เอาล่ะ ถ้าคุณจะคาดหวังว่าผมจะเล่าเรื่องการเดินทางอันมีจุดมุ่งหมายและเต็มไปด้วยอุดมคติที่แบบ โโห้ แม่งโคตรจะงดงามและซาบซึ้งไปเล้ยย !!! แนะนำให้กดปิดไปเลยฮะ .... เพราะต่อจากนี้จะเป็นเรื่องราว + รีวิวชีวิตฉบับ loser ของเด็กนิติปี 4 คนนึง
เรื่องมันเริ่มต้นที่ว่า ผมผิดหวังจาการสัมภาษณ์ไป Work and Travel โครงการหนึ่งที่ใฝ่ฝันว่าแบบ เชี่ยย!!! กุอยากไปมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ด้วยเหตุผลบ้าบอคอแตกทั้งหมเทั้งมวลนั้นทำให้ได้ม่กสัมภาษณ์ในครั้งแรกก็ตอนปี 4 อิบ้าาาาาา ได้ก็แปลกแล้ว ....... ให้ตายเหอะ พอกลับมาถึงบ้านแล้วก็เห็นตั๋ว Air Asia ล่ะมันแบบ เอ้อ ถูกดีว่ะ ไปกลับ กทม. - เวียงจัทร์ 1810 เอง ...... อยากไปนะ อยากไปล่องคายัด ล่องห่วงยาง คุยกับฝรั่งบลาๆๆ ที่สำคัญคือโคดอยากไป Blue lagoon มากๆอ่ะ อืมๆๆ งั้นเดี๋ยวค่อยไปดีกว่า
กี่เดี๋ยวละล่ะ ที่จะเป็นจริง .... เอาวะ ไปก็ไป !
เพื่อน ? ชวนแล้ววๆๆๆ ไม่ใช่ไม่ชวน ... แต่ก็ไม่มีใครไป
ก็ไปคนเดียวดิวะ กลัวไร ? .... เดี๋ยวรู้กัน วังเวียงเวียงจันทร์ สักตั้งดิ้ล่ะ !
Travel Plan : Vientiene - Vang Vieng (4 days 3 night / 24-27 sep 2016)
Day1 = ดอนเมือง - เวียงจัทร์ - วังเวียง
Day2 = เที่ยววังเวียง
Day3 = วังเวียง - เวียงจัทร์
Day4 = เวียงจัทร์-ดอนเมือง
Day1 : เวียงจัทร์ ฉันมาแล้วว!!
ตอนเช้าด้วยความที่เราก็จัดกระเป๋ามาก่อนหน้าคืนนั้นแล้ว แต่เราก็กลับรู้สึกแปลกๆว่าแบบ เอ้อลืมอะไรมั้ยน้า ไม่หรอก 55555 เข้าข้างตัวเองไปอี้กกกกก เออเอาสิ ! 55555 เราพกความมั่นใจ มั่นหน้าและมั่นโหนก(แก้ม) ไปด้วยขณะเดินออกจากหอพัก ณ มหาลัยชื่อดังย่านทุ่งรังสิต แล้วก็เดินไปโบกรถ taxi ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ "ออกเดินทาง" เพื่อไปตามหาอะไรสักอย่าง ไปหาสิ่งที่จะไป เพื่อนใหม่ๆ ที่ใหม่ๆ เอาวะ ไปคนเดียวครั้งแรก กลัวไร...ไม่ไหวก็แค่กลับ ........... ไหวเซ่ !!
