เคยบอกว่าจะคุยเรื่องการ “ก็อปเพลง” มาซักพัก จากการพยายามศึกษามาร่วมปีก็สรุปได้มาคร่าวๆ เราพยายามจะเขียนให้ทุกคนอ่านเข้าใจและเห็นภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ เพราะบางทีศัพท์เฉพาะก็เยอะเหมือนกัน ทั้งนี้ต้องขอบอกก่อนว่าเราเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญทั้งด้านกฎหมายหรือด้านดนตรี ทั้งหมดนี้เกิดจากการศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้ามีผิดพลาดอะไรก็รบกวนพิจารณาทักท้วงเพื่อความถูกต้องด้วย
_____________________________________
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจ Musical similarity หรือ
แต่ทั้งสามแบบแยกออกจากกันยากเหมือนกัน มันเป็นแค่เส้นกั้นบาง ๆ ดังนั้นเลยต้องพิจารณาหลายอย่างในเพลงประกอบ ได้แก่
ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาคือ ลิขสิทธิ์จะครอบคลุมการแสดงออกทางความคิด (Expression of idea) แต่จะไม่ครอบคลุมความคิดหรือแนวคิด (Idea)
ทีนี้เราจะตัดสินได้ยังไงว่าเพลงไหนก็อป เราก็ดูจาก Substantial Similarity and Access ตาม Arnstein บอกไว้
1. Substantial Similarity – พูดง่ายๆ ก็คือมีความคล้ายคลึงระหว่างผลงาน
2. Access – คนแต่งสามารถเข้าถึงแหล่งงานนั้นได้ เช่น คนแต่งเคยฟังเพลงนั้นมาก่อน
แพทเทิร์นของจังหวะโดยทั่วไปก็ไม่มีลิขสิทธิ์ ดังนั้นคนจะไม่ค่อยยกจุดนี้มาเปรียบเทียบเป็นอย่างแรก แต่สิ่งที่ชัดกว่าคือเมโลดี้ซึ่งมันก็มีทั้ง pitch และ rhythm ของตัวเอง
เป็นคอนเซ็ปต์ที่ใช้บอกความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละเครื่องดนตรี การเรียบเรียงเพลง เสียงและสไตล์การร้องของนักร้องที่รวมไปถึงเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ที่มาบ่งบอกเอกลักษณ์เพลงนั้นๆ เช่น เพลง We Will Rock You ของ Queen ฟังแล้วสามารถรู้ได้ทันทีเพราะมันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงแม้จังหวะจะไม่ได้พิเศษอะไร แต่การใช้เสียงกระทืบเท้าและเสียงปรบมือ 3 ครั้งใน 1 ห้อง (ตึก ตึก โป๊ะ) ก็เลยฟังแล้วรู้ทันทีว่าเป็นเพลงนี้ บางเพลงอย่าง E.T. ของ Katy Perry ก็เล่นจังหวะแบบเดียวกันแต่เปลี่ยนมาเป็นเสียงกลองแทน ใครฟังก็รู้ว่าได้มาจากไหน แต่ก็ไม่ถือว่าเป็น plagiarism แต่ถ้าเมื่อไรที่ใช้การกระทืบเท้าและปรบมือเหมือนกันเป๊ะก็อาจกลายเป็นเคสที่ต้องพิจารณาได้ เพราะส่วนนี้เป็นเอกลักษณ์ของ We Will Rock You
4. Melody
ส่วนใหญ่เมโลดี้มักเป็นส่วนสำคัญที่จะบอกว่าก็อปหรือไม่ เมโลดี้อย่างที่บอกคือมีทั้ง pitch, shape และ rhythm ถ้ามีเหมือนกันทั้งหมดก็อาจตัดสินได้ชัดเจน แต่ถ้าเหมือนบางส่วนก็ยังบอกได้ยาก บางทีก็อาจบอกได้แค่ว่าเป็นแรงบันดาลใจตรงๆ
มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนกล่าวว่า ถ้าโน้ตเหมือน 5-9 ตัวติดกัน (ใน 2 ห้อง) ก็มีความเป็นไปได้ว่าก็อปเพราะความบังเอิญที่โน้ตจะเหมือนกันจะค่อยๆ ลดลงแบบ exponential
สุดท้ายแล้วการตัดสินเรื่องก็อปไม่ก็อปก็เกิดจาก “ความน่าจะเป็น” เป็นส่วนมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับความดังของเพลง (บ่งบอกถึง access) สมมติมีคนบอกว่าไปก็อปเพลงของวงดังๆ รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง คนแต่งจะมาอ้างว่าไม่เคยฟังก็คงยากที่จะเชื่อ แต่ถ้ามีคนบอกว่าก็อปจากวงอินดี้ที่ฟังกันเฉพาะกลุ่มก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะแค่บังเอิญ ก็ต้องดูหลากหลายปัจจัยร่วมกัน
_________________________________________
สุดท้ายแล้วก็อย่าไปกล่าวหาว่าเพลงนั้นก็อปเพลงนี้แค่เพราะเราได้ยินแล้วรู้สึก "คุ้นๆ" เพียงอย่างเดียว เพราะบางทีมันอาจเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้ อีกประเด็นคือความจริงพวกดนตรีมันก็มีแบบแผนของมันว่าคอร์ดไหนมาต่อกันแล้วฟังดูดี ใช้โน้ตยังไงถึงจะฟังไม่แปร่ง มนุษย์ทุกคนก็ย่อมมีเซนส์เรื่อง harmony พวกนี้ฝังในสมองส่วน prefrontal cortex อยู่แล้ว (อันนี้มีวิจัยมารองรับด้วย เข้าไปอ่านกันได้ที่นี่) โดยเฉพาะถ้ายิ่งฟังมากหรือทำเพลงเยอะ เพราะฉะนั้นมันอาจจะบังเอิญเหมือนกันได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in