เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My lovely couple fictioneveryeng
[OS] Moon Sea Star and You [SeulRene]

  • “I didn’t intend to make you feel uncomfortable. If last night conversation is too much for you I’m sorry you don’t have to take any responsibility of my feeling.

    If we are on the same page then let’s make it slow. Okay?”


    จูฮยอนไล่อ่านทุกตัวอักษรบนกระดาษสีน้ำตาลที่ถูกฉีกออกมาจากหน้าสมุดเล่มใดสักเล่ม แต่นั่นไม่ใช่จุดที่หล่อนจะให้ความสนใจเท่าข้อความบนกระดาษ ข้อความที่ใครอีกคนทิ้งเอาไว้ให้และตอนนี้เขาก็เล่นหายหัวไปจากห้องตั้งแต่เมื่อไหร่หล่อนก็ยังไม่รู้เลย ตื่นเช้ามาก็ไม่เจอคนที่เป็นรมเมทของหล่อนในทริปมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวของกลุ่มเพื่อน


    “อย่าให้เจอนะคังซึลกิมาทำให้คนอื่นเค้าปั่นป่วนแล้วก็หนีหายไปแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน”หล่อนเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพับกระดาษข้อความนั่นแล้วเก็บมันสอดเข้าไปในไดอารี่เล่มสีม่วงที่มักพกไปไหนมาไหนด้วยเสมอ หล่อนชอบเขียนไดอารี่และอีกคนก็มักจะคอยซื้อไดอารี่ที่เขาเห็นว่ามันน่ารักและเข้ากันกับหล่อนมาให้เสมอ เหมือนเพิ่งฉุกคิดอะไรได้มันคงเป็นความเคยชินที่ถูกอีกฝ่ายเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอมาตลอดเลยมองไม่เห็นว่ามันพิเศษ จูฮยอนเพิ่งจะเข้าใจก็ตอนนี้นี่เองว่าสิ่งที่เขาทำให้กับหล่อนมันมาจากอะไรและความรู้สึกแบบไหน เหตุผลหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเรารู้จักกันมานานอยู่ด้วยกันมาตลอดมันเลยไม่กล้าที่จะขยับเปลี่ยนความสัมพันธ์ อาจเป็นเพราะกลัวไม่เป็นเหมือนวันวานหากอะไรบางอย่างมันต้องเปลี่ยนแปลง


    ทว่าในที่สุดแล้วความเปลี่ยนแปลงบางทีมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด...


    “เจ้าหมีบ้า...อย่าให้เจอนะ”จูฮยอนตัดสินใจคว้าเสื้อคาร์ดิแกนที่พาดเอาไว้ตรงเก้าอี้ขึ้นมาสวมใส่เรียบร้อย หยิบเอาโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าเงินเอามาใส่ในกระเป๋าสะพายตั้งใจจะออกจากห้องพักภายในโรงแรม เวลานี้เจ้าหมีบ้านั่นอาจจะเดินเล่นทอดน่องอยู่แถวๆชายหาดเป็นแน่ คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอหรืออย่างไรยังไม่ผิดหวังเสียหน่อยแต่กลับทำเหมือนตัวเองอกหัก คำถามที่อีกฝ่ายถามหล่อนเมื่อคืนก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ตัดบทว่ายังไม่อยากรู้ให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน แต่เช้านี้เขากลับหายหัวไปเหมือนพยายามจะหลบหน้ากัน

    ก็เป็นซะแบบนี้แล้วเมื่อไหร่หล่อนจะได้ลงจากคานเสียที!!

    “อ้าวนั่นจะไปไหนน่ะจูฮยอน”พอลงจากลิฟต์ก็เจอเข้ากับเพื่อนและรุ่นน้องอีกคนซึ่งอยู่ในก๊วนเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวในครั้งนี้ด้วยดูท่าทางว่าสองคนนี้จะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหรอก ก็เล่นเกมส์กับเพื่อนคนอื่นจนเมามายแทบจะหลับคาห้องจัดงานเลี้ยงแน่นอนว่าเป็นเหล่อนกับซึลกินี่แหละที่ช่วยกันแบกขึ้นไปนอนพักบนห้อง ทีแรก็คิดว่าสองคนนี้คงจะนอนซมตื่นไม่ไหวเป็นแน่แต่ดูจากสภาพตอนนี้แล้วก็ยังดีที่ยังตื่นกันขึ้นมาได้

    “จะไปตามซึลกิ”

    “อ้าวพี่ซึลกิไปไหนกันคะ ไม่ทานข้าวเช้าเหรอ”เยริมเอ่ยถามด้วยความแปลกใจปกติเรื่องกินรุ่นพี่คนนี้ไม่ค่อยจะพลาดเท่าไหร่ จูฮยอนไม่ตอบอะไรก่อนจะขอตัวเพราะหล่อนมีเรื่องที่จะต้องคุยกับซึลกิให้รู้เรื่อง

    “พี่วาน..งานนี้จะสำเร็จไหมเนี่ย”

    “ไม่รู้สิมันก็ขึ้นอยู่กับสองคนนั่นแหละ จะกล้าเปลี่ยนจากเพื่อนสนิทมาเป็นคนรักรึเปล่าแต่ก็อึ้งเหมือนกันนะที่เจ้าบื้อนั่นเป็นคนเอ่ยปากก่อน ทั้งที่จริงๆแล้วสองคนนั่นชอบกันมาตลอดนั่นแหละแต่ไม่มีใครกล้าพอจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองสงสัยเจ้าหมีบ้านั่นคงเก็บความรักจนล้นอกแน่ๆ ถึงได้กล้าพูด”ซึงวานส่ายหน้าไปมาขณะมองตามหลังเพื่อนสนิทที่เดินฉับๆออกไปจากโรงแรม

    “ถ้าหากพี่สองคนเค้าตกลงคบกันจริงๆ แบบนี้ต้องยกความดีความชอบให้เราสองคนรึเปล่าคะ”เยริวาดรอยยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรเสียซึลกิกับจูฮยอนก็คงจะหนีกันไม่พ้น

    “แล้วแต่เราเลยจ้ะ พี่ว่าเราสองคนไปทานมื้อเช้ากันดีกว่าคนอื่นคงจะรอกันแล้วล่ะปล่อยให้พวกคนบื้อเคลียร์กันไปเองดีกว่าแล้วเราค่อยรอฟังข่าวดี ดีไม่ดีก็อาจจะต้องจัดปาร์ตี้ฉลองสละโสดอะไรแบบนี้อีกคู่”ซึงวานกล่าวอย่างอารมณ์ดีพลางพารุ่นน้องตามไปสมทบเพื่อนคนอื่นที่รออยู่ตรงห้องอาหารของโรงแรม สงสัยคงต้องเตรียมคำตอบไปตอบคำถามของเพื่อนคนอื่นหากว่ามีใครผิดสังเกตถามถึงสองคนที่หายไปนั่นขึ้นมา