เรานั่ง taxi จากหอพักมายังสนามบินดอนเมืองใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาทั้งสนามบินด้วยค่ามิตเตอร์ 150 บาท จากนั้นก็เดินเข้าไปช่อง check in ด้วยความตื่นเต้น พี่พนักงาน air asia ก็ดูเอาใจใส่เราดีนะ พอเช็คอินเสร็จปึ๊ป ก็จะได้ใบตม.มากรอก อ่าาาาาา อิดอก กรอกไม่เป็นด้วยจ้าา คือเกิดมาก็ไม่เคยกรอก ก่อนหน้าที่ที่บ้านก็กรอกให้ตลอดนิ 55555555 แต่เอาเข้าจริงตอนนั้นก็แบบ เออกรอกไปเหอะ ผิดก็กรอกใหม่ดิ 55555 แต่เห้ย ฟลุ้คว่ะ 555 กรอกถูกเฉย พอเราเข้ามาในเกทแล้วเดินย่ำต้อกย่ำแต้กมาเรื่อยๆจนกระทั่งจนถึงเครื่องบิน ก็นั่งอะไรนั่นนี่นู่นปึ๊ป ก็โอเค สบายล่ะ ข้างๆเราคือนักท่องเที่ยวคู่รักชาวญี่ปุ่น ในใจเราก็แบบเออดีว่ะ ครั้งนี้นั่งล่ะไม่เจอทัวร์จีนเลย ดี้ดีอ่ะ 5555 แต่ๆๆๆ อิญี่ปุ่นจ่ะ หนักกว่าจีนไปอี้กก คือทีแรกเราคาดหวังว่าคนญี่ปุ่นเนี่ยะ มารยาทดีงามมมม ไม่ส่งเสียงดังนั่นนี่นู่นนน อิผี !! คุยตลอดทางเลยเหอะ แล้วเขาไม่ให้เอาน้ำเปล่าหรือของกินอย่างอื่นที่ไม่ได้ซื้อบนเครื่องมากกิน อินี่จะ แหกแม่งทุกกฎเล้ยยย เราก็เลยแบบอ่าวเห้ย นี่ยังเนี่ยย ..... สุดท้ายก็ได้แต่ทนๆไปแหละ ทำไงได้ก็นั่ง lowcost นี่หว่า นั่งๆไป๊ !
welcome to Vientiene ... เย้! ถึงล่ะโว้ยยยย เป็นความคิดแรกประมาณ 3 วินาทีในการประเมิณในใจ ต่อมาอีกตลอดความคิดทั้งทริปนี้คือ "กูจะเอายังไงต่อ !!!" คือแม่งคิดงี้จริงๆนะตลอดทั้งทริปอ่ะ ซึ่งก็เป็นอย่างงี้จริงๆ อ่ะพอลงมาจากเครื่องล่ะเราก็เดินย่ำต็อกๆๆ เดินไปตามคนข้างหน้าเข้าไปเพื่อจะที่ไปหาตม.ไรงี้ เอ้อพอผ่านตม.ไปได้ เราก็เดินลงมาข้างล่างตรง info ที่ข้างล่างสนามบิน และเหตุการณ์แรกก็เริ่มขึ้นคือว่า เราก็แลกเงินเป็นเงินกีบ (kip) ไว้ประมาณหกพัน และก็ซื้อซิมดทรศัทพ์ซึ่งเราเลือกซื้อแบบที่เล่นเน็ตได้ 2 กิ้ก แต่โทรออกไม่ได้ 5555555 นึกไปนึกมาก็บ้า ทำไมไม่เอาแบบที่มันโทรได้วะ พอจากนั้นเป้าหมายแรกคือเราต้องไปวังเวียงให้ได้ ด้วยความที่อ่านรีวิวมาล่ะมันบอกว่า 'ที่พักนี่ยังไม่ตต้องจองนะ ไปหาเอาดาบหน้าถูกกว่า อ่ะก็โอเค เชื่อรีวิวไป เราก็ไปถามตรง info อ่ะแหละว่า จะไปวังเวียงครับ แล้วตรงนั้นมันจะเป็นท่ารถแล้วก็จะมีบริการรถตู้กับรถ taxi ให้ไปถึงวังเวียง แต่ราคาเท่าไร ?
