เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
To love To sharedaisyinspire
5 ข้อคิด ชีวิตแต่งงาน จากซีรี่ส์ Because this is my first life
  • Because this is my first life คือซีรี่ส์เกาหลีหน้าตาดูสบายทั่วไป แต่พอได้ดูแล้วกลับพบว่า แต่ละตอนได้แฝงแง่คิดสะท้อนสังคมเกี่ยวกับการแต่งงาน และความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ ในสังคมปัจจุบันให้เก็บไปคิดต่อมากมาย

    ซีรี่ส์เกาหลีมีเสน่ห์ก็ตรงนี้ ตรงที่เค้าเอาความสนุก ความฟิน เชื้อเชิญให้คนเข้าไปชม  ไดอะลอกดีๆ แสงสวยๆ เพลงเพราะๆ ที่กลมกล่อม ค่อยๆ นำคนดูเข้าสู่ “แก่น” ที่ต้องการสื่อ มันค่อยๆ แทรกซึมจนเราเก็บไปคิดต่อโดยไม่รู้ตัว   

    Because this is my first life เป็นเรื่องราวของตัวละครหลัก 3 คู่ ที่นำเราไปค้นหาความหมายของการแต่งงานและปัจจัยในการใช้ชีวิตคู่  พระเอก “นัมเซฮี” โปรแกรมเมอร์ผู้มีความหลังและไม่อยากมีชีวิตคู่ เค้าทำงานอยู่ในบริษัทแอพพลิเคชั่นชื่อ “เดทไม่แต่ง” เค้าซื้อบ้านและต้องการรูมเมทเพื่อแบ่งเบาภาระค่าผ่อนบ้าน ส่วนนางเอก “จีฮโย” เป็นผู้ช่วยนักเขียนบทละครทีวี เธอต้องการบ้านเช่าราคาไม่แพงเป็นที่ซุกหัวนอนในระหว่างการเดินตามฝันนี้ 

    ความต้องการที่แมทช์กันพอดิบพอดี ทำให้ทั้งคู่ได้มาอยู่ร่วมบ้านกัน และทำให้ชีวิตแรกของเค้าและเธอ ได้เรียนรู้และเข้าใจความหมายของคำว่า “ชีวิตคู่” มากขึ้น

    และนี่คือข้อคิดบางส่วน ที่ได้จากซีรี่ส์เรื่องนี้ค่ะ

    1. การแต่งงาน คือการแต่งกับ “คนรอบข้าง”ของเค้าด้วย

    หลังตกลงย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกันในฐานะรูมเมท ใครจะคิดว่าทุกอย่างจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อทั้งคู่มีครอบครัวและเพื่อนฝูง “การแต่งงาน” จึงเป็นทางออกให้กับทุกคำถาม และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องทำ ก็คือการทำให้ครอบครัวและเพื่อนของแต่ละฝ่ายยอมรับ

    บทต้องการสื่อกลายๆ ว่าชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ไม่ใช่การคิดถึงแต่กันและกันเท่านั้น มันยังเป็นการคิดถึงใจของคนรอบข้างในชีวิตแฟนเราด้วย  เรารักเค้า แล้วเราแคร์คนสำคัญในชีวิตเค้าด้วยรึเปล่า คนที่เลี้ยงดูและอยู่ข้างๆ แฟนเราเสมอมา เราให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน

    คู่ที่รักจริงและฉลาดพอจะรู้ว่า ชีวิตคู่จะราบรื่นและมีความสบายใจ ถ้าเรา "ได้ใจ" คนรอบข้างของอีกฝ่าย แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากในการปรับตัวเข้าหา แต่ผลลัพธ์ของความจริงใจและความทุ่มเท มันคุ้มค่าและมีคุณค่าจริงๆ

    2. จะมีอะไรดีไปกว่า “การพูดกันตรงๆ”

    เพราะเริ่มต้นจากการเป็นเจ้าของบ้านและผู้เช่า ข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันของ "เซฮี" และ "จีฮโย" จึงถูกลิสออกมาในสัญญา เช่น ผู้เช่าต้องแยกขยะ รักษาความสะอาด และช่วยให้อาหารแมว เป็นต้น 

    จะว่าไป ชีวิตคู่ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คนสองคนย้ายเข้ามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน คงไม่ต้องถึงขนาดร่างสัญญา แต่การพูดคุยกันตรงๆ ถึงสิ่งที่แต่ละคนชอบไม่ชอบ กฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกัน ไปจนถึงการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ก็เป็นพื้นฐานที่ทำให้การอยู่ด้วยกันเป็นไปอย่างราบรื่น  

    หลายครั้งที่การเก็บสิ่งที่ไม่ชอบไว้ ไม่พูดกันตรงๆ และการไม่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง กลายเป็นต้นเหตุของปมในใจที่ทำร้ายชีวิตคู่มานักต่อนัก

    3. คำพูด 1 ประโยคของเรา อาจฝังและตายอยู่ในหูของอีกคนตลอดไป ดังนั้น “คิดก่อนพูด”

    ปมในใจของพระเอกเกิดจากคำพูดสั้นๆ ของแฟนเก่าที่ทำให้เค้าคิดมาตลอดว่า เค้าคงดูแลใครไม่ได้ เช่นเดียวกับคำพูดของพ่อที่กลายเป็นปมปัญหาในครอบครัวมานานหลายปี

    สิ่งนี้เตือนสติได้ดีมากว่า “คำพูด” โดยเฉพาะคำที่ออกจากปากของคนที่เรารัก มันจะติดตราตรึงใจไปนานแสนนาน ทั้งคำพูดที่ดีและไม่ดี ดังนั้นคงจะดีที่สุด หากจะ "คิดให้ดีก่อนพูด" อย่าให้ความสนิท ความคุ้นเคย ทำให้กระบวนการกลั่นกรองคำพูดทำงานน้อยลง