    หวังว่า..เจ้าหมีซื่อบื้อนั่นจะทำให้มันออกมาดีจนจบแล้วกันนะ อุตส่าห์ลงทุนเมาสร้างบรรยากาศให้แล้ว




    มีไม่กี่สาเหตุที่ทำให้เบจูฮยอนต้องออกจากอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวไปเที่ยวเถลไถลที่อื่นได้ หลังจากเรียนจบแล้วหล่อนก็ต้องเข้ามาเรียนรู้งานของบริษัททันที ไม่ได้มีเวลาให้เที่ยวเล่นเหมือนอย่างเพื่อนบางคนที่ยังเอ้อระเหยลอยชายมาส่งยิ้มหมีๆให้หล่อนนึกหงุดหงิดปนอิจฉาที่เขายังทำตัวสบายใจเฉิบ ซึ่งมันต่างจากเธอมากโขทั้งที่เราต่างก็มีหน้ามีคล้ายคลึงกันนั่นคือสืบทอดกิจการของครอบครัว แต่ครอบครัวของซึลกิไม่ได้ตั้งเงื่อนไขเหมือนที่บ้านของหล่อนที่พอเรียนจบแล้วก็ต้องเข้ามาเรียนรู้งานอาจจะเป็นเพราะว่าหล่อนเป็นพี่คนโตของบ้าน ส่วนซึลกิก็เป็นลูกคนเล็กของบ้านโน้นมันเลยทำให้เขายังสามารถทำตัวสบายๆได้อยู่เพราะมีพี่ชายสองคนคอยจัดการทุกอย่างให้ นี่แหละนะข้อดีของการเป็นน้องมีพี่คอยช่วยนั่นช่วยนี่เสมอไม่เหมือนกับหล่อน…

    “สบายจังน้าไม่ต้องทำงานอะไรเลย”จูฮยอนจ้องเขม็งไปยังคนที่จับจองเอาโซฟารับรองแขกภายในห้องทำงานของหล่อนเป็นที่นอนพักเล่นเกมส์ฆ่าเวลาระหว่างรอไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน เนื่องจากวันนี้มีนัดกับกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและบางคนก็รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลด้วย ทั้งที่จูฮยอนบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าจะขับรถไปเองแต่ซึลกิก็ยังดื้อดึงให้ไปด้วยกันจนได้ด้วยการมัดมือชกหล่อนอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้นี่แหละ

    “ใครบอกว่าเค้าไม่ทำงานล่ะ นี่ก็ทำงานอยู่นะ”คนหน้าหมีแย้งขึ้นแต่สายตาไม่ได้ละไปจากหน้าจอกรอบสี่เหลี่ยมแม้แต่นิดเดียวเลยไม่ทันเห็นว่าคนสวยที่นั่งอยู่หลังแลปท็อปกำลังเบ้ปากให้ด้วยความหมั่นไส้

    “เหรอ..ไหนบอกเค้าสิว่าเธอทำอะไรบ้าง”

    “ก็นี่ไงต้องปลูกผักรดน้ำเอาผักไปขาย ให้อาหารวัวแล้วต้องรีดนมมันอีกไหนจะต้องคอยเก็บไข่ไก่ไปขายเยอะแยะที่เค้าต้องทำในแต่ละวันอย่างจูน่ะไม่เข้าใจหรอก”นิ่งฟังสิ่งที่เจ้าคนหน้าหมีเอื้อนเอ่ยออกมาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจอย่างกระจ่างว่างานที่ซึลกิพูดถึงนั่นคืออะไร

    “เค้าว่าปล่อยเธออยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะสงสัยจะต้องไปคุยกับคุณลุงคุณป้าให้เอาเธอไปทำงานได้แล้ว เอาเปรียบพี่ฮยอกกับพี่จุนอยู่ได้”จูฮยอนส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ หล่อนกับซึลกิรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะครอบครัวของเราสนิทกันทำให้ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง ลูกๆเองก็เลยสนิทสนมกันโดยเฉพาะซึลกิกับจูฮยอนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันแม้ช่วงแรกทั้งคู่ดูจะไม่ค่อยชอบกันเท่าไหร่นัก ก็นะนิสัยลูกคนเล็กกับลูกคนโตอย่างไรมันก็มีขัดกันบ้างเพราะคนหนึ่งก็โดนสปอยตามใจเพราะเป็นน้อง ส่วนอีกคนก็เป็นพวกเจ้าระเบียบมีเหตุผลไม่ยอมตามใจมากในฐานะพี่คนโตที่สามารถพึ่งพาได้ ทว่านานวันเข้าความต่างของทั้งสองก็คอยเติมเต็มให้กันจนช่องว่างความห่างมันลดน้อยลงไปรู้ตัวอีกทีต่างก็แยกออกจากกันไม่ได้มีจูฮยอนที่ไหนที่นั่นก็ต้องมีซึลกิ ตั้งแต่เรียนชั้นประถมจนกระทั่งไปเรียนต่อเมืองนอกก็ไปด้วยกันแม้ว่าจะเรียนกันคนละมหาวิทยาลัยคนละคณะก็ตามที

    “ไม่เอาแบบนั้นสิจู เค้ารู้แล้วว่าต้องไปช่วยพี่ฮยอกกับพี่จุนแต่ว่าเค้ามีบางเรื่องที่ต้องจัดการเสียก่อนเอาไว้เรียบร้อยเมื่อไหร่สัญญาว่าจะทำงานทันทีเลยดีไหม”ซึลกิต่อรองทันทีพร้อมทั้งส่งยิ้มอย่างเช่นเคย มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้จูฮยอนต้องพ่ายแพ้เสียทุกครั้ง..

