เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
What if... Rey turns to the Dark SideIfIStay
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน Chapter 7
  • เรย์ตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืดพร้อมความระบมของร่างกาย เธอยันตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพลางเหลือบมองดูชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ มีเพียงผ้าห่มผืนบางปกปิดร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่ไว้

    พวกเขาเข้ากันได้ดีมาก

    สอดรับประสานกันทั้งทางร่างกายและอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

    เรย์ค่อยๆ ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปข้างนอกกระท่อม แสงอาทิตย์เริ่มฉายสาดส่องพื้นน้ำและใบหญ้าของอาค-ทูแล้ว เธอพิงตัวเข้ากับกำแพงกระท่อมพลางมองดูผืนน้ำและผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ พลางคิดเรื่องของเพื่อนกลุ่มกบฏของเธอและถอนหายใจเบา ๆ

    ‘ป่านนี้พวกเขาจะเป็นยังไงบ้างหนอ?’

    หลังจากเกิดเรื่องขึ้นที่เฮ็กซาโกล เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาอีกเลย เบนพาเธอมาหลบซ่อนตัวที่นี่เพราะไม่อยากให้ใครพบ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าสายเลือดพัลพาทีนยังมีชีวิตอยู่

    ช่างน่าขันนัก

    ที่ผ่านมาเธอรังเกียจคนชั่วมาตลอด มาตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอมีสายเลือดคนชั่วช้าอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม

    แถมยังสืบทอดพลังของพวกเขามาอีกด้วย

    ‘น่ารังเกียจชะมัด!!’

    เรย์คิดกับตัวเอง ใจอยากฉีกทึ้งร่างกายของตัวเองทิ้งซะเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ

    เธออยากฆ่าตัวตายนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เป็นผู้สืบทอดพลังของพัลพาทีน แต่เพราะเบน...

    เบนเข้ามาโอบกอดเธอไว้ในช่วงเวลานั้น บอกกับเธอว่า ไม่เป็นไรซ้ำไปซ้ำมา

    เธอเชื่อใจเขา และยอมให้เขานำทางเธอในเวลาที่มืดมิดที่สุด

    เขาพาเธอมาที่นี่ มาอยู่ในที่ที่เขียวขจี มาสร้างชีวิตใหม่ที่ไม่มีปฐมภาคี ไม่มีรีซิสแท้นท์ ไม่มีซิธ ไม่มีเจได มีแค่พลังหมุนเวียนรอบ ๆ ตัวเธอ

    “ตื่นแล้วเหรอ?”

    เสียงทุ้มของชายหนุ่มเรียกเธอตื่นจากภวังค์ความคิด เธอหันมองไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มอยู่ในชุดเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นแผงอกกว้างดูอบอุ่น เรย์โผเข้ากอดเขาพร้อมซุกหน้าลงกับแผงอกกว้างนั้น เบนลูบผมยาวสยายของเธออย่างรักใคร่ พลางก้มลงจุ๊บเบาๆ ที่ศีรษะหลายครั้ง

    “วันนี้จะฝึกอะไรดีล่ะ?” เธอเอ่ยถามเขาถึงโปรแกรมการฝึกในวันนี้

    “อยากพักก่อนมั้ยล่ะ?”

    “ไม่ดีกว่า”

    “คืนนี้เธอก็ต้องรับศึกหนักอีกนะ? จะไหวเหรอ?”

    เรย์ทุบเขาเข้าที่อกอย่างแรงก่อนจะผลักออก เธอตะโกนเสียงดัง

    “อย่ามาทะลึ่ง!!”

    จากนั้นก็ทำท่าฟึดฟัดเดินหนีออกมาด้านนอก หวังจะกลบเลื่อนใบหน้าที่แดงก่ำราวกับลูกตำลึง เบนวิ่งตามมาพลางสวมเสื้อให้เรียบร้อย เขายิ้มอย่างสดใสพลางถาม

    “เขินเหรอ?”

