เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ONCE IN LONDONWIRUNYUPHA
ONCE IN LONDON: I
  • เรามาถึงลอนดอนตอนประมาณ 8 โมงเช้าของวันที่ 12 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น ความตื่นเต้นแผ่กำจายไปทั่วเนื่องจากเกือบทั้งหมดไม่มีใครเคยมาเหยียบแผ่นดินอังกฤษมาก่อน (ยกเว้นไว้สองสามคนซึ่งประสบการณ์การเดินทางมากมายมหาศาลจนไม่แน่ใจว่าอายุเท่ากันจริง ๆ เหรอ) ทันทีที่เท้าแตะสนามบินฮีธโรว์และผ่าน Immigration มาได้อย่างสวยงาม พวกเราก็ใช้ไวไฟฟรีของสนามบินเช็กอินเพื่อแจ้งข่าวให้พี่น้องที่ไทยทราบ แล้วก็ออกมายืนรอรถบัสตรงอาคารผู้โดยสาร 4 (Terminal 4)

    สิ่งแรกที่สัมผัสในลอนดอนคืออากาศเย็น ๆ พร้อมกับลมปะทะหน้า ถ้าเปิดเช็กอุณหภูมิดูก็จะพบว่าอากาศอยู่ที่ 10 องศา และมีฝนปรอย ๆ ทุกคนควันออกปากไปหมดแล้ว ณ จุด ๆ นี้ เสื้อโค้ตที่เตรียมมาได้ใช้การสมใจ คนที่มารับพวกเราเป็นคนของสถาบันภาษา ขออนุญาตเรียกเธอว่าแคทเธอรีน (ลืมชื่อจริงไปแล้ว...) แคทเธอรีนเป็นคนสวยมาก เธอมาพร้อมกับรถบัสที่สามารถพาพวกเราร่วมสามสิบชีวิตเดินทางฝ่าฝนบาง ๆ ของลอนดอนมุ่งหน้าสู่ถนนวอร์วิกได้ในเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงถัดมา

    ตลอดการเดินทางสู่สถาบันภาษา พี่เอเจนซี่คอยให้คำแนะนำตลอดทางและไต่ถามสุขภาพว่าโอเคกับการเดินทางไหม หลับสบายหรือเปล่า จากนั้นก็เป็นช่วงอธิบายว่าหลังจากนี้เราต้องทำอะไรบ้าง โดยรวมคือไปสอบวัดระดับที่สถาบันภาษา แล้วก็ไปหาซื้อของใช้จำเป็นในร้านค้าใกล้ ๆ จากนั้นก็กลับบ้านกับโฮสต์

    เพราะเครื่องดีเลย์ทำให้พวกเรามาช้ากว่าที่กำหนดไว้หนึ่งวัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีปัญหามากนัก ทันทีที่ถึงหน้าสถาบันภาษาบนถนนวอร์วิก พวกเราก็รีบตรงไปที่ห้องเรียน ภารกิจสำหรับตอนนี้คือการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์เพื่อวัดระดับว่า วันพรุ่งนี้พวกเราจะได้อยู่คลาสไหน

    แม้ความง่วงสุดบรรยาย แต่ก็ต้องฝืนตาทำข้อสอบและตั้งสติกับคำถามภาษาอังกฤษที่มีทั้งยากปนง่าย พอผ่านข้อเขียนแล้วก็โดนเรียกเข้าสัมภาษณ์พูดคุยภาษาอังกฤษ ผลคือเราได้อยู่ห้อง Intermediate เป็นห้องกลาง ๆ ฟังกลาง ๆ เขียนกลาง ๆ พูดกลาง ๆ กลางไปทุกอย่าง 55555555 แต่ก็โอเคค่ะ ไม่ยากเกินไป และคิดว่าหลังจบคอร์สคงจะผ่านระดับนี้ได้(สักที)

    พอสอบเสร็จพี่เอเจนซี่ก็พาเราไปหาอะไรกินใกล้ ๆ ทิ้งข้าวของไว้ที่โรงเรียนภาษานี่แหละค่ะ 555 ตรงข้ามโรงเรียนเป็นมหาวิทยาลัยเวสต์ลอนดอน เดินย้อนขึ้นมา (หรือนั่งบัส) มุ่งหน้าสู่สถานี Ealing Broadway ทางซ้ายจะเป็นสวนสาธารณะ และบริเวณนั้นจะมี Ealing Broadway Shopping Centre ซึ่งจะกลายเป็นสถานที่สำคัญของพวกเราในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้

    มื้อแรกในลอนดอนของเราเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย... มันคือ KFC ธรรมดา ๆ แต่หน้าตาน่ารับประทานและราคาสบายกระเป๋าเงิน ณ จุด ๆ นี้มือถือของพวกเราทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาไว้ทับกระดาษเล่นและถ่ายรูป แต่มันกำลังจะใช้ได้ในเร็ว ๆ นี้

