ชื่ออัลบั้ม landmark มาจากตึก Landmark Center ที่เซนต์พอล ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาชอบแวะเวียนไปประจำสมัยเรียนไฮสคูล ทั้งชื่ออัลบั้มและแทร็กลิสต์ในผลงานชิ้นใหม่นี้ไม่มีการใช้ตัวอักษรใหญ่เลย เจคให้เหตุผลว่า พวกเขาอยากให้อ้างถึง landmarks แบบที่พวกเขาเห็นทั่วไปตามท้องถนน เหมือนเป็นประสบการณ์ที่พวกเขาจดจำไว้
จุดเด่นหลักของ Hippo Campus ยังคงเป็นซาวด์เฉพาะตัวและเนื้อเพลงที่เรียบเรียงออกมาได้สวยงามราวฟังบทกวีที่มีทำนอง อัลบั้มนี้แสดงความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทั้งในแง่ดนตรี เนื้อเพลง จนไปถึงความคิดความอ่านของสมาชิกในวง ทำให้เราได้เห็นมุมมองทางดนตรีและมุมมองต่อโลกของเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่ง
01 - sun vein อินโทรเปิดอัลบั้มที่ใช้เสียงสังเคราะห์และเนื้อร้องสั้นๆ
เจคเล่าว่าเพลง sun vein พูดถึงคนอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็พูดถึงตัวเองและทุกคนในวง ตลอดปีที่ผ่านมาเขาคิดว่าตัวเองต้องแตกต่างและวงก็ต้องไม่ซ้ำซาก แต่สุดท้ายก็พบว่าที่จริงแล้วพวกเขาต้องมองลึกลงไปภายในและเสาะหาความเป็นตัวของตัวเอง
02 - way it goesVIDEO
เพลงติดหูอีกเพลงที่ปล่อยออกมาให้ทดลองฟังกัน แสดงความสดใสสไตล์ Hippo Campus ด้วยเบื้องหลังที่ไม่ได้สดใสเท่าไรนัก เจคให้สัมภาษณ์ว่าเพลงนี้บอกถึงความชัดเจนที่ว่าพวกเราเป็นเพียงเรื่องตลกขบขัน มนุษย์อาศัยอยู่บนโลกที่มีโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข่าวหลัก สสารนิยมคือหลักความเชื่อของเรา พวกเราพยายามที่จะควบคุมวิธีที่คนอื่นมองมาที่ตัวเอง ใช้ประเด็นทางสังคมมาเป็นฉากหลังของเรื่องดราม่าส่วนบุคคล
แต่เวลาที่เราได้หลุดออกมาจากความจริงอันเสแสร้งนี้ เวลานั้นต่างหากที่สำคัญ
03 - vinesเพลงนี้ชอบการร้องของเจคแต่ละเวิร์สมาก ใช้คีย์ที่สูงขึ้นกว่าเพลงอื่นและการตวัดเสียงทำให้ดูมีสีสันดี
ฟังเพลินจนรู้สึกว่า 2.39 นาทีมันสั้นเกินไป
04 - epitaphepitaph หมายถึง คำจารึกบนหลุมฝังศพ และแน่นอนว่าเพลงนี้เป็นเพลงช้า
การมิกซ์เสียงช่วงแรกแอบทำให้นึกถึงบางเพลงของ The 1975 เสียงเจคประกอบกับเสียงซินธ์และกีตาร์คลออยู่เบื้องหลัง ฟังแล้วสบายและรู้สึกผ่อนคลายดี
เมโลดี้ท่อนฮุกติดหู ชอบไดนามิกการใช้เสียงของเจคด้วย
ฟังไม่นานก็ฮัมตามได้
05 - simple seasonVIDEO
ชมแดฟโฟดิล เดินเที่ยวทะเลสาบแฮเรียตและเก็บบลูเบอร์รี่ไปกับฤดูร้อนฉบับมินนิโซตา เพลงนี้กีตาร์เมโลดี้สดใสขี้เล่นและเสียง falsetto ของเจคทำให้ย้อนกลับไปวัยเด็กที่มีความสุขกับการใช้ชีวิตในช่วงชีวิตหนึ่ง
06 - tuesday"บางทีฉันเรียกมันว่าวันอังคาร บางทีฉันก็เรียกมันว่าวันที่ดีที่สุดของชีวิต" เพลงง่ายๆ
ที่ฟังสบายๆ ในวันอังคาร
ไม่ได้โดดเด่นแต่ก็ฟังเพลิน น่าจะเป็นเพลงที่ง่ายๆ สุดในอัลบั้ม
07 - western kidsเพลงนี้น่าจะเป็นไฮไลท์อีกเพลงในอัลบั้ม
ดนตรีมีลูกเล่นเยอะดี จังหวะเพลงแหวกออกมาจากเพลงอื่นในอัลบั้ม แต่โดดเด่นสุดน่าจะเป็นกลองที่เราชอบมากเป็นพิเศษ เหมือนสปอร์ตไลท์ฉายไปที่มือกลอง แต่ไม่ได้เด่นจนกลบส่วนอื่นไปหมดนะ ยังคงเป็นเพลงที่ทุกอย่างลงตัวดี
