เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
IntrovertJame Curser
เรามักเผลอทำร้ายตัวเองเสมอ
  • ภาพเด็กสาววัยรุ่นแผดเสียงดังด้วยความคลั่ง เหมือนทุกๆอย่างที่เคยอัดอั้นอดทนเก็บมันไว้ถูกปลดพันธนาการลงหมดสิ้น ใบหน้าที่ควรจะร่าเริงและอิ่มเอมด้วยรอยยิ้ม เปรอะเปื้อนน้ำตาจนชุ่ม ทั่วร่างมีแผลถลอกปอกเปรอะและรอยช้ำจากการทำร้ายตัวเอง 


    หลังจากปล่อยให้ความรู้สึกภายในล้นทะลักจนทะเลแห่งความทุกข์นั้นเหือดแห้งไป น้ำเสียงที่เคยสดใสของเธอก็แหบแห้งตามไปเช่นกัน เด็กสาวตัวน้อยฟุบตัวนอนกับหาดทรายอุ่นๆ สภาพจิตใจบอบช้ำและร่างกายที่อิดโรย เธอปล่อยให้กระแสคลื่นและสายลมช่วยพัดพาความหม่นหมองและท้อแท้ไป ให้น้ำทะเลใสๆช่วยชะล้างน้ำตาและคราบสกปรกมอมแมมบนร่างกาย


    เด็กหนุ่มคนหนึ่งเอนตัวพิงหมอนบนที่นอนเบาะยางของหอพัก ดวงตาสะท้อนแววเหนื่อยล้า และหดหู่จากการใช้ชีวิตในทุกๆวันที่ผ่านมาร่วมสิบปี แต่สิ่งที่เขาทำได้ และ ทำมาโดยตลอดเป็นเพียงแค่การเก็บกดมันเอาไว้ในจิตใจตัวเอง ปล่อยให้เรื่องราวทุกข์และสุขไหลมารวมกัน ผสมปนเปกันจนสุดท้ายมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาในจิตใจของเขา

    ดูด้วยความผิวเผินมันช่างเป็นสถานที่สุดแสนจะสวยงาม แต่ลึกลงใต้มหาสมุทรอันดำมืด มันคือท้องทะเลแห่งความหวังและผิดหวัง ท้องทะเลแห่งความสุขสมและเศร้าโศก ท้องทะเลที่กักเก็บความทรงจำไว้มากมาย และดูมันจะเอ่อล้นอยู่ตลอดเวลา 

    เด็กหนุ่มรู้จักทะเลแห่งนี้เป็นอย่างดี มันคือสถานที่ซึ่งเขาใช้หลบหนีจากความเป็นจริงอยู่เสมอ มันคือที่เดียวที่เขาดูจะมีตัวตนและเป็นตัวตนที่พิเศษยิ่งกว่าใครๆ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปดั่งปรารถนา แต่น่าเสียดายที่สถานที่สุดมหัศจรรย์นี้ไม่มีอยู่จริง



    เด็กสาวพลิกตัวนอนหงายแผ่หลาบนพื้นทราย ท้องฟ้าที่เมื่อกี้มืดครึ้มกลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง คราบน้ำตาและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์จางหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงใบหน้าอันเรียบเฉย เหมือนเธอไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใดๆในชีวิตมาก่อน แสงแดดส่องลอดช่องใบต้นมะพร้าวที่เรียงรายตลอดฝั่ง
    เธอหลับตาหลบความจ้าของแดด ปล่อยให้มันเหลือแค่ไออุ่นจางๆกระทบใบหน้าของเธอ

    เสียงคลื่น เสียงลม แสงแดด และร่มเงาของต้นไม้ ที่นี่มักจะคอยช่วยเธอให้ผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ไม่ว่ามันจะร้ายแรงและหนักหนาเพียงใดมันจะจางและหายไปเสมอ แต่ทุกอย่างล้วนต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมเช่นกัน ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนที่เธอต้องยอมเสียไปอย่างไม่เต็มใจ นั่นคือครอบครัว เพื่อน คนรัก สังคม หรือก็คือถ้าเธออยากจะอยู่ที่นี่ เธอจะต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่เหลือใครให้ดูแลหรือผูกพันธ์

    เด็กหนุ่มล้มตัวนอนราบไปกับเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงที่เขาแสนจะโปรดปรานเพื่อหวังจะให้เสียงดนตรีช่วยไล่ความรู้สึกหม่นหมองออกไปจากจิตใจ ทันทีที่โน๊ตตัวแรกดังขึ้นมา เด็กหนุ่มก็เห็นภาพในหัวของเขา เท้าที่จุ่มลงไปในทรายนุ่มๆ เสียงของลมและคลื่นทะเล ภาพทั้งหมดเกิดขึ้นตามที่เขาต้องการ เด็กหนุ่มนอนอมยิ้มเพียงลำพังท่ามกลางความสงบเงียบในห้องพัก 