    “ก็ตามใจเธอแล้วกัน บอกเค้าได้ไหมว่าเรื่องอะไรกันที่เธอคิดจะทำ”จูฮยอนถามเพราะหล่อนพอจะรู้เรื่องนี้มาสักพักที่ซึลกิอยากจะทำอะไรบางเรื่องให้มันสำเร็จเสียก่อนแต่เขาไม่เคยจะยอมบอกเธอว่าเรื่องอะไร มันทำให้จูฮยอนหงุดหงิดทุกครั้งที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังมีความลับกับหล่อนทั้งที่เคยสัญญากันแล้วว่าจะไม่มีความลับต่อกัน

    “แน่ะ...ไหนบอกว่าจะรอไงจะไม่ถามเค้าซ้ำอีก”

    “เออ..ไม่คุยด้วยแล้วไปเล่นเกมส์ไป๊”

    คอยดูนะไอ้หมีคนอย่างจูฮยอนจะต้องรู้ให้ได้ว่าปิดบังอะไรไว้!!

    “โอ๊ะๆดูสินั่นว่าใครเค้าควงกันมาอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเปิดตัวสักทีพวกฉันจะได้โยนไม้พายทิ้ง”รูปประโยคแซวพวกนี้เกิดขึ้นทันทีที่ซึลกิกับไอรีนโผล่หน้ามายังที่โต๊ะภายในร้านอาหาร ซึ่งเป็นสถานที่ที่นัดกับพวกกลุ่มเพื่อนเอาไว้และคนแซวก็ยังเป็นคนเดิมไม่มีเปลี่ยน จูฮยอนเลยขึงสายตาดุไปใส่ซนซึงวานเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยไฮสคูลบางทีก็อยากจะถามเหมือนกันนะว่าเพื่อนคนนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรือไร่แซวมาเป็นสิบปีแล้วก็ยังไม่เลิกอีก แต่เหมือนจูฮยอนจะได้คำตอบโดยไม่ต้องถามแล้วล่ะเมื่อซึงวานไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านกับสายตาดุดันของหล่อนแม้แต่นิด แถมยังหันไปตีมือหาพรรคพวกสนับสนุนตนเองเสียอีก ..

    “เลิกแซวได้แล้วซึงวานเดี๋ยวก็เรือแตกหรอก”

    “อย่าบอกนะว่ากัปตันซึลกิคิดจะพังเรือฉัน  ...ไม่นะนี่ชิปมาตั้งกี่ปีแล้ว”ซึงวานโบกไม้โบกมือไปมาอย่างคนเล่นใหญ่ทำเอาเพื่อนทั้งโต๊ะหลุดหัวเราะขำออกมา

    “ซนซึงวานถ้ายังไม่อยากตายก็หยุดซักที”จูฮยอนเหลืออดพร้อมตวัดสายตาคมกริบให้เพื่อนสนิทรีบเอามือปิดปากตัวเองพร้อมพยักหน้าขึ้นลงเป็นอันตกลงกับนางพญาที่เพิ่งจะแผลงฤทธิ์แผลงเดชใส่ตนเองเมื่อครู่ คนอื่นๆที่ร่วมโต๊ะด้วยก็หัวเราะออกมาบรรยากาศมันช่างไม่ต่างไปจากสมัยเรียนมากนักเหมือนได้พากันย้อนวันวาน แต่ก่อนที่ทุกคนจะหลงประเด็นไปมากกว่านี้ก็ต้องมีคนชักนำให้กลับเข้าสู่ทิศทางเดิมก่อนที่มันจะออกทะเลไปมากกว่านี้

    “จริงสิว่าแต่นัดกันมาวันนี้ทำไมแถมต้องบอกว่ามาให้ครบด้วย”ซึลกิเปิดประเด็นขึ้นทันทีแล้วหันไปส่งยิ้มให้คนข้างกายเพราะรู้ว่าจูฮยอนเองก็อยากจะเบี่ยงประเด็นให้มันออกจากเรื่องของเรา

    “ใช่..ฉันจะชวนพวกแกไปเพื่อนเจ้าสาวอ้อ..เพื่อนเจ้าบ่าวด้วย”เจ้าของบริบทนี้ทำเอาเพื่อนร่วมโต๊ะแตกตื่นด้วยความตกใจกันทั้งกลุ่มนั่นหมายความว่ามีใครคนใครคนหนึ่งในกลุ่มสละโสด ซึ่งคนนั้นก็น่าจะเป็นเจ้าของประโยคข้างต้นที่กำลังยิ้มแพรวพราวด้วยความภูมิใจเพราะหล่อนเป็นคนแรกในกลุ่มที่กำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้ แถมเจ้าบ่าวก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเพื่อนๆต่างก็รู้จักกันดีด้วยความที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนความรักมันสุกงอมได้ที่เลยตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน พอหายตกใจกันทุกคนแล้วก็เข้าสู่ช่วงถามมาตอบไปและตบท้ายด้วยการพูดคุยตามประสาเพื่อนพร้อมกับอธิบายแผนงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า แน่นอนว่าทุกคนที่มาวันนี้จะต้องไปร่วมงานอย่างไม่มีบิดพลิ้วขืนมีใครปฏิเสธมีหวังคงโดนงอนยาวไปถึงชาติหน้าเป็นแน่

    “โอกาสแกน่าจะมาถึงแล้วนะซึลกิ..”

    “เออรู้แล้วน่า..”ซึลกิรับคำเพื่อตัดรำคาญที่ถูกซึงวานเซ้าซี้บ้างเรื่อง อีกอย่างคือกลัวว่าบางคนจะจับได้เพราะตอนนี้จูฮยอนกำลังมองมาที่เขาสองคนซึ่งกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่

    “เลิกคุยๆ จูมองมาแล้ว”

    “เออ..เห็นแววมาแต่ไกลเลยแกอ่ะ”

    “แววไรวะ..”ซึลกิขมวดคิ้วไม่เข้าใจที่เพื่อนเอ่ยออกมา

    “แววกลัวเมีย”

    “...”

    “คุยอะไรกันสองคนนั่นน่ะ”จูฮยอนเห็นซึลกิกับซึงวานกระซิบกระซาบกันมาสักพักแล้วไม่ได้สนใจว่าเพื่อนคนอื่นกำลังพูดคุยเรื่องอื่นกันอยู่ สองคนที่โดนทักท้วงก็หันมาฉีกยิ้มร่าเพราะตกเป็นจำเลยทางสายตาของเพื่อนทั้งกลุ่ม

    “ไม่มีไรพอดีเรากับซึลกิกำลังคุยกันว่าคืนนี้ดื่มชิลๆที่ไหนกันดี”

    “เธอมีนัดทานข้าวกับเค้าไม่ใช่เหรอ..”จูฮยอนตวัดสายตามองคนหน้าหมีอย่างคาดคั้นนั่นทำเอาคนโดนมองรู้สึกกระอักกระอวลขึ้นมาทันใดจะมีก็แต่ซึงวานเท่านั้นที่ยิ้มขำ

