เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie The Lawyerjanieishappy
Jane The Lawyer
  • ใช่ค่ะทุกคน ทุกคนอ่านไม่ผิดค่ะ นอกจากเป็นซึมเศร้าแล้ว เรายังถูกวินิจฉัยว่าเป็นทนายความด้วยค่ะ ฟังดูเหมือนเป็นโรค ฟังดูน่ารังเกียจ แต่เอาจริงๆ ความรู้สึกตอนที่เราบอกคนอื่นๆ ว่าเราเป็นซึมเศร้ามันก็ไม่ต่างอะไรจากตอนที่เราบอกคนอื่นว่าเราเป็นทนายนะ คือบทสนทนาเกี่ยวกับอะไรก็ตามแต่ที่คุยกันก่อนหน้านั้นแม่งจะไม่มีการเอามาคุยต่อ ไม่มีการสานต่อใดๆ อีก คนแม่งสตั๊นอ้ะ สตั๊นแรงมากด้วย บางคนนี่ถ้านั่งใกล้ๆ กันนะ แม่งมีแอบเขยิบหนีด้วย เฮ้ย นี่เป็นทนายนะเหวยยยยย ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ

    ตัวอย่างแรก นั่งแท็กซี่ไปทำงานค่ะ วันนั้นใส่เชิร์ทขาวกระโปรงดำ เครื่องแบบที่นักกฎหมายส่วนใหญ่เค้าใส่กัน หลังจากพี่แท็กพยามชวนคุยเมาท์มอยลมฟ้าอากาศไปได้สักพัก นางก็ถามด้วยความสาระแนล้วนๆ ว่าเราเป็นครูหรอ นี่บอกไม่ใช่แล้วก็คิดสงสัยในใจว่านี่กูเหมือนครูตรงไหนฟะ แล้วนางก็ถามต่ออีกว่าเราทำงานอะไรทำไมแต่งตัวเรียบร้อยจัง เสือกมะ เสือกเนอะ อยากด่ามาก แต่กลัวโดนเอาไปฆ่าหมกป่า ก็เลยตอบไปว่าเป็นทนาย
    “ทนาย? ทนายที่ขึ้นศาลอะนะ” นางถามย้ำ นี่ก็ตอบไปว่าเออ แบบนั้นแหละ แล้วนางก็เงียบ เงียบไปตลอดทาง เงียบจนถึงที่หมาย นี่ยังงงจนถึงวันนี้ว่าทำอะไรผิด 

    ตัวอย่างที่สอง นั่งคุยกับผู้ชายนางนึงอยู่ ก็นั่งคุยกันดิบดี คุยกันไปเรื่อย จนลามมาเรื่องอาชีพ “คุณทำงานอะไรหรอครับ” โคตรจะไม่อยากตอบเลยตอนนั้น พยามเลี่ยงสุด ตอบออกทะเลไปไหนต่อไหนแม่งก็ยังพาวกกลับมา สุดท้ายก็เลยบอก มันก็ร้องหูยยยอย่างแผ่วเบา แล้วก็หัวเราะแหะๆ แล้วก็เงียบไปในทันที สักพักนางขยับตูดหนี อ้างโน่นนี่แล้วก็ลุกไป จะว่าเราไม่แปรงฟันหรอ ก็ไม่น่าใช่ คุยกันได้ตั้งนาน ถ้าปากเน่ามันคงหนีไปตั้งแต่แรกแล้วมะ แต่ก็ช่างมัน มันไม่หล่อ

    ตัวอย่างที่สาม อันนี้แย่สุด ไปหาหมอที่รพ. เป็นหวัด ขี้มูกไหล ไอ เจ็บคอไรปกติ หมอตรวจเสร็จก็สั่งๆๆๆๆๆ ห้ามนั่นนู่นนี่ กินน้ำเยอะๆ ห้ามกินน้ำเย็น นอนห่มผ้า ห้ามตากแอร์ พักผ่อนด้วยนะ นอนเยอะๆ ลางานซะ นี่ก็เอิ่ม ลาไม่ได้จ้าาาา ถ้าลาได้ไม่มาหาหมอหรอก นอนป่วยไปเดี๋ยวก็หายมะ หมอก็เลยถามว่าทำงานอะไรทำไมลาไม่ได้ นี่ก็เลยบอกไปว่าเป็นทนาย มีศาลวันจันทร์ ลาไม่ได้ ไม่มีใครไปแทน อิหมอผงะเลย แบบจากที่เอาแขนวางบนโต๊ะยื่นหน้ามาคุยนี่ นางถอยจนหลังติดพนักเก้าอี้เลย นางยิ้มแหยๆ แล้วก็พูดว่า “น่ากลัวจัง” เดี๋ยว อิหมอ อิบ้า แกเป็นบ้าอะไรมาว่าชั้นน่ากลัว ห๊ะ! เราถามนางไปว่ากลัวอะไร นางบอก “เกิดผมรักษาคุณไม่หายแล้วคุณมาฟ้องผมทำไงอ้ะ” หมอคะ...สติค่ะ สติ!

    หลังจากที่เจอสถานการณ์แบบนั้นมาพอสมควร เราเลยเลิกบอกคนอื่นเลยว่าเราเป็นทนาย อย่างมากสุดก็จะบอกแค่ว่าทำงานออฟฟิศเกี่ยวกับกฎหมาย แต่ก็เป็นแค่พนักงานธรรมดา ไม่รู้เรื่องไรหรอก คนก็ดูจะเชื่อกันนะ ฮ่าๆๆ — แต่ก็ใช่ว่าก่อนหน้านั้นเราจะชอบบอกใครต่อใครนะว่าเราเป็นทนาย ตอนแรกๆ นี่ไม่อยากบอกเพราะกลัวคนมาขอปรึกษา ไม่ใช่ไม่อยากตอบนะ แต่ตอบไม่ได้ ฮ่าๆๆ เพิ่งได้ตั๋ว แกอย่ามาถาม ขึ้นศาลไปเลื่อนคดี ไม่ก็ทำยอมเว้ย ไม่เคยสืบ อย่าถามมมม แต่พอแก่กล้าสามารถขึ้น มันก็ไม่อยากบอกเพราะขี้เกียจตอบ มันก็มีหลายคนนะที่พอรู้ก็มาขอปรึกษาฟรี ถามตั้งแต่เรื่องของตัวเองยันเรื่องของคนที่อยู่ปากซอยบ้าน ช่างมีน้ำใจ จ่ายตังกูไหม เดี๋ยวตอบให้หมดเลอออ

    นี่ก็คิดอยู่นานมากนะว่าจะมาเปิดเผยตัวตนในนี้ดีไหม ใจนึงก็ไม่อยาก แต่อีกใจนึงก็อึดอัด อยากหาที่ระบาย ...แต่จริงๆ สิ่งที่อยากระบายมันก็ระบายในนี้ไม่ได้อยู่ดี ฮ่าๆ งั้นเขียนตอนเดียวจบละกัน ไปละ บรัย!

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in