เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หนาวนี้ที่จีนBabbityRabbity
Day 3 - ยิ่งสูงยิ่งเหนื่อย | Lijiang (ลี่เจียง)
  • เช้าวันนี้เรารีบตื่นลงมารอคนขับรถที่เราซื้อทัวร์ไป Jade Dragon Snow Mountain กัน ค่าตั๋วคนละ 460 หยวน มีรถมารับส่งเราถึงที่พักเลย พอออกจากที่พักเค้าก็จะพาเราไปจุดที่เหมือนออฟฟิศเพื่อไปเอาของที่ต้องใช้ ก็จะมีพวกเสื้อโค้ท กระป๋องออกซิเจน แล้วก็น้ำเปล่า พวกนี้คือรวมอยู่ในที่จ่ายไปแล้ว ตอนรับของก็คุยกัยไม่ค่อยรู้เรื่อง เราพยายามจะถามว่าอันนี้เราต้องจ่ายเงินเพิ่มไหม แต่ทางนั้นคุยภาษาอังกฤษไม่ได้ เราเลยต้องเข้า Google Translate เค้าชมเราด้วยว่า ภาษาจีนเราดีมากเลย โห้ เขินมาก เลยหงายจอที่กดแปลให้เค้าดู 55555555555555555555555 พอรับเราเสร็จปุ๊บคนขับบอกเดี๋ยวต้องไปรับอีกกลุ่มนึงที่จะไปพร้อม ๆ กับเรานะ เป็นการไปเที่ยวแบบต้องจอยทริปกับคนอื่นครั้งแรก ตื่นเต้นมาก คุยกับเพื่อนใหญ่เลยว่า คนที่จะไปด้วยกันเป็นคนประเทศไร

    พอตอนมาถึงที่รับคนที่ไปจอยทริปด้วยกัน กลุ่มนี้เค้ามากัน 3 คน พี่ผู้ชาย 2 คน เป็นคนอิตาเลี่ยน แล้วก็พี่ผู้หญิง 1 คนเป็นคนจีน เป็นทริที่คุยแล้วต้องสลับหลายภาษามาก คือพี่ผู้หญิงจะคุยจีนกับพี่คนขับ แล้วจะหันมาแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เรากับพี่ผู้ชายอีก 2 คนฟัง แล้วภาษาอังกฤษที่พี่เค้าพูดจะช้า แล้วก็ฟังง่ายมาก ๆ ส่วนพี่ผู้ชาย 2 คนนั้นเค้าจะคุยอิตาเลี่ยนกัน แล้วหันมาคุยภาษาอังกฤษกับเรา (ฟังpkdกว่าที่พี่ผู้หญิงพูดเยอะเลย) พอเค้ารู้ว่าเรามาจากไทย เค้าก็บอกว่า เค้าเคยอยู่ไทยนะ สอนนักท่องเที่ยวว่ายน้ำอยู่เกาะพีพี ยูเคยไปไหม เราเลยบอกเราไม่เคยไปเกาะพีพี เลยกลายเป็นว่า ชาวอิตาเลี่ยนแนะนำคนไทยให้ไปเที่ยวเกาะพีพี 555555555555555555555 

    ด้วยความที่เรามากันเช้ามาก ๆ คนขับเลยจะพอเราไปจุดดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า พูดได้คำเดียวว่า หนาวมากกกก โคตรหนาว คือมันหนาวแบบมีลมด้วย เย็นจนมือชาไปหมด 



    เสื้อคลุมสีแดง ๆ อันนี้คือตัวที่ทางทัวร์เค้าให้มาค่ะ หนามากกก ข้างนอก ๆ เป็นผ้าลื่น ๆ เหมือนกันละอองน้ำ กันชื้นอะไรแบบนั้น แล้วตัวโค้ทก็ยาวมาก ประมาณข้อเท้าเลย เพราะฉะนั้นตัวนี้กันลมได้ดีมาก ๆ ใส่แล้วอุ่นทั้งตัว

    ระยะทางกว่าเราจะได้เดินขึ้นเขาคือไปหลายต่อมาก เริ่มจากเค้าจะพาเราไปที่จุดจอดรถ แล้วพาเราเข้าไปด้านใน ทีนี้จะมีให้เลือกว่าเราจะจ่ายเงิน 50 หยวน เพื่อนั่งรถไฟฟ้าเข้าไปตรง Blue Valley ไหม ถ้าไม่จ่ายเพิ่มตรงนี้เราต้องเดินเอา ซึ่งเราคุยกับคนที่จอยทริปด้วยกันสรุปก็คือจ่ายค่ะ เพราะ 1 ระยะทางไม่ไกลก็จริง แต่อากาศเย็นมากเราไม่ได้อยากท้าทายอากาศขนาดนั้น 2 จะได้ประหยัดเวลาด้วย เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะไกลแค่ไหน


    มุมนี้ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ๆ อยากบอกว่าของจริงคืสวยกว่าในรูปมาก ใครมีโอกาสได้ไปลี่เจียงบอกเลยว่าที่นี่ไม่อยากให้พลาด 