880,000 กีบบ .... จะบ้าหรอ! อยู่ๆจะให้ไปราคานั้นได้ยังไงนี่มันตั้งหลายพันเลยนะ ถ้าไปแบบนี้รับรองตังค์หมดไม่มีเงินเที่ยวพอดี ..... แต่ด้วยการเตรียมตัวที่ (เกือบ) ดีของเรา เราจำได้ว่าในรีวิวให้เรานั่งรถ taxi ไปลงท่ารถตู้สายเหนือ แล้วค่อยต่อไปวังเวียงแทน ซึ่งมันก็ใช้เวลาพอๆกันแหละ แล้วทีนี้เราก็ได้นั่งtaxi ไปลงที่ท่ารถตู้สายเหนือแล้ว พอถึงปึ๊ปก็เดินเข้าไปข้างในแล้วก็ไปถามทางเขา แล้วทีนี้เขาก็ให้เราไปรอในรถตู้ รถตู้มี่ลาวนี้คือแบบคันมันดูเลล็กๆกว่าของไทยนะเอาจริงๆ และก็นั่งรถตูไปเรื่อยๆๆๆๆๆ ความพีคมันอยู่ที่ว่า ระหว่างทางรถตู้มันก็จอดแวะพักเว้ย คือไม่ได้แบบจอดแวะแบบเออให้เข้าห้องน้ำไรงี้นะ แต่คือ 'การจอดให้คนมาขายหน่อไม้ ! WTF บ้าบอเหอะ นี่เลยทำให้เราช้าไปอีก 1 ชม คือเราอ่ะ จริงๆแล้วเราจะไปถึงวังเวียงประมาณ 5 โมง จากเวียงจันทร์แต่พอทีนี้เราก็เลยช้าไปด้วยเลย
เอาล่ะ ถึงวังเวียงแล้ว แต่พอถึงมันก็เย็นล่ะไง เลยไม่รู้จะไปไหน ที่พักก็ยังไม่ได้จอง พอดีมีลุงที่ขับรถรับจ้างผ่านมาพอดี เราเลยจ้างลุงให้ไปส่งที่พัก พร้อมกับอปป้าเกาหลี(ไม่หล่อ) 2 คนเพื่อตามเรามา เราบอกลุงว่า ลุงๆข้างในมันมีที่พักไหมอ่ะ แล้วผมจะไปหาที่พักถูกๆยังไง 'ลุงบอกอ่อ เอาราคาแบบไหนล่ะ เราก็บอกว่าไม่เกินคืนละ 500 อ่ะลุง จากนั้นลุงก็พาเราไป....แต่พาไปหาทัวร์ก่อน เราบอกลุงว่าจะไปซื้อ day tour ลุงก็โอเคพาเราไป 555555 ทำไมลุงพูดง่ายจัง จากนั้นเราก็ไปซื้อทัวร์และรถบัสขากลับไปเวียงจัทร์ในราคา 140,000 กีบ ซึ่งมันก็ไม่ได้แพงเลยนะ แล้วก็ไปหาที่พักต่อ เราได้ที่พักในราคา 400 บาทซึ่งอยู่นอกเมืองวังเวียงออกมาคือก็โอเคแหละ จะเดินไปในเมืองก้ 3 นาที 55555555 คือวังเวียงเป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ค่อยครึกครื้รถ้าไม่ได้ไปเที่ยวไหนต่อ 4 ทุ่มนี่ก็นอนได้แล้วนะ เราใช้เวลาเดินเล่นประมาน 15 นาทีก่อนจะเข้าไปที่พักแล้วก็นอน
Day 2 : วังเวียง เพียงฉัน ลำพัง ?
ตื่นมาตอนเช้าฝนก็ตกซะเเละ 55555 เลยนอนต่อตื่นมาอีกที 7.30 แหนะ เราอาน้ำแล้วออกมาหาไรกินโดยการตั้งใจไว้ว่าจะมากิน "บาเเก็ต" ที่นี้ให้ได้ คือบางทีเขาก็เรียกแซนวิชนะ 555555
มันดูเป็นขนมปังที่ใส่หัวหอม ใส่ไก่ (จริงๆล่ะมีหลายไส้) ใส่มะเขือเทศ บลาๆนั่นแหละ แต่ก็เป็นอาหารที่คุ้มกับราคามากที่สุดแล้ว