    ในความคิดเขาเดินลัดเลาะตามแนวชายหาดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความเมื่อยล้ามาขัดจังหวะสักนิด ความรู้สึกอิ่มเอมใจในความลงตัวอย่างที่สุดของจินตนาการตนเอง นั่นคือสิ่งที่เขาตกหลุมรักมาตั้งแต่วัยเด็ก นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาสวมหูฟังแทบตลอดเวลา ถึงแม้ใครจะมองว่าเขาเป็นอย่างไร แต่มุมมองของคนเหล่านั้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรเลยสักนิด ตราบใดที่เขายังมีที่แห่งนี้  เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป 

    เด็กสาวเหม่อลอยไปแสนไกลเกินกว่าที่ดวงตาเธอจะมองเห็นได้จริง ภาพของพ่อแม่ คนรัก เพื่อน ทุกๆคนที่เธอเคยรู้จักนั้น โผล่ขึ้นมาบนหมู่เมฆ ความทรงจำที่ทำให้เธอคิดถึงสุดหัวใจ แต่ก็กระตุกความกลัวในจิตใจลึกๆของเธอเช่นกัน 

    เธอเพียงแค่สับสนและต้องการหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานั้น เธอเพียงแค่ไม่อยากเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน ไม่อยากได้ยินคำนินทาจากเพื่อนรัก ไม่อยากรับรู้คำโกหกของคนรัก แต่สิ่งที่เธอเลือกกลับกลายเป็นทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง และวิ่งหนีออกมาจากความเป็นจริง 

    เธอเลือกจะปฎิเสธความจริงและวิ่งหนีมันให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปถึง แต่สุดท้ายผลที่เธอได้รับคือต้องจมอยู่กับความจริง ความจริงที่เธอรู้อยู่แก่ใจ ว่าต่อให้เธอจะหนีไปอยู่ที่แห่งใดบนโลกใบนี้ พ่อและแม่ก็ยังคงทะเลาะกัน เธอจะยังได้ยินคำนินทาและคำโกหก ของแฟนและเพื่อนของเธอยู่ดี เพราะมันคือความจริง

    เด็กหนุ่มเพลิดเพลินกับสถานที่ในฝันของเขาได้เพียงแค่ชั่วครู่ เขาก็ออกเดินอย่างตั้งใจไปที่ไหนสักแห่งบนชายหาดแห่งนั้น ย่ำเท้าบนพื้นทรายได้ไม่นานนักเขาก็มาถึงที่หมาย สิ่งที่เขาพกมันลงมาที่นี่เสมอคือความรู้สึกย่ำแย่และเลวร้ายที่ได้พบเจอมาทั้งวัน ที่แห่งนี้คือธนาคารความรู้สึกที่เขาคิดเองมาตลอดว่ามันไม่มีวันเต็ม 
    เด็กหนุ่มแหกปากร้องตะโกนเรื่องราวในวันนี้ออกไป ที่พ่อแม่ทะเลาะกัน คำนินทาและคำโกหกที่ได้พบเจอ คำสบถต่างๆนาๆถูกพ่นออกไปพร้อมกับความรู้สึกที่เลวร้าย เขายังคงเพ่งเสียงตวาดออกไปที่ไหนสักแห่งข้างนอกนั่น โดยคิดว่าคงจะไม่มีใครที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้

    ทุกๆคำสบถ ทุกๆการตวาด เด็กชายไม่เคยรู้เลยว่ามีใครบางคนที่ยืนฟังเสียงตะคอกและรับคำด่าทอเหล่านั้นอยู่ข้างหน้าเขา 

    เด็กหญิงยืนจ้องมองเด็กชายด้วยสีหน้าแสนเศร้า ยิ่งเด็กชายตะคอกรุนแรงเท่าไหร่ ยิ่งเขาด่าและสบถมากเท่าไหร่ แววตาและสีหน้าของเด็กหญิงยิ่งแบกรับความทุกข์เหล่านั้นเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเด็กชายก็หยุดการบันดาลโทสะลงด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนและอาการที่เหนื่อยล้า ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำพูดสุดท้ายออกไป
    "ฉันขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ"
    เด็กสาวเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มช้าๆ เธอสัมผัสลงบนหัวของเด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนที่เธอจะจางหายไปในอากาศ ปล่อยให้เด็กหนุ่มระบายทุกความรู้สึกอัดอั้นออกมาผ่านน้ำตาและกำปั้นที่ทุบลงบนพื้นทราย


    ปลอกหมอนสีขาวเปียกซึมด้วยคราบน้ำตาที่ไหลลงมาตามแก้ม เสียงสะอื้นเล็กๆของเด็กชายดังชัดเจน ความเงียบสงบนั้นไม่ได้ช่วยปลอบโยนจิตใจที่ยุ่งเหยิงของเขาให้สงบลงบ้างเลย เสียงเพลงที่เขาชอบฟังยังคงดังก้องในหู ถึงแม้จิตใจของเขาจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้วก็ตาม

    "เรามักจะเผลอทำร้ายตัวเองเสมอ"
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in