    กล้องถ่ายรูปที่พกไปคือเป็นหมันนะคะ เพราะอากาศเย็นจัดแบตกล้องเลยลดจดหมดเลย เพราะงั้นไม่ต้องแบกไปให้หนัก ใช้กล้องโทรศัพท์ลุยเลยค่าา


    หลังจากออกจากจุดนี้ก็นั่งรถไฟฟ้าไปจุดถัดไปได้เลย เค้าจะมีุดจอดรถให้นักท่องเที่ยงลงไปถ่ายรูปเป็นช่วง ๆ


    มุมนี้เราถ่ายจากหลังรถไฟฟ้า เพราะว่าเลือกนั่งเบาะสุดท้ายที่หันหน้าออกไปด้านนอกเลยได้รูปนี้มา





    มีจุดนี้ที่เราไม่ได้นั่นรถกัน แต่ว่าลองเดินดู เพราะตอนนั้นดูนาฬิกาแล้วเวลาเหลือเยอะมาก ๆ เลยกะว่างั้นเดินถ่ายรูประหว่างทางไปกัน

    หลังจากเที่ยวตรงนี้เสร็จพี่คนขับนัดกินข้าวเที่ยงกันที่ Blackwater Mountain Village (ค่าข้าวรวมไปตอนที่เราซื้อทัวร์แล้วจ้า) อากาศเย็ยขนาดนี้จะไม่มีหม้อไฟได้ยังไงกัน อันนี้เป็นเหมือนต้มกระดูกหมู แล้วก็เติมพวกผักสด เส้น เต้าหูลงไป น้ำซุปอร่อย นัวมากกก


    หลังกินข้าวเสร็จเราวาร์ปมาที่ Jade Dragon Snow Mountain กันสักทีของเมื่อเข้าเป็นแค่จุดที่รวมอยู่นทัวร์เดียวกัน ยังไม่ถึงภูเขาจริง ๆ



    เห็นหิมะขาวทั้งลูกแบบนี้ แต่อากาศอุ่นกว่าตอนเช้า + Blue Moon เยอะมาก เพราะมันแดดออกแล้ว ทางเดินสูงจริง แต่มีบันได ทางเดินดีมาก มีจุดพักถ่ายรูป จุดขายของกินตลอดทาง 




    บันไดที่เราเดินขึ้นไปบนยอดจะเป็นแบบนี้ตลอดทางเลยค่ะ ดูเหมือนจะไม่เหนื่อย แต่พอเดินจริงเหนื่อยมาก แต่เราแนะนำว่าให้เดินเรื่อย ๆ นะคะ เหนื่อย หายใจไม่ทันก็หยุดพัก ไม่งั้นถ้าหายใจไม่ทันคนอื่นเค้าจะใช้กระป๋องออกซิเจนกัน ซึ่งเราไม่แนะนำเท่าไหร่ คือมันก็ไม่ใช่ของดีอะไร สูดเยอะ ๆ ไม่ดี เพราะงั้นเหนื่อยให้หยุดเดินเอาค่ะ อย่ารีบ 



    ทรปนี้เราพักยาดมไปค่ะ 555555555555555555555555555 หายห่วงมาก กระป๋องออกซิเจนก็ออกซิเจนเถอะ ยาดมเอาอยู่กว่ามาก เก้าอี้มีให้นั่งพักตลอดทาง ย้ำอีกรอบนะคะ เหนื่อยก็หยุดเดินค่ะ อันนี้แบบสำคัญมาก หายใจไม่ทันขึ้นมาเพื่อนไม่มีปัญญาแบกแน่ ๆ 





    ถึงยอดแล้ววว ขอถ่ายรูปกับมุมมหาชนนิดนึงนะคะ บอกเลยว่า ความสูงที่ 4680 เมตร อินเทอร์เน็ตข้างบนไวมาก เร็วกว่าเน็ตที่คณะอีก อัป IG Story ลงจนเป็นจุดไขปลา