    “เออ..ไม่ได้ลืมนี่ก็ปฏิเสธซึงวานไปแล้วล่ะ”ซึลกิบอกเสียงอ่อยๆ แถมทำหน้าตาน่าสงสารเรียกร้องความเห็นใจจากจูฮยอนที่ขึงสายตาใส่เขา

    “โอ๊ยพอเหอะมันก็ไม่ไปแล้วไง กลัวเธอจะแย่แล้วจูฮยอน”ซึงวานว่าขึ้นซึ่งเพื่อนคนอื่นๆก็รีบสนับสนุนทันที พอจูฮยอนโดนเพื่อนคนอื่นรุมมากๆเข้าซึลกิก็รีบออกมาปกป้องทันที แน่นอนว่าสร้างความหมั่นไส้อย่างมากแต่ก็นั่นแหละทุกคนเองก็เอ็นดูสองคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วและไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายเรื่องรักๆใคร่ๆ อย่างไรทุกคนก็คิดว่าทั้งซึลกิกับจูฮยอนก็ต้องลงเอยกันสักวันหนึ่ง

    เบื้องหลังคือเรือสีขาวตัดกับสีฟ้าสดใสของท้องฟ้ายามเช้าที่เบื้องหน้าของคณะเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีสดใสเข้ากันกับบรรยากาศทะเลแสนงาม เวลานี้ทุกคนดูวุ่นวายกับการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะค่อยทยอยพากันขึ้นเรือลำหรูที่ทางผู้จัดงานเตรียมเอาไว้รอรับ เมื่อสถานที่จัดงานแต่งงานคือเกาะส่วนตัวกลางทะเลกระทั่งแดดเริ่มแผดแสงแลเห็นทะเลสีครามงดงามกระต่างตา นกนางนวลบินถลาเล่นลมอย่างเริงใจทุกคนเองก็ดูจะมีความสุขไม่น้อยกับบรรยากาศยามสายเช่นนี้ จูฮยอนเองก็รู้สึกผ่อนคลายกับธรรมชาติที่รายล้อมพลางปรายตาไปมองคนตัวสูงกว่าข้างกายเห็นเขากำลังนั่งมองทะเลคล้ายกับกำลังดื่มด่ำกับภาพความงามและบรรยากาศดีๆ นี้เช่นกัน

    “สวยเนอะ”จูฮยอนเอ่ยขึ้นพลางเก็บปลายผมทีปลิวไปกับสายมาทัดไว้ตรงด้านหลังใบหู

    “อื้อ..สวย”ซึลกิเองก็ขานตอบรับคลอไปกับเสียงลมที่ปะทะเข้ามาพลางเบือนหน้าหันไปทางจูฮยอน “แต่ทะเลมันสวยขึ้นเพราะว่าข้างๆ เค้ามีจูนะ”คำพูดคำจามันช่างไม่เข้ากันกับรอยยิ้มซื่อๆนั่นสักนิด จูฮยอนเหมือนกำลังรู้สึกว่าหัวใจตนเองโดนเกลียวคลื่นสาดซัดจนซวนเซเสียหลัก มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว..คังซึลกิทำให้หล่อนไม่เป็นตัวของตัวเองอีกแล้ว

    “อยากดำน้ำเลยเนอะ..”จูฮยอนตั้งใจเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่รู้ว่าควรตอบอีกคนไปอย่างไร ซึ่งซึลกิเองก็เหมือนไม่ได้ใยดีว่าหล่อนจะตอบกลับมาอยู่แล้ว

    “งั้นเดียวถึงเกาะแล้วเราแยกไปดำน้ำกันดีไหม..”

    “ดีสิ..ห้ามเบี้ยวเค้านะเธอน่ะ ไม่ใช่พอถึงรีสอร์ทแล้วหนีขึ้นไปนอนอย่างทุกที”

    “เค้าสัญญาเลยจู”



    “ดีนะที่เค้าเตรียมครีมกันแดดมา เธอน่ะไม่รู้จักเตรียมอะไรซักอย่าง”จูฮยอนอดบ่นคนข้างๆไม่ได้ ทั้งที่ชวนเธอแยกมาดำน้ำแต่กลับไม่ได้เตรียมเอาครีมกันแดดมาด้วยดีที่หล่อนเตรียมมาเผื่อด้วย คนหน้าหมีได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่เดินนำหน้าไปก่อนเพราะต้องไปบอกให้พนักงานนำเรืออออกไปยังจุดที่จัดไว้ให้ดำน้ำ ดีที่เพื่อนของเขาคอยจัดการอะไรให้เลยไม่ต้องยุ่งยากมาจัดการเอง

    น้ำทะเลใสแจ๋วแดดสว่างโร่ยามสายสาดมาเป็นลำลงมายังโลกใต้ทะเลมันช่างงดงามและเงียบสงบ ราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ซึลกิชี้มือให้หญิงสาวที่ลอยตัวอยู่เคียงข้างว่ายตามเขาไปใกล้แนวโขดหินและมันไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังปะการังหลากหลายชนิด ดอกไม้ทะเลขึ้นอัดแน่นต่ำลงไปอีกหน่อยซึลกิคอยชี้ให้จูฮยอนดูหอยมือเสือสีม่วงเข้มร่วมไปถึงปลาดาวที่น่ารักน่าเอ็นดู

    จูฮยอนว่ายตามซึลกิไปในโลกสีครามอย่างเพลิดเพลินหลายครั้งที่หล่อนต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น พลางกระตุกแขนให้ซึลกิดูฝูงปลาหลายชนิดหลากสีสันที่ว่ายกันมาเป็นฝูง ทั้งคู่ละทิ้งความเป็นจริงบนโลกเอาไว้แล้วปล่อยตัวปล่อยใจไปกับโลกสีคราม ลืมความสัมพันธ์ระหว่างเราที่คลุมเครือไปเสียให้สิ้นให้โลกนี้มีเพียงเขาและเธอเพียงเท่านั้นก่อนที่ทั้งสองคนจะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำทะเล เป็นซึลกิที่สะกิดเรียกหล่อนพอจูฮยอนหันมาก็ถอดหน้ากากออกพลางสูดลมหายใจยาวเข้าไปเต็มปอด

    “สวยเนอะ..”จูฮยอนเปล่งเสียงออกมาเป็นคำแรกขณะลอยตัวอยู่ใกล้กันอย่างนี้ซึ่งซึลกิมองเห็นดวงตากลมโตนั่นเป็นประกายพราวระยับทีเดียว

