5. สร้างละครที่ไม่ได้ให้แค่ความบันเทิง แต่ให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ด้วย
ด้วยอิทธิพลของซีรีส์ฝรั่ง ทำให้ผู้กำกับ Taiji Nagasawa ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า เราน่าจะทำละครญี่ปุ่นที่เป็นแบบฉบับของตัวเองบ้างนะ และต้องเป็นละครที่ทั้งให้ความบันเทิงและความรู้ด้านประวัติศาสตร์ด้วย ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เกิดละครแนวไทกะ (Taiga Drama) หรือละครแนวประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ฉายทุกวันอาทิตย์ตลอดระยะเวลา 1 ปี เนื้อหาของละครก็จะเป็นเรื่องราวของวีรบุรุษและวีรสตรีในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งละครแนวนี้ก็สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญมีพิธีส่งมอบตำแหน่งดารานำกันทุกปีด้วยค่ะ เขาว่ากันว่านักแสดงคนไหนที่ได้รับบทนำในละครไทกะ ถือว่ามีฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
6. สร้างละครให้วัยรุ่นดู
ในปี 1964 ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก เรื่องกีฬากลายมาเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมตลาดละครญี่ปุ่นเลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาอีกว่า เรามาทำละครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “กีฬา” เข้าไปดีกว่า แต่ถ้าเป็นแค่กีฬาอย่างเดียวมันจะดูไม่น่าสนใจ เขาเลยเอาละครแนวนี้ไปผสมกับแนววัยรุ่นค่ะ แนวใสๆ ที่กำลังมีไฟพร้อมกับการแข่งขัน ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เกิดละครแนว Seishun Drama ขึ้น ละครแนววัยรุ่นที่เล่าถึงชีวิตของเด็กๆ ชีวิตในโรงเรียน อย่างเช่นเรื่อง My Boss My Hero, Gokusen, GTO เป็นต้น บางเรื่องก็จะผสมแนวกีฬาเข้าไปด้วย อย่างเช่นเรื่อง Water Boys, H2, Rookies เป็นต้น
ละครญี่ปุ่นในยุคแรกเริ่มนั้น ก็ยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งการค้นหา สร้างละครแนวต่างๆ เกิดขึ้น จากการจับพลัดจับผลูสร้างละครมาหลายๆ แนว ก็เริ่มทำให้ผู้สร้างละคร ผู้เขียนละคร พยายามคิดริเริ่มที่จะหาแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวเอง ที่ไม่ได้อิงกับละครต่างชาติมากนัก จนกระทั่งในยุค 80 พวกเขาก็คิดค้นเทรนด์ละครแนวใหม่ขึ้นมา เทรนด์ที่บ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่น และเป็นละครที่ไม่ได้ให้แค่ความบันเทิง แต่ยังมอบคุณประโยชน์ให้กับสังคมด้วย ซึ่งแนวที่ว่านี้ก็สืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน ว่าแต่จะเป็นละครแนวอะไรนั้น จะมาเล่าต่อในครั้งหน้าค่ะ
- แหล่งอ้างอิง:หนังสือเรื่อง The Dorama Encyclopedia
- ภาพวาดประกอบโดย T I T O
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in