เราเดินกลับมานั่งกินที่ที่พัก เพราะตอนเช้าเขามีกาแฟฟรีให้ เออดีไปอย่าง 5555 แล้วมีฝรั่งคนนึงมานั่งข้างหน้าเรา เราก็เลยชวนเขาคุย ก็นั่นแหละมันเป็นจุดเริ่มต้นการหาเพื่อนสไตล์คนเที่ยวคนเดียวอย่างเรา คนที่เราคุยด้วยเนี่ยชื่อ Antonio เขาเป็นคน italian มาเที่ยวที่เชียงใหม่ก่อนแล้วก็มาต่อที่วังเวียงเนี่ยแหบละ สักพักมีผู้หญิงไทยคนนึงมานั่งข้างๆเขา พี่เขาก็บอกว่าเขาเป็นไกด์นำเที่ยวของชาวอิตาเลี่ยนพวกนี้แหละ เราก็คุยกันไปสักพัก เล่าว่าเรามาคนเดียวนะ จองตั๋วเครื่องบินได้ถูกอย่างงั้นอย่างี้ 55555 ทำให้บรรยากาศตอนเช้าเริ่มดีขึ้นมาบ้างนะ
พอเวลา 9.00 โมงก็มีรถบัสจากทัวร์มารับ ในนั้นมีคนอยู่ 9 คน รวเราด้วยซึ่ง....ทุกคนแม่งเป็นคนเกาหลีหมดเลย พอเราขึ้นไปปึ๊ปทุกคนก็กล่าวว่า "เซมิมาเซะ" เราก็ตอบกับไปว่า "Hello" ถถถถถ คือล่ะเพิ่งมารู้ทีหลังว่าคนพวกนั้นเขาใจว่าเราเป็นคนญี่ปุ่น 55555 โถว่คิดไปนะ 55555 จุดแรกที่เราไปคือเราไป "ถ้าน้ำ" พื้นที่ที่จะไปถ้ำน้ำเนี่ยก็ต้องเดินไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาที อยากจะบอกว่าโคตรร้อนเลยยยยย เตรียมครีมกันแดดไรให้พร้อมนะ หมวกด้วย ถ้ำน้ำก็จะมีนักท่องเที่ยวเต็มไปมหด ในถ้ำนี้ก็จะ "ไม่มีอะไร" 555555555 คือในถ้ำมันก็มืดๆเว้น ถ่ายรูปก็มองไม่เหน แต่เราไม่เคยลอดถ้ำเลยตื่นเต้นว่าเอ้อในถ้ำจะมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร 5555 เราก็ลอดบนห่วงยางแล้วก็นั่งๆไปน่ะแหละ สาวเชือกไปเรื่อยๆๆๆ น้ำข้างในเย็นมาก
พออกมาจากถ้ำก็ไปแช่น้ำแบบสบายๆแปปนึง เเล้วก็กินข้าวที่ทางทัวร์เตรียมไว้ให้ เราว่าเขาเตรียมดีนะ มีข้าวผัด บาร์บีคิว บาแก็ต น้ำเปล่า และเบียร์ลาว อร่อยสมรีวิวจริงๆ จากนั้นเราก็ไปต่อที่ถ้ำช้าง ซึ่งก็นั่นแหละมันมีหินงอกออกมาเป็นรูปช้าง แต่ถามว่ามีอะไรไหม...ก็ไม่ 55555555
นี่ไงรูปช้างงงงงงง อันนี้คือระเบิดที่เมกาเคยทิ้งไว้ เขาเลยเอามาทำเป็นระฆัง ไฮไลต์ของเรามาถึงแล้ววว คือเราจำได้เลยว่าเออเนี่ยถ้าไปที่วังเวียงยังไงก็ต้องไป"ล่องคายัค" เพราะวิวระหว่างทางสวยจริงงๆแล้วสนุกแล้วก็คุ้ม เราได้จับคู่การพายคายัคกับคนเกาหลีคนนึงเป็นผู้หญิง จุดพีคคือว่าเราก็นั่งข้างหลังเพราะต้องบังคับเรือ เลยให้เขานั่งหน้า แล้วที่นี้ตอนพายมันมีแม่น้ำไป 2 ฝั่งช่ะ แล้วทีนี้เขาก็ให้พายไปฝั่งซ้าย แต่พวกเราดันโดนน้ำพัดพายไปอีกฝั่งนึง ซึ่งตอนนี้พอมองไปที่แม่น้ำแล้วทุกคนหายไปหมด เหลือแค่เรือเราลำเดียว อินังเกาหลีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยย เอาแต่ร้องแหกปากโวยวาย เราก้เลยบอว่า stay