    เรย์ไม่ตอบ เธอพยายามเดินให้เร็วขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงเขา แต่ดูเหมือนลูกตื้อของเบนจะมากกว่า ตอนนี้เขาเดินขนาบข้างเธอแล้ว

    “ฉันรักเธอ” เบนกระซิบเข้าที่ข้างหูของเรย์อย่างแผ่วเบา เล่นเอาเรย์ขนลุกซู่เลยทีเดียว

    “หยุดเลยนะ”

    “ไม่หยุด ที่นี่มีแต่เราสองคนเท่านั้น เธอจะเขินอะไรใคร?” ว่าแล้วเบนก็สวมกอดเธอจากด้านข้างแล้วเอาคางเกยบนหัวไหล่นวลของหญิงสาวอย่างดูน่ารักน่าเอ็นดู “ฉันรักเธอนะเรย์”

    “พวกแม่บ้านก็มี!! อย่าทำรุ่มร่ามน่า!!” เรย์ตวาดแหวว หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเพิ่มขึ้นไปอีก “ปล่อยนะ!!” เรย์ดิ้นขลุกขลั่กอยูในอ้อมแขนของเบน ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย เบนยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้น เขาหอมลงบนเรือนผมของเธออย่างรักใคร่ ก่อนจะไล่ลงมาที่ซอกคอขาวพร้อมทั้งขบเม้มเบา ๆ เรย์สะดุ้งโหยงกับสัมผัสนั้น ขนลุกซู่ทั่วทั้งร่าง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยิ่งเขินหนักเข้าไปอีก เธอพยายามควบคุมสติและอารมณ์ให้เย็นลงพอที่จะตอบกลับเขาได้บ้าง

    “ปล่อยเถอะ”

    เบนได้ยินก็หยุดแล้วเอาคางเกยกับหัวไหล่มน พลางทำเสียงอื้ออย่างขัดใจ เรย์หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเขา เธอเอามือกุมแก้มสองข้างของเขาไว้ เบนหน้าบู้ตามแรงมือจนดูตลก

    “รีบไปอาบน้ำ ทานข้าวกันดีกว่า จะได้มาฝึกกัน” เรย์อ้อน พลางเอาขยับมือทั้งสองข้าง ใบหน้าของเบนเคลื่อนไหวตามแรงมือ

    เขาเอื้อมมือขึ้นจับมือเธอไว้ทั้งสองข้างก่อนจะกล่าวอย่างอ่อนโยน

    “ได้จ้ะ ที่รัก”

    เรย์สะบัดมือทุบเข้าที่อกของเขาเบา ๆ ด้วยความเขิน เบนส่งเสียงดังอึ่กอย่างหยอกล้อเธอ แต่ยังไม่ทันจะพากันกลับเข้ากระท่อม เสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นหูก็ดังขึ้น ยานฟอลคอนกำลังเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศของดาวอาค-ทู และกำลังจะลงจอดที่ยานกว้าง ๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเขาทั้งคุ่ เรย์และเบนมองตามเสียงนั้น

    เมื่อเครื่องยนต์ดับลง ประตูยานเปิดออก ดรอยด์สีส้มกลิ้งหลุนๆ ลงมาตามทางลาด ตามมาด้านโพ ฟินน์ โรส และชิวเบคก้า พอพวกเขาเห็นเรย์และเบนต่างก็ตะโกนส่งเสียงดังลั่นจนฝูงพอร์กกระเจิง

    “เฮ้!!! เรย์!!!”

    “เฮ้!!!” เรย์ตะโกนตอบพลางโบกไม้โบกมือ เธอหันมายิ้มให้เบนก่อนจะผละออกจากเขาแล้วเดินไปหาเพื่อน ๆ เรย์วิ่งเข้าไปกอดโรส ตามมาด้วยฟินน์ โพ และชิวอี่ที่กอดกันจนกลม ทุกคนมีความสุขที่ได้มาพบกันอีกครั้ง

    “ดูเธอสิ!!! เรย์!!!” ฟินน์เอ่ยขึ้นก่อน ตามมาด้วยโพ “ฉันคิดว่าจะได้เจอเธอในสภาพที่แย่กว่านี้ซะอีก!!”

    “เธอไม่ได้รับพลังของซิธไปเหรอ เรย์?” โรสถามอย่างสงสัย ชิวอี่คำราม

    “ฉันพยายามฝึกควบคุมมันอยู่น่ะ มีเบนคอยช่วยก็น่าจะไม่เป็นอะไร” เรย์บอกพลางหันไปทางเบนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ บรรยากาศอึมครึมปกคลุมพวกเขาสักพัก การเผชิญหน้ากับเบนหรือไคโล เร็น เป็นสิ่งที่ไม่อภิรมย์สำหรับฝ่ายต่อต้านสักเท่าไรนัก เนื่องมาจากสงครามระหว่างปฐมภาคีและรีซิสแท้นท์

    “พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่? รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?” เรย์เป็นผู้ทำลายความเงียบขึ้นก่อน