    จุดประสงค์หลักของการมา EBSC คือการหาซิมโทรศัพท์... พวกเราซื้อซิมของเครือข่าย Three จาก Tesco บริเวณนั้น แล้วก็ได้เบอร์มือถือของอังกฤษมาประดับเครื่อง ใช้ติดต่อกับเพื่อนและโฮสต์

    เราใช้เป็นบริการเหมาจ่ายรายเดือน ซึ่งเอาจริง ๆ ตอนนี้ก็จำรายละเอียดไม่ได้มากแล้ว แต่อินเทอร์เน็ตเป็นแบบ unlimited ล่ะ

    พอจัดการโทรศัพท์เสร็จ ต่อไปก็เป็นสิ่งสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งของคนลอนดอน นั่นคือบัตรโดยสารของ TfL (Transport for London) หรือเรียกกันว่า Oyster Card



    และนี่คือหน้าตาของออยสเตอร์การ์ดค่ะ

    ออยสเตอร์การ์ดเป็นสิ่งสำคัญมากในการเดินทางในลอนดอน เจ้าบัตรสีฟ้าใบนี้ใช้เดินทางได้ทุกอย่าง ทั้ง Bus, Underground, Overground, DLR ฯลฯ รวมถึงเรือโดยสารข้ามฟาก มีเจ้าบัตรนี้เรียกว่าไปไหนไปกันค่ะ ถ้าวงเงินที่เติมไว้พอก็ไปได้หมดทุกที่ทั่วลอนดอน

    สำหรับการสมัครบัตรก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร แจ้งว่าต้องการทำบัตรออยสเตอร์ในโซนใดบ้าง ซึ่งโซนที่ว่าหมายถึงโซนของสถานีต่าง ๆ ในลอนดอนค่ะ

    https://tfl.gov.uk/maps/track/tube << อันนี้คือแผนที่ที่ว่าคือ จะเห็นว่าแบ่งเป็นโซน 1-9 เลย

    โดยทั่วไป แลนด์มาร์กเด็ด ๆ ของลอนดอนอยู่แถวโซน 2 ค่ะ เราซื้อโซน 1-3 ไว้ ถ้าเกินค่อยจ่ายเพิ่ม ซึ่งกรณีเกินก็ไม่ได้มีบ่อยนัก แต่มันจะมีค่ะ 555555555

    เราใช้บัตรเป็นรายสัปดาห์ค่ะ พอครบหนึ่งสัปดาห์ก็เติมเงินตามตู้ที่สถานีต่าง ๆ อาทิตย์ละ 31 ปอนด์... อย่าคูณกลับเป็นเงินไทยค่ะ แพงมาก 5555555555 แต่ถ้าเปรียบเทียบความสะดวกสบายแล้วคุ้มมากค่ะ

    ไหน ๆ เวลาก็ยังพอเหลือ แม้จะมืดเร็ว แต่ในที่สุดพวกเราตัดสินใจพากันมาที่ Westminster เพื่อเยี่ยมชมแลนด์มาร์กสำคัญของลอนดอนค่ะ สิ่งนั้นก็คือ... Parliament ที่ตั้งของหอนาฬิกาบิ๊กเบนนั่นเอง


    พอมาถึงตรงนี้ถึงรู้สึกว่า... เฮ่ เรามาถึงลอนดอนแล้วจริง ๆ นะ ความรู้ตอนนั้นปลื้มปริ่มมากเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามถ้ามองไปจะเป็นลอนดอนอายส์ พอดีตอนนั้นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินด้วย ภาพที่เห็นเลยเป็นภาพลอนดอนอายส์ที่ย้อมด้วยแสงสีส้มทองของพระอาทิตย์ยามเย็นค่ะ


    สุดท้ายพวกเราก็กลับไปที่โรงเรียนเพื่อรอพบโฮสต์ ซึ่งโฮสต์ของเรากับเพื่อนอีกคน (ขอเรียกนางว่าปูเป้) เป็นคนแรก ๆ ที่มาถึงเลย โฮสต์คือคุณและคุณนายแวนดิจก์ ซึ่งมีลูกแฝดชายหญิงสองคน ณ ตอนนั้นเรารับรู้แค่นั้นค่ะ เนื่องจากเหนื่อยมาก เดินทางตลอดทั้งวัน ต้องการการพักผ่อนมาก ๆ หลังจากกินอาหารที่โฮสต์เสิร์ฟให้ก็ขอแยกย้ายและนอนตายในห้องค่ะ

    นี่เพิ่งวันแรกค่ะ... นับถอยหลังไปอีก 29 วันหลังจากนี้...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in