    “เอาไว้หาช่วงวันหยุดยาวๆแล้วเราไปเที่ยวกันไหม มีที่ที่สวยกว่านี้อีกรับรองว่าจูจะต้องติดใจอย่างแน่นอน”จูฮยอนเบิกตาโตด้วยความสนใจยิ่งช่วงนี้ต้องเรียนรู้งานที่บริษัทมันก็ทำเอาหล่อนเครียดจนแทบบ้าอยู่แล้ว อยากจะหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนสมองบ้าง พอซึลกิเสนอมมาแบบนี้ก็ยิ่งทำให้จูฮยอนอยากจะกลับไปลางานยาวแล้วไปเที่ยวกับเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่หล่อนก็ทำแบบนั้นไม่ได้ในเวลานี้แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสสักหน่อย ซึลกิมองดวงตาพราวระยับที่เหมือนเด็กๆ ยามได้ของเล่นใหม่รวมไปถึงท่าทางสดใสเบิกบานนั่นมันทำให้หัวใจของเขาพองโต จนอยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุดเวลาที่มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น

    “สัญญาแล้วนะ”

    “เราเคยผิดสัญญากับจูด้วยเหรอ”ซึลกิแกล้งเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างล้อเลียน

    “ก็ลองดูสิ..”

    “จูก็รู้ว่าเราไม่กล้า”ซึลกิยิ้มกว้างรับรอยยิ้มเบิกบานสดใสนั่นด้วยหัวใจแย้มยิ้ม ก่อนที่ทั้งสองจะพากันดำลงไปชมโลกสีครามอีกครั้งก่อนที่จะต้องกลับไปที่รีสอร์ทเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานปาร์ตี้เย็นนี้



    “ไปเถลไถลที่ไหนกันมาทั้งสองคนเลย ดูสินี่มันกี่โมงแล้วรีบๆ ไปแต่งตัวกันเลยนะ”เสียงแวดของซึงวานดังขึ้นทันทีที่ซึลกิกับจูฮยอนเดินเข้ามาภายในส่วนรับรองของโรงแรมหลังจากเพิ่งกลับมาจากดำน้ำ อันที่จริงซึลกิก็บอกเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปที่ไหนแต่ไม่รู้ทำไมซึงวานจะต้องโวยวายเล่นใหญ่อะไรถึงเพียงนี้ เพื่อนอีกคนที่มากับซึงวานด้วยก็ปรี่เข้ามาจับข้อมือของจูฮยอนเพื่อจะพาหล่อนไปแต่งเนื้อแต่งตัว ส่วนซึลกิเองก็ถูกซึงวานคว้าต้นคอเอาไว้พยายามลากให้ไปด้วย

    “เดี๋ยวๆ งานเริ่มกี่โมง”

    “ทุ่มนึง..”

    “โอ๊ยซึงวานเวลามันเหลือถมเถไปขอฉันนั่งพักก่อนได้ไหม อีกอย่างฉันกับจูก็หิวด้วย”พอคนเป็นเพื่อนเอ่ยออกมาแบบนั้นซึงวานก็หันไปมองทางจูฮยอนทันที หล่อนเองก็พยักหน้ารับเสริมในสิ่งที่ซึลกิพูดมาอย่างถูกต้องตอนนี้หล่อนหิวมากหลังจากใช้พลังงานไปกับการดำน้ำเสียหมด

    “เออ..เดี๋ยวฉันจะสั่งรูมเซอร์วิสไปให้ที่ห้อง จีฮโยแกพาจูไปที่ห้องมันเลยนะเดี๋ยวฉันจะพาซึลกิไปแต่งตัวที่ห้องฉันเองตามนี้นะ”ซึงวานสั่งเสร็จก็ลากคอพาซึลกิไปทันทีส่วนจีฮโยก็เป็นคนพาจูฮยอนไป

    ปาร์ตี้ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมวันนี้ดูคับแคบไปถนัดตาแม้ปาร์ตี้วันนี้ทางเจ้าของงานจัดเป็นแบบค็อกเทลไม่มีโต๊ะเก้าอี้ให้เกะกะแล้วก็ตาม แต่เพราะแขกของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่มีทั้งญาติสนิทมิตรสหายรวมๆ กันแล้วก็มีปริมาณมากมันเลยทำให้ห้องจัดเลี้ยงดูเล็กลง นอกจากมุมอาหาร เครื่องดื่ม เวทีซึ่งมีเครื่องดนตรีสี่ชิ้นคอยบรรเลงเพลงอย่างอ่อนหวาน ทั่วทั้งห้องกว้างคับคั่งด้วยบรรดาแขกเหรื่อรวมไปถึงแสงแฟลชวูบวาบอยู่ตามมุมนั้นมุมนี้ตลอดเวลานอกจากนั้นก็ยังมีไฟจากกล้องวิดีโอจากช่างที่ทางเจ้าของงงานจ้างมาเพื่อบันทึกเรื่องราวน่าประทับใจนี้

    ซึลกิพยายามกวาดตามองหาคนที่หายไปแต่งตัวตั้งแต่บ่ายๆแก่ด้วยความไม่สบายใจนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้จูฮยอนจะเป็นอย่างไรบ้างอันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไหร่หรอก เพียงแต่วันนี้เขาตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว ซึงวานที่ถือแก้วเครื่องสีสดใสก็ยื่นแก้วอีกใบในมือให้ซึลกิ

    “เอาน่าเดี๋ยวจูก็มาแกนี่อย่าใจร้อนสิ”ซึงวานเอ่ยกระเซ้าแม้จะรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนรักกังวลอยู่มันจะเป็นเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าก็ตามแต่ยิ่งเห็นสีหน้ายุ่งยากใจของซึลกิมันก็อยากจะแกล้งขึ้นมาเท่านั้นเอง

    “นั่นไงพวกจูมากันแล้ว”เสียงของซึงวานปลุกให้ซึลกิตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิด เขาเงยหน้ามองไปยังบันไดเตี้ยๆ ที่ทอดมาจากระเบียง น่าแปลกนักที่ในบรรดาผู้หญิงหลายคนรวมไปถึงคนที่น่าจะเด่นที่สุดในงานอย่างเจ้าสาวแต่ซึลกิกลับมองเห็นเพียงแค่จูฮยอนแค่คนเดียวเท่านั้น วันนี้จะว่าหล่อนแปลกตาไปกว่าที่เคยเห็นมันก็คงใช่แต่สิ่งหนึ่งที่ซึลกิรับรู้คือไม่ว่าจูฮยอนจะอยู่ในชุดแบบไหนหล่อนก็ยังความสวยที่สามารถปลิดชีพทุกคนที่มองได้เสมอ วันนี้เจ้าหล่อนนุ่งกระโปรงยาวผ้าเนื้อนิ่มบางพลิ้วสีครีม แขนสั้น ดูนุ่มนวลอ่อนหวานนักรับกับใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเบาบางแค่เท่านี้ก็ทำให้หล่อนสวยสง่าเหมือนนางฟ้ากำลังสยายปีกสีขาวลงมาจากสรวงสวรรค์ ซึลกิได้แต่มองตามดวงตาเคลิบเคลิ้มไปกับความสวยหวานของจูฮยอน