calm stay calm 555555555 แล้วจากนั้นก้เริ่มค่อยๆหมุนตัว หมุนตัว แล้วก้ค่อยพายไป พายไป จนในที่สุดเราก้ตามทัน เย่! ทีนี้ระหว่างทางที่พายไป ในระยะทางเกือบ 10 กิโล บอกเลยว่าวิวสวยมากกก ลองไปก็เพลินไป ทำให้เราลืมความเมื่อนไปได้เลย แล้วก็มีแวะพักที่"บาร์น้ำ" คือมันก็ไม่มีไรอ่ะ เป็นแค่เพิงไม่ไผ่แล้วก็มีขายเบีย เปิดเพลงฝรั่งดังๆ 5555555 พอพายเสร็จแล้วเราก็ขึ้นฝั่งไป Blue lagoon
ในที่สุดก็มาถึง คือเราอยากมานี่แหละ 5555555 แล้วก็ต่อแถวไปโดดน้ำเรียบร้อย ได้โดดตั้ง 2 รอบ ที่เราประทับใจจริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่การได้ไปเยือนสถานที่ที่อยากจะไปแค่นั้น แต่ตอนเรากลับไทยมาก็เพิ่งมารู้ว่าเพื่อนคนเกาหลีที่ไปกับเราด้วย ถ่ายภาพเราขณะกระโดดน้ำแบบเป็น gif มาให้ อันนี้เซอร์ไพรส์สุดๆ
ของจริงสวยกว่าในรูปอีกนะ น้ำเย็น สบาย มาถึงบลูลากูนแล้วก็ต้องว่ายน้ำใให้สบายใจ สบายตัว คือน้ำมันใสมาก น้ำมันเย็นมาก เป็นสีฟ้า สีเขียวเลย ฝันเป็นจริงแล้ว 5555555
นาทีระทึกใจ เตรียมโดด 55555 พอตอนจะกลับ ก็ถึงเวลาที่ต้องล้ำรากันแล้วนะ เพื่อนคนเกาหลีก็เลยบอกเราว่า 'ขอเมลล์หน่อยจะส่งรุปมาให้ เราก็เลยให้เมล์เขาไปแล้วก้ไปถ่ายรุปด้วยกันแล้วก็ไปถ่ายให้เขาด้วย สุดท้ายแล้วการเดินทางไปวังเวียงนี้ เราไม่ได้ลำพังอย่างที่ันควรรจะเป็นไป สำหรับการมาคนเดียว การมาคนเดียวทำให้เรา "กล้า" และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ตอนค่ำๆก้เดินไปหาไรกินก่อนจะนอน
Day 3 : เวียงจันทร์ มันส์ร้อนมาก
เรารีบตื่นเช้าและเก็บของกับ check out ออกมาจากที่พักแล้วก็ไปซื้อบาแก็ตมากินอีกรอบ แต่บอกเลยนะรอบนี้อร่อยน้อยกว่าตอนเมื่อวานอีก เราเจอเพื่อนอิตาเลี่ยนกับพี่ไกด์คนเดิมก็คุยกันจนถึงประมาน 9 โมง เราลาพี่เขาแล้วก็ขึ้นรถมาคนแรก ในใจนี่แบบ มึงจะไม่พากุไปไหนใช่ไหม บรรยากาศเงียบๆ สักพักเขาก็เริ่มขับวนรอบๆวังเวียงทำให้เราเห็นบรรยากาศในตัววังเวียงในตอนเช้าๆที่ไม่ได้เห็นเมื่อวาน พอรับคนเต็มรถจึงกลับไปสู่เวียงจันทร์
โอเค พอลงจากเวีงจันทร์ปึ๊ป คำถถามที่เข้ามาในหัวคือ 'เห้ย นี่กุอยุไหนเนี่ย 5555 คือหลงเว้ย ก็เดินย่ำต้อกแต้กไปเรื่อยๆจนกระทั่งเราได้มาเจอกับขุ่นป้าผู้น่ารักบอกทางให้เราไปตลาดเช้าเพื่อที่จะหาที่พัก แต่ด้วยความร้อน ณ ตอนบ่ายๆตอนนั้น คือมันร้อนมากกกก เราก็เลยรีบๆไปที่ตลาดเช้า ปรากฎว่าหาที่พักตามรีวิวไม่เจอ !! เราก็เลยลองเสริจๆใน google map