    ก่อนคนขับจะไปส่งที่ที่พัก เราเลยบอกว่า ขอถ่ายรูปรวมกันหน่อยได้ไหม คนขับเค้าเลยพามาตรงจุดถ่ายรูปตรงนี้ เค้าบอกวิวสวยกว่า (ตอนแรกเราขอถ่ายที่ลานจอดรถ) ขอแชร์ความสนุกของผู้รวมทริปเรา พูดได้เลยว่า ทริปเฮฮามาก พี่ที่มาแชร์รถด้วยกันเค้า Nice มากกกก มีเอเนอจี้แหย่คนกรุ๊ปทัวร์ข้าง ๆ ตลอดเวลา ก่อนขึ้นเขาทุกคนเป็นห่วงเรากับเพื่อนมาก (เพราะดูอายุน้อยกว่าเค้าหลายปี) เค้าจะย้ำกับเราตลอดว่า ถ้ายูไม่ไหวค่อยใช้กระป๋องออกซิเจนนะ แต่อย่าใช้เยอะ เพราะมันไม่ดี หรือถ้ายูจะลงมาก่อนก็ให้รอตรงนี้นะ เดี๋ยวจะหากันไม่เจอ สรุปเรากับเค้าเดินสวนกันข้างบนตอนเราถ่ายรูปกับป้ายบนยอดเสร็จแล้ว ส่วนเค้ากำลังต่อแถวถ่ายรูป เค้าแบบตกใจมาก แบบอ้าวยูเดินขึ้นมาถึงก่อนอีกเหรอ เราก็ตกใจที่เค้าเพิ่งถึง เพราะเราหยุดพักดมยาดมตลอดทาง เพราะไม่อยากแตะกระป๋องออกซิเจนกัน คือยังไม่ได้รู้สึกว่าไม่ไหวขนาดหายใจไม่ทันขนาดนั้น ตอนที่กินข้าวเที่ยงกันเราแอบเห็นว่า พี่เค้าแทบไม่แตะเนื้อสัตว์กันเลย เลยแอบคุยกับเพื่อนว่า เค้าน่าจะกินมังสวิรัติกัน ความแบบเค้าดูโตกว่าเราเยอะมาก แต่เค้าก็ยังคุยเลยกันตลอด แย่งมันฝรั่งกันแบบขำ ๆ ทริปนี้เราเลยรู้สึกแฮปปี้มาก ไม่อึดอัดตอนเที่ยวกับคนอื่น

    พอลงจากเขาเราก็กลับไปเช็กเอ้าท์กับทางที่พัก แล้วนั่งรถบัสไปลงที่สถานีรถไฟเพื่อที่จะกลับคุนหมิงกัน ค่าเดินทาง 2 หยวนตลอดสายอีกเหมือนเดิม ประทับใจมาก เป็นการนั่งบัสที่ยาวนานมาก เราจำได้ว่า เพราะลงเขามาเหนื่อย ๆ พอขึ้นรถบัสเราก็หลับกันทั้งคู่เลย ขนาดตื่นขึ้นมาตั้งหลายรอบก็ยังไม่ถึง ด้วยความที่นั่งกอดกระเป๋าหลับ แล้วกระเป๋าเป้เราใบใหญ่มาก จำได้ว่าตอนที่ตื่นมารอบนึง มีคุณป้าที่เค้ายื่นอยู่ตรงหน้าเราเค้าเอามือดันกระเป๋าเราไว้ให้ด้วย เพราะเห็นเรากับเพื่อนหลับไม่รู้เรื่อง นอนแบบคอพับคออ่อน นั่งกันจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีเลย ที่นานเพราะสถานีรถไฟอยู่ออกนอกเมืองมาหน่อยนั่งเกือบสุดสายเลย พอถึงเลยเราเลยเข้าไปซื้อตั๋วรถไฟแบบนอน จากลี่เจียง > คุนหมิง คนละ 152 หยวน พอไปเห็นห้องในรถไฟเราพูดเลยว่าราคาดีมากกกก เพราะเราได้ที่นอนเตียงด้านล่าง แต่ละห้องมีฉากกั้นชัดเจน แต่ไม่มีประตูปิดเฉย ๆ มีม่านบัง มีโต๊ะตรงกลาง ที่สำคัญผ้าห่ออุ่นดี ด้วยความที่วันนี้เหนื่อยมากขึ้นรถไฟมานั่งกินขนมอยู่แปปนึงก็หลับยาวยันเช้า และหลับเพลินจนตอนเช้ามีเจ้าหน้าที่มาเคาะที่ห้องว่า เหลือแค่ห้องคุณแล้วนะ คนอื่นเค้าลงกันไปหมดแล้ว ตอนนั้นแบบตกใจมาก รีบใส่รองเท้า แล้วก็หอบของลงมาจากรถไฟเสื้อกันหนาวยังไม่ทันใส่เลย พอลงมาได้แปปนึงเห็นเพื่อนใส่เสื้อกันหนาวเลยนึกขึ้นได้ว่า เห้ย ของตัวเองลืมไว้ในตู้ เลยกลับไปบอกเจ้าหน้าที่คนเมื่อกี้ว่า ลืมเสื้อกันหนาวไว้ เค้าเลยบอกให้เรารีบไปเอา เดี๋ยวรถไฟจะออกแล้ว เราเลยรีบไปเอาลงมา มีเรื่องให้ตื่นเต้นกันตั้งแต่เช้าเลยจริง ๆ



    P.s.

    • กระป๋องออกซิเจนไม่ต้องซื้อก็ได้ เราว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เสียดาเงินมาก นี่ไม่ได้ใช้เลย
    • รถบัสขึ้นง่ายมาก มีป้ายลงบอกชัดเจนไม่ต้องกลัวหลง ราคาก็ถูกมาก 2 หยวนตลอดสาย
    • ตั่วรถไฟข้ามเมืองแบบนอนบ้านเค้าดีมาก ดีทั้งราคา และสภาพของรถไฟ ถ้าข้ามเมืองไกล ๆ ถ้าเมืองนั้นมีรถไฟผ่าน แนะนำให้ขึ้นรถไฟมากกว่าบัส 

    ค่าใช้จ่าย Day 3

    1224 (ค่าเดินทาง + ค่ากิน)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in