    “เราไปตามหาเธอที่แจ๊คคูและที่อื่น ๆ มาแล้ว แต่ไม่พบเลย” โพตอบ

    “เราก็เลยค้นหาดาวอื่นๆ ที่เธอเคยไปจนมาเจอเธอที่นี่น่ะ” ฟินน์เสริม

    “อ่อ” เรย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้ว...พวกเราปลอดภัยกันดีใช่มั้ย? ฉันทำร้ายพวกเธอรึเปล่า?” เรย์ถามต่ออย่างเป็นห่วง

    “ไม่เลย!!” โรสส่ายศีรษะ “เพราะเธอทำให้พวกเราทุกคนปลอดภัยกันดี แถมยังทำลายกองยานปัจฉิมภาคีได้จนหมดด้วย”

    เรย์โล่งใจเป็นอย่างมาก อย่างน้อยเธอก็ยังตัดสินใจได้ถูกจังหวะพอดี

    “เรามีเรื่องขอร้องเธอ” โพพูด เรย์หันไปมองเขา เธอรอให้เขาพูดต่อ โพกระแอมหนึ่งทีก่อนจะกล่าวต่อว่า “เราต้องการให้เธอช่วย ตอนนี้พวกเราโดนปฐมภาคีกวาดล้างกันอย่างหนักจนไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้ว”

    “เกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้ปฐมภาคีเป็นของใคร?” เบนถามขึ้น

    “ฮักซ์” โรสบอก “หลังจากที่เขาถูกจับได้ว่าเป็นสปาย นายพลไพร์ดก็ลงโทษเขาแต่เขาไม่ตาย ถูกขังอยู่ในยานเดรสทรอยเยอร์ พอเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่เอ็กซาโกล ปฐมภาคีไม่ได้เข้าร่วมศึกด้วย มีเพียงแค่ปัจฉิมภาคีและกลุ่มพวกเราเท่านั้น หลังจากที่พวกเราถูกพัดออกมา และปัจฉิมภาคีถูกทำลายแล้ว ปฐมภาคีก็ไม่มีผู้นำ ฮักซ์หนีออกมาได้และขึ้นเป็นสุพรีมลีดเดอร์ของปฐมภาคีแทน”

    เรย์และเบนตกใจกับข้อเท็จจริงที่เพิ่งได้ฟัง เธอคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะจบลงแล้วซะอีก แต่ไม่เลย...

    ปฐมภาคีก็ยังคงอยู่พร้อมทั้งผู้นำคนใหม่ซะด้วย

    “ฮักซ์นำกองยานทำสงครามกับพวกเราที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด แล้วก็ถล่มดาวต่างๆ ที่เคยให้การสนับสนุนรีซิสแท้นท์ด้วย ตอนนี้ก็เริ่มลามมาจับผู้คนที่สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับรีซิสแท้นท์ไปสอบสวน อันที่จริงน่าจะเรียกว่าจับไปทรมารมากกว่า” ฟินน์พูด

    “พวกเราไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ ถึงต้องมาหาเธอนี่แหละ เรย์!! เธอต้องช่วยพวกเรานะ!!”

    เรย์อึ้งไปสักพัก เธอหันมองเบนราวกับจะขอคำตอบที่เหมาะสม เขาสบตากับเธอและหันไปพูดกับเหล่ามาเยือนว่า “เรย์ยังต้องฝึกควบคุมพลังอยู่อีกสักหน่อย ถ้าออกไปสู้เลยตอนนี้ กลัวว่าเธอจะโดนด้านมืดเข้าครอบงำและจะป็นเรื่องร้ายแรงเอาน่ะสิ”

    “ฉันเข้าใจ แต่เราไม่มีเวลาแล้วนี่สิ” โพบอกด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง “ฉันรู้ว่ามันเป็นเหมือนการบังคับ แต่ฉันก็อยากให้พวกเธอช่วยเราจริงๆ”

    โพหันไปทางเบน เขากระชากคอเสื้อของเบนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “นายต้องช่วยเรา เห็นแก่เลอาเถอะ!! ทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อวิญญาณของเลอาสักครั้ง!!” เบนได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลง เรื่องของเลอายังคงทำให้เบนรู้สึกผิดได้จนถึงตอนนี้ เขาเศร้าใจที่ไม่อาจเป็นลูกที่ดีของแม่ได้ แถมยังลงมือสังหารพ่อด้วยตัวเองอีก ยิ่งทับถมความรู้สึกผิดบาปให้ตกตะกอนลงในใจของเบนอย่างหนาแน่น

    เรย์หันมองเบนที่นิ่งไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาบอกกับเพื่อนอยางหนักแน่นว่า

    “ตกลง พวกเราจะช่วยรีซิสแท้นท์เอง”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in