เจ็บปวด .. ที่รู้ว่ายังไงก็ต้องแยกจากกัน
เสียใจ .. ที่รู้ว่าวันนั้นมันใกล้เข้ามาทุกที
น้ำตา .. ยังไม่ทันเหือดแห้งไปจากหัวใจ
ความทรงจำ .. ก็ทำให้มันหลั่งรินลงมาอีกครั้ง
ไม่อยากปล่อยมือนี้ไปเลย
ขอเวลาอีกสักนิด ให้จับมือกัน เดินไปด้วยกันอีกซักนิดได้ไหม
..
นิดเดียวก็ยังดี
คิมแจฮวานคนนี้ยังไม่พร้อม .. ไม่เคยพร้อม .. ที่จะปล่อยมือจากฮวังมินฮยอนไป
กี่วันแล้วที่เขาต้องนอนจมกองน้ำตาอยู่แบบนี้ เมื่อแสงไฟในห้องพักดับลง คิมแจฮวานก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง พยายามเหลือเกินที่จะอดกลั้นไว้ไม่ให้น้ำใสๆ นั้นไหลรินออกมา พยายามจนสุดความสามารถแล้ว กระทั่งตัวของเขาสั่นเบาๆ เพราะแรงฝืน หัวใจก็ไม่เคยจะสนใจฟัง คอยแต่จะบีบรัดให้ทรมาน แล้วสิ่งที่กลั้นเอาไว้ก็พลันไหลอาบแก้มขาว
วันนี้เป็นวันที่ 1 ธันวาคม 2018 อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้ เขาและเพื่อนๆ ทุกคนจะต้องต่างแยกย้ายไปทำงานส่วนตัวของแต่ละคน
ในเมื่อข่มตาเท่าไรก็ไม่สามารถฝืนให้หลับลงไปไดั เขาจึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไต่ลงบันได้จากเตียงชั้นที่สองให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อเท้าแตะถึงพื้น สอดสายตาไปทางซ้ายและขวาก็โล่งใจไปว่าเพื่อนๆ สมาชิกทุกคนยังคงอยู่ในนิทรารมย์
สายตาก็พลันมาหยุดอยู่ที่พี่ชายตัวสูงที่คงจะกำลังอยู่ในฝันดี ด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ระบายอยู่บนเครื่องหน้าที่แสนจะหล่อเหลา พี่ชายที่คอยเป็นคนดูแลเขาตลอดหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ไม่สิ .. ตลอด 20 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้าทีม Sorry Sorry 2 กับเขา ชีวิตของคิมแจฮวานก็เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ถ้าไม่ได้พี่ชายคนนี้เลือกเข้าทีมไว้ ฝันที่จะได้เดบิวต์อาจจะไม่เป็นจริง เขาอาจจะต้องกลับไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่ฮงแดอีกครั้งก็ได้
แค่คิดถึงอดีตที่ผ่านมากับพี่ชายคนสำคัญของเขา น้ำใสก็พลันจะเอ่อนองนัยน์ตาของเขาอีกครั้ง คิมแจ-
ฮวานพยายามเดินให้เบาที่สุดโดยมีเป้าหมายคือห้องนั่งเล่น ในเวลาแบบนี้เขาคงจะได้นั่งทอดอารมณ์ ปล่อยใจให้มันดิ่งลงไปกับความทรงจำที่แสนดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน 20 เดือนที่ผ่านมานี้
อย่างที่คิด .. ห้องนั่งเล่นมืดสนิท ด้วยตารางงานที่เต็มเอี้ยดในทุกๆ วันแบบนี้ เพื่อนๆ คนไหนจะยังมาแหกขี้ตาตื่นดูทีวีเอาในเวลาเกือบเช้าแบบนี้กัน คงมีแต่เขาที่ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เท่านั้นแหละ
เขาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาสีดำตัวใหญ่ที่ปกติแล้วมักจะเต็มไปด้วยเพื่อนๆ สมาชิกในวงมานั่งกันระเกะระกะ ส่งเสียงเอะอะกันเต็มไปหมด
แต่พอหมดเดือนนี้ไป .. ทุกอย่างในโลกของเขาก็คงจะเงียบเหงา
เขาก็ต้องกลับไปเป็นคิมแจฮวานธรรมดา ไม่ใช่คิมแจฮวานแห่ง Wanna One อีกต่อไปแล้ว
ไม่มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คอยมาส่งเสียงเอะอะปลุกให้ตื่นในตอนเช้า
ไม่มีพี่จีซองมาไล่ไปทานข้าว
ไม่มีไลควานลินที่คอยบ่นให้เขาเลิกร้องเพลง
ไม่มีแดฮวีที่จะคอยปรึกษาเรื่องเพลงกันบ่อยๆ
ไม่มีจินยองมาคอยนั่งฟังเวลาเขาเล่นกีตาร์
ไม่มีแกงค์ไส้กรอกสีชมพูพัคอูจินและพัคจีฮุนคอยเข้าคู่กันแกล้งชาวบ้าน
ไม่มีพี่ซองอูกับมุกแป้กๆ ของเขา
ไม่มีคังแดเนียลที่จะคอยทำบ้านรกไปด้วยกันกับเขา
ไม่มีเสียงแหลมๆ ของพี่ซองอุน
ไม่มีเสียงบ่นให้ไปอาบน้ำ
ไม่มีเสียงบ่นว่าเตียงรก
ไม่มีเสียงบ่นว่ากินแล้วให้เก็บด้วย
ไม่มีเสียงบ่นว่าผมยังไม่แห้งน่ะห้ามนอนนะ
ไม่มีคนคอยเช็ดผมให้ระหว่างที่ตากำลังจะปิด
ไม่มีคนที่จะปีนขึ้นมานอนด้วยเวลาเขาเหงา
ไม่มีคนที่คอยลูบหัวปลอบใจเวลาที่หวนนึกถึงภาพเก่าๆ
เพราะคนๆ นั้น และความทรงจำทั้งหมดนั้น ก็กำลังจะกลายเป็นภาพเก่าๆ ให้เขาต้องมานั่งรำลึกถึง
… เพียงคนเดียว ...