อยากให้วงออก mv เพลงนี้ออกมาบ้างจัง
08 - poemsเพลงนี้เป็นเพลงที่ยาวที่สุดในอัลบั้ม 5.24 นาที เริ่มต้นด้วยเสียงร้องของเจคเป็นหลัก ค่อยๆ กระตุ้นอารมณ์มาเรื่อยๆ ไปสู่เสียงซินธ์ที่คลอไปกับท่อนลาลาลาลา
ให้ความรู้สึกจมดิ่งไปกับอะไรบางอย่าง เหมือนเป็นเพลงที่กำลังจะบอกว่าต่อไปจะเริ่มเข้าสู่ความมืดมิดแล้วนะ
09 - monsoonVIDEO
monsoon หมายถึง "มรสุม" ซึ่งในเพลงนี้เล่าถึงการสูญเสียคนในครอบครัวและไม่รู้สึกโศกเศร้ากับมัน พวกเขาบอกว่า สิ่งที่ดีในชีวิตคือการได้ใช้เวลาสนุกกับมันแทนที่จะไปเสียใจในสิ่งที่ควรจะเป็น เพลง monsoon นี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ปฏิเสธความคิดที่ว่า
"มันควรจะเป็นฉัน" และข้ามผ่าน
"ความรู้สึกผิดที่ไม่รู้สึกผิด" นั้นไปให้ได้ พวกเขาสร้างโลกใบนั้นขึ้นมาในเพลง ๆ นี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวยาและรักษาคนเหล่านั้น
ปกซิงเกิ้ลเพลงนี้เผยให้เห็นรูปปฏิทินเปิดไปที่เดือนมิถุนายน ปี 2009 ซึ่งนำย้อนไปยังเหตุการณ์เมื่อวันพุธแรกของเดือนนั้นที่พี่สาวของเนธาน (Makenzie) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์
เพลงนี้เป็นเพลงช้าที่เราชอบมากในอัลบั้ม เปียโนที่คลอกับเสียงร้องของเจคกระตุ้นอารมณ์ขุ่นมัวให้มากขึ้นไปอีก เป็นเพลงที่เศร้าจับใจแต่ก็สวยงามในเวลาเดียวกัน
10 - vacation เพลงช้าอีกเพลง
ยังไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรมาก
เราว่ายังสู้เพลงช้าก่อนหน้านี้ 2 เพลงไม่ได้
11 - boyish VIDEO
เพลงแรกที่ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยกันก่อน เพลงนี้น่าจะคล้ายกับสไตล์ใน EP เก่าๆ มากสุด เป็นเพลงที่ทางวงบอกว่าเกี่ยวกับ "วิญญาณของตัวตนในอดีต” นั่นคือการเปิดประตูย้อนกลับไปสู่วัยเด็กและมองชีวิตผ่านดวงตาของเด็กชายตัวเล็กๆ คนเดิมที่เคยเป็น
12 - interlude แทร็ก instrument ก่อนจบอัลบั้มที่เล่นต่อจาก boyish แบบแทบไร้รอยต่อ
แต่เราว่ามันมาขั้นช้าแล้วเปลี่ยนอารมณ์ไวไปหน่อย ตั้งตัวไม่ทัน
13 - buttercupต่อจาก interlude ที่โหมมาก็เป็นเสียงหลบร้องเบาๆ กับดนตรีเบาๆ
ของเพลงนี้ เพลงสุดท้ายในอัลบั้มเล่าถึง "การต่อสู้ภายในต่ออุปสรรคภายนอกและความพยายามที่จะอยู่กึ่งกลางระหว่างมัน" ชอบตั้งแต่หลังท่อนบริดจ์ไปจนจบ
ขอแถมไลฟ์เพลงทั้งหมดจากอัลบั้ม landmark ยาวไป 45 นาที ดูกันให้อิ่มไปเลย
VIDEO
สรุป ชอบสุด : way it goes, western kids, monsoon, simple season
ความประทับใจ : ไม่รู้จะพูดยังไง แต่จากใจคือชอบน้องแซค ทุกเพลง เรียกได้ว่าเป็นเดบิวต์อัลบั้มที่ประทับใจและมีคุณภาพสูงมาก น่าติดตามต่อไปในอนาคต
ความฟังยาก : ★☆☆☆☆
ความคุ้มค่า : ★★★★★ (เหมือนไปซื้อเลย์แต่เปิดถุงไปเจอทอง)
ใครฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง ไปแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเราได้นะ @PuRoii
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in