พระหนุ่มรูปหนึ่งได้รับเชิญไปเทศน์ในงานบุญ
พระก็เทศนาว่าด้วยเรื่อง "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
สักพักก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า"แต่คนเราสังเคราะห์แสงเองไม่ได้นะครับหลวงพี่ เราต้องพึ่งต้นไม้"
แล้วคนที่เข้ามาฟังเทศน์ก็หัวเราะพระหนุ่มรู้สึกเสียหน้า เลยเผลอตอบไปว่า
"สุดท้าย เธอก็ต้องพึ่งจมูกและปอดของเธอเองเพื่อหายใจใช่มั้ย"
พอชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงฮือฮาสาธุผู้ใหญ่บ้านจึงหันมาหัวเราะแล้วบอกเด็กน้อยว่า
"วันหลังจะพูดอะไร ให้ใช่สมองคิดเสียก่อน เถียงพระเถียงเจ้ามันบาปนะหนู"
เด็กน้อยรู้สึกเสียใจคับแค้นใจที่โดนตำหนิจึงมุมานะเรียนให้เก่งจนจบเป็นหมอกลับมาเปิดโรงพยาบาลที่บ้านเกิด
วันหนึ่งผู้ใหญ่บ้านก็มาพบหมอเจ้าของโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคมะเร็งปอด
"หมอ ช่วยผมด้วย ผมต้องพึ่งหมอแล้วนะ"เขาบอก
หมอเจ้าของโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยของเขาอย่างสุดความสามารถ
แต่ก็ไม่อาจรั้งชีวิตของคนไข้ไว้ได้
ในงานศพที่วัด เจ้าอาวาสที่เดิมคือพระหนุ่มนักเทศนาบอกกับหมอหนุ่มว่า
"ทำใจเถิดนะหมอ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ผู้ตายสูบบุหรี่จัด เขาคร่าชีวิตตนเอง เพราะคนอื่นบอกให้เลิกสูบเขาก็ไม่ยอมเลิก"
พอพระนักเทศน์พูดจบหมอหนุ่มก็พูดขึ้นว่า
"แล้วตนจะเป็นที่พึ่งแห่งตนได้อย่างไรครับพระครู ถ้าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ ทำไมเขาไม่เลิกสูบบุหรี่ด้วยตนเอง"
พระนักเทศน์จึงตอบว่า "เพราะเขาไม่คิดว่าการสูบบุหรี่นั้นเป็นทุกข์น่ะสิโยม จนกระทั่งป่วยเป็นมะเร็งนั่นแหละ"
พระนักเทศน์เห็นสีหน้าหมองคล้ำของหมอยังอยู่จึงพูดต่อไปว่า
"หมอยังทุกข์อยู่ไหม ถ้าทุกข์อยู่ ก็แก้ที่เหตุแห่งทุกข์นั้นแหละ อาตมาแก้ให้หมอไม่ได้ หมอต้องแก้เอง อัตตาหิอัตโนนาโถนะหมอ"
...
"แล้วถ้าวันหนึ่งอาตมาป่วยจนเข้าขั้นวิกฤตถึงแก่มรณะภาพ นั่นก็เป็นกรรมของอาตมาเองเช่นกันนะ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in