คิมแจฮวานฟุบหน้าลงซุกระหว่างสองเข่าที่ชันขึ้นมา น้ำตาที่ไม่สามารถกลั้นได้ ไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย
คิมแจฮวานไม่คิดจะปาดทิ้ง
คนเห็นแก่ตัวอย่างเขาที่คิดอยากจะให้เวลาทั้งหมดเหล่านี้มันเพิ่มขึ้นไปอีกสักหน่อย รู้ทั้งรู้ ... ว่าทุกคนมีคนที่รออยู่ที่บริษัทของตัวเอง รู้ทั้งรู้ …. แต่ก็ยังอยากเหลือเกินที่จะใช้เวลาอยู่กับทุกคนเพิ่มไปอีกสักหน่อย
โดยเฉพาะกับพี่ชายขี้บ่นคนดีของเขา
พี่ชายของเขาที่ยังมีพี่ชายอีก 4 คนนับวันรอคอยให้เขากลับไปร่วมวงอีกครั้ง กลับไปหาสมาชิกคนสำคัญ คนที่พี่ชายของเขาก็คงรอคอยมาตลอดที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง สมาชิกคนสำคัญของพี่ชายที่ต่างก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาจนถึงวันนี้ จนวันที่จะได้กลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่แตกต่างที่นับแต่จากนี้จะมีแต่หนทางที่โรยไปด้วยกลีบดอกไม้สำหรับพี่ของเขา ทั้งๆ ที่พี่ชายอีก 4 คนที่ก็ดีกับเขาคนนี้เหลือเกิน แต่ก็ยังเห็นแก่ตัว .. อยากให้พี่ชายคนนี้อยู่เคียงข้างเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป
เสียงสะอื้นที่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเก็บมันไว้นั้นหลุดออกมาเบาๆ คิมแจฮวานปิดปากตัวเองเพื่อจะไม่ให้มีเสียงดังลอดออกไป ไม่อยากให้คนอื่นๆ ต้องมาตกใจว่าคิมแจฮวานที่สุดแสนจะกวนประสาทแห่งหอ Wanna One คนนี้ .. กลายเป็นคิมแจฮวานที่สุดแสนจะขี้แยไปแล้ว
น้ำตายังคงรินไหล
ตัวยังคงสั่นน้อยๆ เพราะแรงสะอื้นที่พยายามฝืนกลั้นไว้
ปลอบใจตัวเองอย่างไร ก็ไม่เห็นมีหนทางไหนจะทำให้มันดีขึ้น
สมองเจ้ากรรม ก็พาให้ความคิดนั้นย้อนไปถึงวันที่เข้าบ้านหลังนี้มาแรกๆ วันที่เซอุน พี่จงฮยอน พี่มินกิ และซอนโฮมาเยี่ยมแล้วตัวเขาเองหวนไปคิดถึงความหลัง เมื่อตอนที่เขาพูดออกมาว่า ‘น้ำตาเหมือนจะไหลออกมาเลย แค่นั่งอยู่เฉยๆ แต่น้ำตามันไหลออกมา’ ก็มีสัมผัสที่อ่อนโยนจากพี่ชายตัวสูงแตะอย่างแผ่วเบามาบนกลุ่มผมของเขา เป็นการปลอบโยนที่ไม่ต้องมีแม้แต่คำพูดใดๆ
ซึ่งต่อไปจากนี้ …….