    “ไง..มองตาค้างเลยสิแก เห็นแบบนี้แล้วถ้าแกขืนยังชักช้าอยู่แล้วจูไปเป็นของคนอื่นอย่ามาร้องไห้ให้ฉันซับน้ำตาให้นะบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าฉันจะสมน้ำหน้าแก ตัวเองน่ะมีโอกาสเยอะกว่าคนอื่นแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้เวลามันผ่านมาตั้งเท่านี้มันดีแค่ไหนแล้วที่จูฮยอนไม่ไปลงเอยกับคนอื่น”ซึงวานขยี้อย่างยาวเหยียดและทุกถ้อยคำนั่นซึลกิก็ซึมซับเข้าไปในหัวที่ตอนนี้มันเอาแต่คิดว่าจะบอกความรู้สึกของตนเองให้จูฮยอนรับรู้ได้อย่างไร

    “ฉันรู้แล้ว...บอกไว้ตรงนี้เลยจูต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”ซึลกิเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมันหนักมากพอจะทำให้ซึงวานเหยียดยิ้มด้วยความพึงพอใจ อย่างไรเขาก็ต้องพายเรือลำนี้ไปให้ถึงฝั่งฝันแน่นอนจะไม่ยอมให้มันล่มกลางทางอย่างเด็ดขาด...ซนซึงวานขอเอาหัวเป็นประกัน!

    “จูมาก็ดีแล้วมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบื้อนี่หน่อย เราจะไปดูน้องเยริม”ซึงวานบอกแล้วปละเดินจากไปทันทีปล่อยให้สองคนเขายืนส่งยิ้มหวานให้กัน หวานจนไม่เกรงใจความรักของคู่บ่าวสาวในงานเลยล่ะ

    “เธอ..”

    “หืม..ว่าไง”ซึลกิรู้สึกเหมือนตัวเองหายใจติดขัดยามที่ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากเรือนกายนุ่มนิ่มที่กำลังยืนชิดแนบขนาบข้างเขาในเวลานี้

    “หิว..”คำบอกนั่นของแม่คนสวยข้างกายทำให้มุมปากของซึลกิวาดโค้งได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ดวงตาเรียวมองอีกคนเป็นประกายแต่ก็เจือไปด้วยความเอ็นดูก่อนจะพาคนที่บอกว่าหิวไปหาอะไรทานภายในงานนั่น

    งานปาร์ตี้ยังคงดำเนินไปด้วยความครึกครื้นโดยที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เป็นจุดเด่นสุดของงานกำลังทักทายบรรดาเพื่อนๆ พี่น้อง ญาติสนิทที่มาร่วมงานคอยเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ตลอดทั้งงานส่วนทางซึงวานเองก็ดูจะสนุกสนานไปกับการดื่มและพูดคุยกับรุ่นน้องคนสนิทอย่างเยริม แม้ว่าจะมีจูฮยอนอยู่ด้วยแต่ก็เหมือนหล่อนถูกดูดออกจากบทสนทนานั่นไปเสียแล้วก่อนจะพยายามชะเง้อมองหาซึลกิที่หายไปเอาเครื่องดื่มให้ จูฮยอนเพ่งสายตามองไปตรงจุดที่คนเยอะๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเดินตรงมาหาหล่อนแล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นชัดเจนว่าคนที่เดินมานั่นเป็นใครและหล่อนรีบหันไปสะกิดซึงวานทันที

    “ไงจู..ไม่ได้เจอกันตั้งนานเนอะ”ชายหนุ่มผู้มาใหม่ส่งยิ้มทักทายให้ จูฮยอนเองก็ยิ้มตอบตามมารยาท

    “อื้อ..สบายดีใช่ไหมแทยง”

    “สบายดีและก็คิดถึงจูนะ”เขาจ้องมองใบหน้าสวยนั่นด้วยสายตาที่สื่อความหมายชัดเจน ครั้งล่าสุดที่เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้ก็เมื่องานรับปริญญาก่อนที่จูฮยอนจะไปเรียนต่อเมืองนอก ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยแทยงเพียรพยายามตามจีบเธอคนนี้มาเสมอแต่ก็ถูกขัดจากคนที่อยู่ข้างกายจูฮยอนเสมอมา ที่จริงแล้วเขาตั้งใจจะเข้มาทักทายอีกฝ่ายตั้งแต่เดินทางมาถึงเกาะนี้ ทว่าก็ไม่มีโอกาสไม่สิอีกคนต่างหากที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้เข้าใกล้จูฮยอนแม้แต่น้อยกระทั่งเวลานี้ที่เหมือนทุกอย่างมันเป็นใจ แทยงเห็นว่าซึลกิกำลังโดนบรรดาพวกเพื่อนรวมหัวกันให้ดื่มอยู่ระหว่างที่ไปเอาเครื่องดื่มมาให้จูฮยอนและคาดว่าอีกนานกว่าเจ้าตัวจะหลุดมาได้

    “อ่า..ขอบใจนะ”

    “อืมเรายังเหมือนเดิมนะเผื่อว่าจูจะให้โอกาสเรา อ้อเราเอามาให้”แทยงเอ่ยพลางยื่นแก้วน้ำผลไม้ไปให้หญิงสาว

    “เราว่านายตัดใจเถอะแทยง ยังไงจูก็ไม่ชอบนายหรอก”เป็นซึงวานที่โพล่งขึ้นอย่างตรงไปตรงมาพลางจิ๊ปากไม่พอใจที่ผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสตอนที่เพื่อนของเขาไม่อยู่มาขายขนมจีบให้คนของเพื่อนเธอ

    “จูก็ยังไม่มีแฟนเราก็ยังไม่มีใครทำไมเราถึงไม่มีโอกาสล่ะ”

