จิบกาแฟเสร็จแล้วก็ไม่รู้จะไปไหนต่อ เลยหันไปถามแม่ว่าอยากไปไหนไหม
แม่เงียบไปสักพักแล้วก็บอกว่าอยากดูอะไรที่มันเกี่ยวกับบาบ๋า ยะหยา
เรากับพี่เลยลองค้นดูว่ามันมีอะไรบ้าง เลยเจอ Peranakan Museum
และไม่รู้จะไปไหนกันอยู่แล้ว เลยลองไปดูก็ได้
บางคนอาจจะงงว่า เปอรานากัน (Peranakan) คืออะไร บาบ๋า ย่าหยา คืออะไร
หลายปีก่อน ThaiPBS เคยเอาละครสิงคโปร์มาฉาย ชืิ่อเรื่อง "บาบ๋า ย่าหยา รักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย" เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของชาวเปอรานากันคือสิงคโปร์
เปอรานากันคือลูกครึ่งมลายูกับจีน ซึ่งมีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างชาวมลายูกับชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพเข้ามาในอดีต (คร่าว ๆ ก็ประมาณนี้)
ดูจากเส้นทางแล้วคิดว่านั่งรถเมล์แล้วลงเดินน่าจะสะดวกกว่า เลยนั่งรถเมล์กันไป ติดนิดหน่อย แต่เทียบกรุงเทพมหานครบ้านเราไม่ได้เลยสักนิด
ระหว่างทางก็ผ่านพิพิธภัณฑ์แห่งชาติด้วย เจอกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษา
ตึกรามบ้านช่องสีสวยดี
ภายในมิวเซียมเราไม่ได้ถ่ายอะไรมาก เพราะตั้งใจดู
จังหวะที่เราไปก็มีไกด์นำทัวร์พอดี มีอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ในมิวเซียมก็เจอคนฮ่องกงกับฝรั่ง (ไม่แน่ใจว่าชาติไหน) ดูแล้วมีอะไรน่าสนใจเยอะแยะ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย การแต่งงาน เครื่องใช้เครื่องเรือน ห้องครัว อาหาร ธรรมเนียมต่าง ๆ มีแลกเปลี่ยนกันว่าที่จีนมีแบบนี้ไหม ฮ่องกงมีแบบนี้ไหม เราดูแล้วหลาย ๆ อย่างมีความคล้าย ๆ กับจังหวัดทางภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะเครื่องครัว มีความคุ้นตา เข้าใจว่าวัฒนธรรมก็คงส่งต่อและเผยแผร่กันไปตามพื้นที่ใกล้เคียง และมีแสตมป์ให้ปั๊มเล่นเป็นที่ระลึก สนุกดี มีโมเดลกระดาษเป็นกล้องโบราณอันเล็ก ๆ ด้วย
เดินในมิวเซียมจบก็ออกมาข้างนอก เริ่มหิวแล้ว พี่เราบอกว่าตรงนี้มันใกล้ห้าง ไปหาอะไรกินในห้างน่าจะดี
หลังกินข้าวก็แวะ Tiong Bahru Bakery สาขาในห้างนั้นแหละ รู้สึกจะเป็น Raffles City ถ้าจำไม่ผิด รอบนี้ลองชา ก็ใช้ได้อยู่
หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม และไม่ได้ไปไหนแล้ว ฝนตั้งเค้าแล้ว คิดว่าไปสนามบินเลยก็น่าจะดี เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อเหมือนกัน
พอถึงสนามบินก็นั่ง Shuttle Bus ไปดูอาคารอื่นหน่อย Terminal 4 ที่เพิ่งเปิดเห็นว่าสวยงาม ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเลยไปทัศนศึกษาสนามบินบ้านเขาหน่อย
สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ สวยงาม น่าอิจฉาไปหมด 55555
เช็คอินเอง โหลดกระเป๋าเอง ตามสบาย
ส่วนเจ้าเด็กคนนี้สนุกกับการเล่นกระเป๋าเดินทางจนแม่บ่น
เรามองผ่านกระจกใส ๆ เข้าไปถึงในเกท สนามบินเขาช่างโปร่ง โล่ง สบายตาดีจัง
เดินจนเบื่อแล้วก็กลับมาเช็คอิน เข้าไปนั่งเล่นรอเวลาขึ้นเครื่อง
โดยรวมก็เป็นทริปที่สนุกดี แม้อากาศจะไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่ ประทับใจกับการคมนาคมที่สะดวกสบาย แต่ไม่ค่อยประทับใจค่าครองชีพ 5555
เราไม่รู้ว่าจะพูดถึงอะไรเกี่ยวกับ Fuji X-Tra 400 เพราะชอบมาก ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และจะใช้ตลอดไป เป็นฟิล์มกันตายสำหรับเรา ความจริง C200 ก็ดี แต่บางครั้งเราก็กะไม่ถูกว่าจะไปเจอสภาพแสงแบบไหน เลยยึดหลักเดิม ปลอดภัยไว้ก่อน ขอ 400 ไว้เพื่อความอุ่นใจ 5555
บันทึกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่เน้นเนื้อหามาก แค่บันทึกเอาจากความรู้สึกและความทรงจำในตอนนั้น
นึกเสียดายที่ไม่ได้เขียนตั้งแต่ตอนที่ยังจำอะไรได้เยอะกว่านี้ ผ่านมา 8 เดือนเพิ่งจะมาอยากเขียน
เหมือนที่เขาว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ๆ
หวังว่าทริปต่อไปจะไม่ดองเอาไว้จนลืมแบบนี้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in