ่ายร้าย จะเป็นอย่างไร หากเจ้าหญิงได้ครองคู่กับทหาร เจ้าชายได้พบรักกับหญิงสามัญ จะเป็นอย่างไรกัน หากแม่มดไม่ต้องเดียวดาย

                    ความอิสระในเจตจำนงของมนุษย์อยู่ที่ใดกัน ในเมื่อหัวใจและความรู้สึกถูกขีดกั้นด้วยกฎเกณฑ์ อำนาจ และเงินตรา โชคชะตามีไว้เพียงเพื่อกำหนดชีวิตหนึ่งให้ถึงจุดจบเช่นนั้นหรือ

                    เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้ง ข้าหวังว่าจะมีผู้ให้คำตอบกับข้าได้

                    ข้าหวังว่าจะไม่ต้องตัดสินใจจุดชนวนระเบิดด้วยไฟชีวิตตนเช่นนี้

                    ข้าหวังว่า นิทานจะมีตอนจบที่เปลี่ยนไป 

     

     

      

                    ความจริงที่ไม่มีวันเป็นจริงได้กลับมาเป็นจริง เมื่อคำโกหกกลายเป็นความจริง

                    โถเถ้ากระดูกของแม่มดได้ถูกฝังในสุสานราชวงศ์ ณ ที่ว่างด้านขวา ข้างหลุมศพที่เตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับราชายามสิ้นลม


                    เจ้าชายรักษาคำพูดเสมอ แม้ว่ายามนี้เจ้าชายจะไม่ได้เป็นเจ้าชาย และผู้ที่เขาอยากให้อยู่เคียงข้างจะเหลือแต่เพียงวิญญาณ

                   

     

      

                    สองปีหลังจากนั้น ราชินีได้ให้กำเนิดเจ้าหญิงองค์ที่สอง

                    นางเติบโตมาพร้อมกับนิทาน

     

     

                    ‘กาลครั้งหนึ่ง มีแม่มดเติบโตมาในวังพร้อมกับเจ้าชาย ... ’      







    (เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่เขียนสมัยเรียนมัธยมปลาย ราว ๆ 5 - 6 ปีที่แล้วเห็นจะได้ พอไปเจอไฟล์ในฮาร์ดดิสค์เข้าก็เลยอดไม่ได้ที่จะเอามาโพสท์)

    (เคยลงใน AO3 ไปแล้ว แต่ก็รู้สึกอยากเอาลงเก็บไว้ในมินิมอร์ด้วย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว)

    (ไม่ได้แก้อะไรไปมากกว่าตรวจคำผิดกับจัดหน้าใหม่เลย พยายามเก็บทุกอย่างให้เหมือนตอนแรกเขียนที่สุดเท่าที่ทำได้)

    (มาอ่านอีกรอบตอนนี้ก็รู้สึกว่าจริง ๆ แล้วมันน่าจะมีทางแก้ปัญหาที่แก้ได้อีกนี่นา อา....)

    (แล้วก็รู้สึกว่างานตอนนั้นมีกลิ่นความเบียวจัง)

    (อยากกลับไปเขียนไฮแฟนตาซีอีกจังค่ะ 5555 จริง ๆ นี่ก็มีโปรเจ็คแนว ๆ ซอร์ดแอนด์ซอเซอรี่อยู่ ตอนแรกวางโครงไว้กรุบกริบมาก เพราะจะเขียนเป็นกราฟฟิคโนเวลกับรุ่นน้องตอนช่วงงานซีเอ ไปไปมามาโปรเจ็คยกเลิก เลยเอามาขยายต่อเป็นนิยาย ยาวเลย ยาวไปเลย 5555)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in