    “เพราะว่าจูไม่ชอบนายไง”ไม่ใช่ทั้งเสียงของซึงวานหรือจูฮยอนแต่มันดังขึ้นมาจากด้านหลังของแทยง ทุกคนต่างหันไปมองก็เห็นซึลกิยืนจังก้าใบหน้าบอกบุญไม่ค่อยรับเท่าไหร่ สายตาเรียวรีนั่นจ้องไปที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวอย่างเอาเรื่องไม่ว่าเมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้มักจะหาโอกาสเข้าใกล้จูฮยอนเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ซึลกิเกลียดอันที่จริงเขาก็เกลียดทุกคนที่เข้ามาใกล้จูฮยอนและหวังจะจีบเธอคนนี้ทั้งนั้นแหละ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆพลางส่งสายไปให้จูฮยอนก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้นทันที จูฮยอนมองแผ่นหลังที่เดินลิ่วฝ่าผู้คนออกไปจากห้องจัดเลี้ยง

    “ซึลกิ”จูฮยอนเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังคนที่คุ้นเคยกำลังยืนเอมือกอดอกเหม่อมองท้องทะเลยามค่ำ เขาหันมามองหล่อนแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองทะเลดังเดิม

    “มันไม่มีอะไรนะ”

    “รู้...เค้าแค่หงุดหงิด”ได้ยินดังนั้นจูฮยอนก็ถอนหายใจยาวออกมา เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่มีคนเข้าหาหล่อนและซึลกิมักไม่ชอบเลยสักคนซึ่งบางทีหล่อนก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนั้นทำไม แม้อยากจะนึกเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายหึงหวงกันแต่เพราะว่าอะไรระหว่างเรามันไม่เคยชัดเจนมากพอและหล่อนไม่อยากเสียใจหากมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น


    “เธอ...หงุดหงิดอะไร”


    “จูก็น่าจะรู้ดีว่าเค้าหงุดหงิดเรื่องอะไร ทำไมถึงคุยกับหมอนั่นล่ะเค้าเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าหมอนั่นมันคิดไม่ซื่อกับจู”ซึลกิหันกลับมาเผชิญหน้าอีกคนด้วยแววตาวาววับ แน่นอนว่าเขาไม่พอใจที่อีกฝ่ายถามอะไรแบบนั้นออกมาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วว่านายแทยงอะไรนั่นคิดอย่างไรกับตนเอง แต่ก็ยังไปคุยไปยิ้มให้อยู่ได้มันน่าขวางหูขวางตาที่สุดและเขาก็ไม่ชอบใจอย่างมาก


    “แล้วเค้าจะคุยอะไรกับใครทำไมเธอต้องมาห้ามด้วยล่ะ”


    “แต่เค้าเป็นเพื่อนเธอไง เค้ารู้ว่าใครดีหรือไม่ดี”ซึลกิเริ่มโมโหเพราะอีกคนนั่นแหละที่ทำท่าเหมือนอยากจะคุยกับผู้ชายคนนั้น จูฮยอนนิ่งมองซึลกิที่กำลังโมโหพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ


    “เค้าว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ เอาไว้เธอารมณ์เย็นกว่านี้ค่อยมาคุยกัน”พูดจบก็หันหลังจะเดินกลับไป


    “จู..เดี๋ยวก่อน คือเราขอโทษแต่อยู่คุยกันก่อนได้ไหม สัญญาว่าจะไม่โมโห”น้ำเสียงกังวานเรียบง่ายไม่ได้เกรี้ยวกราเหมือนเมื่อครู่ทำให้จูอยอนชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินออกไปต้องหันกลับมามองซึลกิอีกครั้ง


    “นะ..อยู่คุยกับเค้าก่อนนะจูอยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”คำพูดประโยคนั้นทำให้จูฮยอนนิ่งมองใบหน้าคมที่รับกับดวงตาเรียวรีซึ่งไม่มีวี่แววดุดันอีกแล้วมีเพียงความอ่อนโยนที่หล่อนคุ้นเคย ซึลกิยื่นมือไปตรงหน้าให้หล่อนจับเอาไว้พลางพาสาวเท้าเดินไปตามหาดทรายเงียบสงบ มีเพียงพระจันทร์ดวงโตทอแสงละมุน ระหว่างนี้ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมามีเพียงเสียงลมกับเสียงคลื่นที่ขับขานให้บรรยากาศไม่ได้เงียบจนเกินไปนัก ทั้งสองพากันเดินไปเรื่อยเปื่อยตามความยาวของแนวชายหาดแม้ไม่ได้พุดกันทว่าสายตาของทั้งสองก็ยังคงชำเลืองมามองกันเป็นระยะ ถึงแม้จะเป็นพื้นทรายแต่ทว่าคนที่มักจะเดินสะดุดนั้นสะดุดนี่เสมออย่างจูฮยอนก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนได้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เลวร้ายนักแต่ก็ทำให้จูฮยอนรู้ว่าคนข้างกายของหล่อนเป็นที่พึ่งได้เสมอ เขาคว้าแขนหล่อนเอาไว้ทันก่อนที่จูฮยอนจะหงายหลังลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้นทราย สาเหตุนั่นมันก็มาจากรองเท้าส้นสูงของหล่อนที่มันจมหายไปในผืนทรายอ่อนยวบ


    อะไรบางอย่างในดวงตาเรียวรีคมดุนั่นที่หล่อนได้มองสบในระยะใกล้เช่นนี้กำลังยิ้มหยอกเย้า และมันกำลังบอกกับจูฮยอนว่าเขายังอยู่ตรงนี้เสมอ..และพร้อมจะช่วยหล่อนทุกครั้ง


    “ถอดรองเท้าเดินกันดีกว่า ทรายตรงนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”ซึลกิไม่พูดเปล่าพลางถอดรองเท้าของตัวที่ไม่ได้ส้นเข็มแบบของจูฮยอนออกซึ่งหล่อนเองก็ทำตามทันที มันรู้สึกสบายขึ้นมากเมื่อเท้าเปล่าได้สัมผัสความเย็นชื้นของเม็ดทรายมันเป็นความรู้สึกดีๆ แบบง่ายๆ ที่ทั้งซึลกิกับจูฮยอนต่างก็รู้สึกตรงกัน


    “นี่เรามาทะเลด้วยกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่นะ”ซึลกิเอ่ยถามทำลายความเงียบสงัดนั้นลง จูฮอยนนิ่งคิดทวนคำถามของซึลกิในหัวก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อหล่อนนึกออกแล้ว