มันก็ปรากฎชื่อว่า 'Saysouly guest house ในใจก็แบบอ่ะ เอาว่ะ ไปก็ไป นอนแม่งคืนเดียว เราก็เดินไปไกลเลยแหละ 55555 แต่ระหว่่างทางก็ถ่ายรูปไปด้วยนะ ก็โอเค แต่ก็ร้อนหน่อย พอมาถึงที่พัก โอโห้ แม่เจ้าโว้ย บรรยากาศขรึมไปอี้กกกก พอไปดูห้องก็แบบเออะ มีห้องอื่นมั้ยครับ คือนึกภาพออกแมะ มันเป็นที่พักที่มีห้องและรูปหัวช้างแกะสลักแบบน่ากลัวๆอยู่นะ ห้องน้ำแอบมีราดำอยู่ให้เห็น ฝักบัวก็บิดไปไหนไม่ได้ โอยยย แต่ก็เอาวะอยู่ๆไป เราก็นั่งพักในห้องพักสักแปป พอถึงตอนบ่าย 3 เราก้ออกไปเที่ยวห้างตรงตลาดเช้ากินาเขียวและตากแอร์ รอจน 4 โมงเยนเพื่อจะไปเดินเล่นแถวๆประตูชัย
อันนี้ขนมลอดช่องที่ร้านอาหารเขาแถมให้ฟรี น่าร้ากกกก นี่คือห้องสมุด ที่ลาวยังคงมีการใช้ภาษาฝรั่งเศสอยู่จนวันนี้ ถนนก็ด้วย ที่เรียนภาษาฝรั่งเศสที่ลาว และแล้วอีกหนึ่ง destination ก็มาถึงคือออ ที่ประตูไชยนั่นเอง เราก็ถ่ายรูปเดินเล่นไปเรื่อยๆ ที่ประตูชัยเขาก็มีบริการถ่ายรูปให้นะ แต่เราว่าตอนเยนมันมืดๆล่ะกลัวแสงไม่สวย งั้นมาตอนเช้าพรุ่งนี้ดีกว่า จนกระทั่งได้ดูประตูชัยตอนกลางคืนก็สวยนะ สวยไปอีกแบบ
พอตกเย็นก็ไปหาอะไรกินแถวๆที่พักล่ะก็เดินไป "ตลาดมืด" มันอยู่หลังที่พักพอดี ของขายเยอะมาก ถ้าใครจะหาของฝาก ก็มาหาที่นี่ได้นะ ต่อราคาได้ด้วย คือเราต่อแบบแหลกลาน พอถึงประมาน 4 ทุ่มก็กลับแล้วก็เข้านอนและ
Day 4 : อำลา(ว)แล้ว
ตื่นมาตอนเช้าเราก็รีบเก็บกระเป๋าแล้วเช็คเอ้าท์ แล้วก็เดินไปที่ประตูชัย 55555 แอบไกลอิบ้า เดินไปเดินมาอยู่นั่นน่ะ จากนั้นเราก็ไปถึงประตูชัย แล้วก็ขึ้นไปข้างบนที่ประตูชัย พอขึ้นไปบนประตูชัยเสรจ เราก็ถ่ายรูปวิวจากข้างบน จะมองเห็นตัวเมืองเวียงจันทร์แบบสวยมากนะ
พอเดินลงมาเราก็มาต่อที่ข้างล่างและก็ได้ถ่ายรูป ในราคา 80 บาทไทยซึ่งถือว่าถูกมากๆจริงๆ ถูกกว่าที่เชียงใหม่ที่เคยไปถ่ายนะ 555555
ทีนี้เราก็จ้างรถตุ้กตุ้กไปที่ "วัดพระธาตุหลวง" ทีนี้เขาคิดราคาเรา 1 แสนกีบ คือประมานา 400 บาท แต่ทีนี้เราบอกเขาว่าจะกลับสนามบินด้วยเขาก็ใจดีพามาส่งโดยไม่คิดตังค์ เพราะเราดูใน package ของเขาแล้วแค่จากประตูชัยไปวัดก็แสนกีบจริงๆ อีกอย่างเรามาคนเดียวมันก็แพงด้วย ซึ่งมาคิดๆดูเอ้อถูกว่ะ 55555 วัดที่เราไปเนี่ยเสียค่าเข้าด้วย เราก็เดินถ่ายรูปไป จริงๆเราว่ามันจะสวยกว่านี้นะ ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ คือมันกำลังบูรณะอยู่แงะ
