จากสภาพภูมิประเทศของปีนังแล้วจะมีลักษณะเป็นเกาะติดกับทะเล เป็นเมืองที่มีความเจริญ เพราะอยู่ติดกับท่าเรือขนส่งสินค้า หรือที่เราเรียกว่าบัตเตอร์เวิร์ธ เราอาจจะเคยได้ยิน หรือได้เห็นมาว่า ปีนังเป็นเมืองชิคๆเมืองแห่งศิลปะแบบผสมผสานระหว่างโปรตุเกสและอังกฤษ แต่!! มันมีอีกหลายอย่างที่รีวิวในเน็ตทั้งหลายไม่ได้นำเสนอ มันคือเมืองแห่งรถติด เมืองที่หมอกลงเยอะมาก เป็นเมืองสีตุ่นๆ คอนทราสต์ต่ำๆ ทุกอย่างดูซีดไปหมด เพราะมีหมอกปกคลุม นี่ถ้าไม่ค่อยมีสติ คิดว่าอยู่ในเรื่อง The Mist หมอกมรณะ บรรยากาศมันชวนหดหู่และมีสเน่ห์ในตัวเองแบบบอกไม่ถูก เพราะก่อนที่เราจะตกใจกับปริมาณความตุ่นของเมืองนี้ เราถึงกับอุทานตอนนั่งรถตู้ ข้ามสะพานที่สร้างผ่านทะเลกว่า 13 กิโลเมตร ว่า วุ้ยยย สวยจัง...
ปีนัง เป็นเมืองที่การจราจรคับคั่งและวุ่นวายมาก เมืองนี้เดินรถแบบ One Way คุณไม่สามารถขับรถสวนทางได้เลย ต้องคนในพื้นที่จริงๆเท่านั้นถึงจะรู้ว่าจะไปทางนี้ ต้องเลี้ยวเข้าซอยไหน นี่มันโลกที่ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ไม่เชื่อ ก็ได้โปรดเชื่อเราเถอะ มันคือเรื่องจริง เราก็ตกใจเหมือนกัน เฮ้ยยย ทำไมมันไม่เหมือนที่เคยหาข้อมูล ที่เคยเห็นในรูป นี่สินะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น แล้วครั้งนี้นี่เห็นของจริงเลยอึ้งตาโตเป็นไข่ห่าน
ถึงแม้ว่า การจราจรที่ปีนังจะคับคั่ง แต่เราสามารถสามารถฝากชีวิตไว้กับไฟจราจรได้ เพราะเมื่อรถกำลังวิ่ง จะมีสัญญาณไฟเตือนให้เราไม่ข้ามถนน และเมื่อสัญญาณไฟให้คนข้ามได้ เป็นสีเขียว รถทุกคัน จะลดความเร็ว และหยุดนิ่งตามไฟสัญญาณ และจากการสังเกตของเรา ตลอดเวลา 3 วันในเมืองปีนัง ไฟสัญญาณที่คอยเตือนให้รถหยุด และให้คนข้ามถนน จะมีอยู่ทุกๆแยกของเมืองปีนัง และสิ่งที่พิเศษที่สุด ซึ่งเรารู้สึกว่ามันน่ารักมากๆ คือทุกคนที่จะข้ามถนน จะมายืนรอข้ามถนนตรงทางม้าลายที่สัญญาณไฟ ไม่มีการข้ามถนนมั่วๆ ถ้าประเทศเรามีสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามถนนเยอะกว่านี้ และใช้งานได้มากกว่านี้ เราเชื่อว่า มันจะช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียได้แน่นอน เพราะพื้นฐานชีวิตของคนเรา ยังไงก็รักตัวกลัวตาย (แต่ก็ยังมีความขี้เกียจอยู่ในตัวด้วย ถึงไม่ยอมเดินข้ามทางม้าลายไงล่ะ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in