2
อ้าว! แล้วที่บอกว่ากลัวตายนี่มันเกิดตอนไหนหรือ
เหตุการณ์ที่ทำให้นึกถึงความตายนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวหรอกนะครับ
อย่างที่บอกว่าปกติแล้วผมไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร เป็นข้งเป็นไข้กินยานิดหน่อยก็หาย ส่วนใหญ่ซื้อยาจากร้านขายยาด้วยซ้ำ คือคิดว่าตัวเองเก่ง วินิจฉัยโรคเองได้ ปวดหัวแบบนี้ต้องกินยาอันนั้น ปวดหัวแบบนั้นต้องกินยาอันนี้ โอย...สารพัดจะเป็นหมอตี๋ให้ตัวเอง
แต่อยู่มาวันหนึ่ง ผมเกิดเป็นไข้ขึ้นมา คราวนี้กินยาแล้วไม่หาย แถมยังเป็นช่วงที่ไวรัสอะไรสักอย่างกำลังระบาดเสียด้วย ไม่รู้แหละว่าไข้หวัดนก โรคซาร์ส หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ไข้หวัดหมู (ชื่อที่เรียกกันตอนนั้นน่ะนะครับ) เพราะไข้หวัดหมูหรือ swine flu นั้นมันระบาดช่วงหลังแล้ว (เห็นหรือยังว่าแก่แค่ไหน!)
พอเป็นไข้แล้วกินยาไม่หาย ซ้ำร้ายยังเพิ่งกลับจากต่างประเทศอีก ก็เลยต้องรี่ไปโรงพยาบาล ใจก็คิดว่า โอ๊ย! ไปโรงพยาบาลแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว หมอคงให้ยามากิน หรืออย่างมากก็แค่ฉีดยา เพราะไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่ออะไร
แต่ปรากฏว่าพอพยาบาลวัดความดันเข้าให้เท่านั้นแหละ คุณพยาบาลก็ทำหน้าตระหนกตกใจประหนึ่งเห็นหมี เอ๊ย! ผี เอ๊ย! เทวดา—มาปรากฏต่อหน้าให้ขอหวยก็ไม่ปาน เสร็จแล้วก็รีบโทรศัพท์ไปตามเตียงคนไข้มาในฉับพลัน แล้วบอกให้ผมนอนบนเตียงอย่าขยับเขยื้อนไปไหนทีเดียวเชียว ขอให้ทำใจดีๆ เอาไว้ แล้วก็บอกผมว่าคุณหมอต้องให้แอดมิตแน่ๆ
เฮ้ย! นี่ตูเป็นอะไรไปหรือนี่ มะเร็งเรอะ เบาหวาน หัวใจวาย ตับปอดไตม้ามเซี่ยงจี๊ชำรุดหรืออย่างไรกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in