เราก็เดินไป ถ่ายรูปไป พอจนเสร็จประมาณสัก 10 โมงแล้ว เราต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายสอง เราเลยไปขึ้นรถกลับให้เขาไปส่งที่สนามบิน ระหว่างทางก็มีการพาชมรอบๆเมืองเวียงจันทร์สะหน่อย ก็ดีนะ
พอเราถึงสนามบินแล้วก็กลับไทยด้วยความสวัวดิภาพ ดีนะเครื่องไม่ดีเลย์อ่ะ
มีแต่คนมาถามว่าเที่ยวคนเดียวเหงาไหม ? อกหักหรอ ? ติสแตกหรอ ? เอาจริงๆนี่เป็นคำถามที่ได้ยินแบบบ่อยมากๆ บอกเลยว่าไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เเค่อยากมาเที่ยว แต่...มันไม่มีคนมาด้วยไง ก็เลยมาคนเดียว
มาคนเดียวแล้วเป็นไง ? ก็อยากเดินไปไหนก็เดิน อยากกินไรก็ได้กิน อยากไปไหนก็ได้ไป เหนื่อยก็พัก ไหวก็เดินต่อ...ก็ดีนะ ได้ฟังเสียงหัวใจตัวเองจริงๆเหงามั้ย ? 55555 มีแค่ก่อนนอนแหละ แต่ก็แก้ปัญหาได้ด้วย
การ live ผ่าน facebookเที่ยวคนเดียวแล้วได้อะไร :
ได้เพื่อนใหม่จากทั่วโลก อิตาลี อังกฤษ เมกา ไทย เกาหลี,ได้เปิดโลกกว้าง,ได้ผจญภัย,ได้แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง,ได้ลองผิดลองถูก,ได้พักผ่อนจริงๆ,ได้ใช้สกิลการเอาตัวรอด
คิดถูกจริงๆที่มา แม้จะดำขึ้นบ้างแต่ก็เทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่ได้มา "ต่างประเทศและเที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิต"Backpack ต้องใช้ไรบ้าง ? ทำไรบ้าง ? ....
ง่ายๆแค่ "เป้ 1 ใบ กับใจ 1 ดวง (เงินอีกนิดหน่อยก็พอ) และก้กล้าที่จะออกจากบ้านพอล่ะ"ด้วยรักและยังโสด
ลาไปป์ (เวียงจันทร์,สปป.ลาว)
270916
- สรุปค่าใช้จ่าย
- วันแรก วันที่ 2
- ค่า taxi ไปสนามบิน 150 bath ค่าบาแก็ตตอนเช้า 20,000 k
- ค่าซิม 77,000 k ค่าเฝออาหารเย็น 25,000 k
- ค่า taxi ไปท่ารถตู 66,000 k ค่าโรตี 10,000 k
- ค่ารถตู้ไปวังเวียง 500,000 k ค่าแชมพูสระผม 10,000 k
- ค่ารถเข้าโรงแรม 1000 k รวม 235 บาท ค่าโรงแรม 800 bath
- ค่าข้าวเย็น 25000 k
- ค่าน้ำ ขนม 16,000 k
- ค่า daytour 140,000 k
- ค่ารถกลับเวียงจันทร์ 40,000 k รวม 2761 บาท
- วันที่ 3 วันที่ 4
- ค่าข้าว 20,000 k ค่าที่พัก 540 บาท
- ค่าเข้าวัด 5,000 k ค่าข้าวเช้า 13,000 k
- ค่าไอติมและน้ำ 7,000 k ค่าขนมที่สนามบิน 48,000 k
- ค่าข้าวเย็น 66,000 k ค่าเข้าวัดพระธาตุหลวง 5000 k
- ค่าของฝาก 140,000 k ค่าดอกไม้ธูปเทียน 500 k
- รวม 923 บาท ค่ารถตุ้กตุ้ก 100,000 k
- ค่าถ่ายรูป 2000 k
- รวม 1277 บาท
รวมทั้งหมดแล้ว 5205 บาท ทั้งทริป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in