    เช่นเดียวกับ “คำสัญญา” เมื่อเอ่ยออกไปแล้วย่อมสร้างความคาดหวังให้กับผู้ฟัง ความพยายามในการรักษาคำพูดและทำให้ได้ตามที่ให้คำมั่นไว้ เป็นการรักษาน้ำใจและแสดงออกถึงความใส่ใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการใช้ชีวิตคู่  

    4. ทุกคนล้วนมีห้องที่ 19  “อย่าลืมเว้นพื้นที่ส่วนตัวให้กันและกัน”

    นางเอกเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เธอมีหนังสือเล่มโปรดเล่มนึงสมัยเรียนชื่อ “ห้องที่ 19” เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานและมีลูก ด้วยภาระที่มากขึ้นทั้งลูกทั้งงาน ทำให้ชีวิตส่วนตัวของเธอหายไป วันหนึ่งเธอบอกกับสามีว่า เธออยากได้ห้องๆ นึง เป็นห้องที่เธอสามารถอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครมากวน สามีจึงได้กั้นห้องใต้หลังคาให้ แต่ไม่นานลูกๆ ของเธอก็เข้ามาหา มาเล่นด้วย จนห้องนี้กลายเป็นห้องของครอบครัวไปอีก

    เธอจึงตัดสินใจออกมาเช่าห้องเล็กๆ ในโรงแรมที่ไกลบ้าน โดยไม่บอกใครแม้กระทั่งสามี! และทุกสัปดาห์เธอจะมาอยู่ในห้องนี้ ไม่ทำอะไร แค่นั่งเฉยๆ อยู่กับตัวเอง วันนึงสามีบังเอิญรู้เข้าว่าเธอมาเช่าห้องในโรงแรมจึงถามว่าทำไมต้องมาที่นี่ มาทำอะไรทุกสัปดาห์ แล้วเธอก็ตอบว่า เธอมีชู้ !! งงมั้ยคะ

    ตอนที่ดูอยู่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอตอบอย่างนั้นทำไม แต่ "จีซู" เพื่อนนางเอกผู้เจนโลกก็ให้คำตอบว่า เพราะบางทีการอธิบายความจริงก็ยากไปและความจริงก็อาจทำร้ายคนที่เรารัก เธอจึงเลือกทางง่ายไม่อธิบาย และจบเรื่องนี้ด้วยวิธีของเธอ

    การหยิบเรื่องห้องที่ 19 มาเล่าคนเขียนบทอาจไม่ได้ต้องการสื่อการแก้ปัญหาของตัวเอก แต่ต้องการสื่อว่า คนทุกคนล้วนต้องการพื้นที่ส่วนตัว แม้จะมีชีวิตคู่หรือไม่มีก็ตาม มันเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต เป็นการให้เวลาตัวเอง ชาร์ตพลังให้กับตัวเอง เพื่อกลับไปทำหน้าที่ตามบทบาทของเราต่อไป 

    คนมีคู่ควรเข้าใจเรื่องนี้และหาความเหมาะสม ที่จะเว้นพื้นที่ส่วนนี้ให้กับตัวเองและคนรักอย่างสมดุล  

    5. อย่าให้ชีวิตคู่ทำให้เราต้องละทิ้งความฝัน

    แม่ของนางเอกได้ขอเรื่องนึงกับพระเอกไว้ในวันแต่งงาน เธอบอกว่า "จีฮโย" อยากเป็นนักเขียนมาก เป็นความฝันตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะแต่งงานก็ขอให้ "จีฮโย" ของเธอได้ทำตามฝันที่วาดไว้ "เซฮี" ตอบว่าผมอาจจะไม่สามารถให้คำสัญญาเรื่องอื่นๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ แต่เรื่องนี้คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไม่ขัดขวางความฝันของเธอ และเธอจะได้ทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการ

    เราทุกคนมีฝัน ความฝันทำให้เรามีชีวิตชีวา มีเป้าหมาย มีแรงขับดันที่จะเดินไปข้างหน้า อย่าให้การแต่งงานทำให้ชีวิตหนักอึ้งจนต้องทิ้งความฝันไป เพราะชีวิตคู่คือการให้อิสระ และสนับสนุนให้คู่ชีวิตของเราได้ทำในสิ่งที่เค้ามีความสุข

    ใครดูเรื่องนี้จบแล้วคิดเห็นยังไงมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะคะ :) ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู และอยากอยากหาซีรี่ส์ดีดีไม่หนักมากดูซักเรื่อง แนะนำเรื่องนี้ด่วนๆ ค่ะ 

    ขอจบด้วยฉากนี้ ดูแล้วเหมือนมีผีเสื้อซักร้อยตัวบินอยู่ในท้อง 555 

    ขอให้มีความสุขกับการดูซีรี่ส์ดีดีค่ะ ^^

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Sira Lao (@fb2092450514359)
ซีรีย์ที่สนุกมาก ชอบทุกตอน และชอบทุกคำพูดที่ code คำพูดของนักจิตวิทยา หรือ พื้นฐานของคนคอมพิวเตอร์ ช่างเหมือนตัวละครเป็นคนจริง ๆ มากเลย. สรุป ชอบมาก ๆ
daisyinspire (@uraisee)
@fb2092450514359 จริงค่ะ กดเลิฟรัวๆ ให้เรื่องนี้ ชอบรองจาก reply1988 เลยค่ะ :)