……. มันจะไม่มีอีกแล้ว
สัมผัสอันแสนอ่อนโยนแต่ก็อบอุ่นที่สามารถปลอบประโลมจิตใจที่เศร้าหมองของเขาให้กลับมาสดชื่นขึ้นได้อีกครั้ง สัมผัสแบบที่เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้บนกลุ่มผมที่เดิม .. ที่ๆ พี่ชายของเขาคอยลูบปลอบโยนอยู่ตลอดเวลา
“เด็กขี้แย” เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยขึ้นเบาๆ ข้างหูของเขาทำให้คิมแจฮวานหลุดจากภวังค์แล้วรับรู้ได้ว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจในตอนนี้แม้ว่าจะยังไม่ได้จากกัน กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขาตรงนี้แล้ว
คิมแจฮวานรีบปาดน้ำตาให้พ้นออกไปจากใบหน้าแม้จะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงคนข้างๆ ก็คงจะได้ยินเสียงสะอื้นของเขาไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่อยากให้พี่ชายของเขาต้องลำบากใจ เขาอยากให้ในความทรงจำของพี่ชายเขามีแต่เสียงหัวเราะกวนๆ ของเขา .. ไม่ใช่เสียงสะอื้นและรอยน้ำตาบนใบหน้า
แต่ไม่ทันที่เขาจะเช็ดน้ำตาให้แห้งไปจากใบหน้า คนข้างๆ ก็คว้าตัวเข้ามาในอ้อมกอด สองแขนแกร่งกระชับแน่นจนคนในวงแขนสัมผัสได้ คิมแจฮวานค่อยๆ ยกแขนขึ้นโอบคนตรงหน้าคืน ใบหน้าซบลงอยู่ตรงไหล่ของพี่ชายคนดีของเขา
“พี่มินฮยอน …” เขาไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้มากไปกว่านี้ แค่นี้มันก็ดูจะอู้อี้จนแทบจะไม่เป็นคำพูดมากพออยู่แล้ว
เจ้าของอ้อมกอดกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น มือยังคงลูบขึ้นลงบนหัวทุยของคนตัวเล็ก
“พี่จะไม่ถามหรอกนะ ว่าเราร้องไห้ทำไม”
“....”
“พี่คิดว่าพี่มีคำตอบนั้นอยู่ในใจแล้ว”
เขาผละตัวออกจากอ้อมกอดของคนตรงหน้า เงยหน้าจ้องลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของพี่ชายของเขาที่ในวันนี้มันก็ดูจะสั่นไหวจากหยดน้ำที่กำลังเอ่อขึ้นมา
“ผมมันเห็นแก่ตัว” คนตัวเล็กกว่าเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลง
“ผมมันนิสัยไม่ดีเลยพี่มินฮยอน ทุกคน .. พี่จงฮยอน พี่ดงโฮ พี่มินกิ พี่อาร่อน …. ดีกับผมแค่ไหน ผม ... ผมมันแย่มากเลยพี่มินฮยอน … ผมมันคนเห็นแก่ตัว” แจฮวานพยายามอย่างสูงที่จะทำให้เสียงของตัวเองไม่สั่น
สายตาที่พี่มินฮยอนใช้มองนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะบรรยายมันออกมาได้เช่นกัน
“ผมจะตัวคนเดียวแล้วนะพี่มินฮยอน ผมจะไม่มีใครแล้ว ผม .. ผมอยากให้พี่อยู่กับผมตรงนี้ ผมอยากให้พี่ลูบหัวปลอบผมอีก ……”
“ถ้าพี่ไม่อยู่ ... แล้วใครจะคอยดุ คอยบ่น คอยเช็ดผม คอยปลอบ คอยให้กำลังใจ …. คอยรักผม …. แบบนี้อีก”
“แจฮวานน่า…”
“ผมมันแย่มากๆ เลย ทำไมผมเป็นคนแบบนี้ ... ทำไมผ-" คนตรงหน้าหยุดเสียงของผมโดยการประทับริมฝีปากของเขาลงมาอย่างแผ่วเบาบนริมฝีปากของผม ไม่ร้อนแรง ไม่ลุกล้ำ พี่มินฮยอนบรรจงจูบเขาอย่างอ่อนโยน ราวกับว่ากลัวว่าเขาจะแตกสลายหายไปต่อหน้าตัวเอง
อ่า ... จูบของเรามันขมแบบนี้เองหรือครับพี่มินฮยอน ..
คิมแจฮวานสัมผัสได้ถึงรสขมปร่าจากหยาดน้ำตาที่ผสมกันระหว่างเขาและฮวังมินฮยอน
ไม่ใช่เพียงเขาสินะที่กลัวว่าจะไม่มีกันและกันเหมือนเดิม
คนตรงหน้าเขาก็เหมือนกัน ..
แค่นี้ ... ก็พอแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in