    “ตอนอยู่ปีสาม..ตอนนั้นซึงวานอกหักเมาเหล้าหนักมากร้องไห้ฟุมฟายที่คอนโดของเธอ แล้วก็รบเร้าให้เราสองคนขับรถพามาที่ทะเลก่อนจะนั่งร้องไห้ตรงชายหาดทั้งคืน ดีนะตอนนั้นอากาศร้อนไม่อย่างนั้นแข็งตายกันทั้งสามคนแน่เค้าว่าถ้าตอนนั้นฝนตกซึงวานอาจจะชวนไปเดินตากฝนแน่ๆ”จูฮยอนเล่าย้อนไปในวันนั้น ใบหน้าสวยเจือด้วยรอยยิ้มขบขันแต่ซึลกิกลับหัวเราะลั่นประสานเสียงหัวเราะของจูฮยอน นึกถึงภาพวันนั้นทีไรมันก็อดขำไม่ได้ทุกที่ป่านนี้ซึงวานที่อยู่ในงานคงจะจามแล้วจามอีกเป็นที่ถูกเขากับจูฮยอนนินทาอย่างออกรสชาติ


    “เราเดินกันมาสักพักแล้วเนอะป่านนี้คงถึงช่วงเต้นรำแล้วล่ะ เอ..เค้าพาจูออกมาแบบนี้อดเต้นรำเลยสิ”ทั้งสองคนที่เดินมาจนเรื่อยเปื่อยวกกลับมาถึงหาดด้านหน้าโรงแรมที่จัดงานอีกครั้ง ซึลกิเอื้อมมือไปหยิบรองเท้าส้นสูงของจูฮยอนมาถือไว้ในมือก่อนจะนำมันไปวางบนพื้นทรายเคียงคู่กับรองเท้าของเขาเอง


    “เธอจะทำอะไร”


    “ขอจูเต้นรำไง”


    “ตรงนี้?”คนสวยถามอย่างไม่แน่ใจนัก


    “ใช่..ไม่มีใครปักป้ายห้ามเอาไว้นี่นา”


    เสียงเพลงจากในงานปาร์ตี้ลอยลมออกมาแผ่วเบาคละเคล้าไปกับเสียงคลื่นเสียงลมบนชายหาด ซึลกิไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับเขากระชับมือข้างหนึ่งของหญิงสาวไว้ในอุ้งมือของตนเอง มืออีกข้างแตะเอวจูฮยอนแผ่วเบา พาก้าวไปช้าๆ บนหาดทรายลมทะเลเย็นสดชื่น พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยูกลางท้องฟ้าทอแสงนวลยวนตาอาบไล้ผืนทรายละเอียดยิบทั้งยังทอดเงาจางๆ อยู่ในท้องทะเลตรงหน้า เหมือนงาจางๆ ของความรู้สึกบางอย่างมันค่อยเด่นชัดขึ้นกลางหัวใจของคนทั้งคู่


    “มีความสุขจังเลย..มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับจูนะ”


    “เอ๋..”


    ซึลกิมองจ้องลงไปในดวงตากลมโตที่มองกลับมาด้วยความแปลกใจก่อนที่เขาจะก้าวนำหล่อนให้หมุนตัวช้าๆ ผ่านผืนทรายเปียกชื้นลงไปย่ำคลื่นที่สาดเข้าฝั่ง จูฮยอนร้องด้วยความตกใจพยายามขืนยตัวไม่ไปตามที่ซึลกินำพาแต่ก็สู้แรงของคนที่สูงกว่าไม่ได้ อีกทั้งซึลกิก็ไม่ยอมฟังเสียงร้องที่ทั้งตกใจและแปลกใจของหญิงสาวและเขายังคงนำหล่อนลุยน้ำทะเลลงไปเรื่อยๆ คลื่นซัดจนจูฮยอนเซและกระโปรงตัวยาวของทั้งคู่ก็เปียกน้ำทะเลจนถึงเข่าหากคนที่แตะเอวและจับมืออยู่เหมือนจะยิ่งสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ


    “เธอจะบ้าเหรอ.. นี่จะไปไหนกันแน่”สิ่งที่จูฮยอนได้ยินคือเสียงหัวเราะสดใสของซึลกิดังแผ่วๆ อยู่ข้างหู


    “ถ้าเค้าจะพาจูไป จูจะไปกับเค้าไหมล่ะ”


    “เธอจะพาไปไหนล่ะ”


    “ไม่ไกลหรอกเพียงแต่เค้าอยากจะกลับมาที่นี่พร้อมจูอีกครั้งได้ไหม แค่เราเท่านั้น”


    ยิ่งดึกโลกรอบตัวยิ่งเงียบสงัดฟ้าก็มืดมิดทว่ามันยิ่งขับประกายสุกใสของพระจันทร์เต็มดวงที่ทอแสงสุกสกาวราวกับโคมสีทองที่ลอยเด่นอยุ่บนฟ้ามืด จูฮยอนไม่ได้ตอบคำถามเมื่อครูของซึลกิและดูเหมือนกับซึลกิก็ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรจากหล่อน ทั้งสองกลับมานั่งเล่นกันบนหาดทรายอาบไล้เนื้อตัวด้วยสายลมเย็นยามดึกแสงจันทร์นวลและอารมณ์ความรู้สึกหวานๆ ที่เหมือนจะโอบล้อมอยู่รอบกาย แทบไม่มีใครนึกถึงคนอื่นที่อยู่ในงานปาร์ตี้แม้แต่น้อยเวลานี้มีเพียงแค่เราสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน จูฮยอนกอบทรายละเอียดยิบเล่นในขณะที่ซึลกิเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนใช้ศอกรับน้ำหนักตัวอยู่ด้านหลัง ในความเงียบนั้นมีความสุขฟั่นเกลียวถักทออยู่อย่างเหนียวแน่น


    “จะตีสองแล้ว..”ในที่สุดจูฮยอนก็หันมาบอกคนข้างตัว


    “จูง่วงแล้วเหรอ”


    “ยังนะแต่กลัวว่าซึงวานจะดื่มเยอะจนเมา ไหนจะน้องเยริมอีกสองคนนี้ยิ่งไม่มีใครห้ามใครอยู่ด้วย”จูฮยอนบอกไปตามความจริงเพราะหลายครั้งเวลาไปงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรซึงวานมักจะเมาตลอด และคำพูดประโยคนั้นเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าซึลกิควรจะพูดอะไรบางอย่างออกไปได้แล้ว หากเขาไม่พูดออกไปตอนนี้บางอย่างมันอาจจะไม่เหลือให้เขาจัยต้องได้เหมือนกับเงาจันทร์ในทะเลที่มันพร้อมจะหายวับได้ทุกเมื่อ


    “อีกนิดนะจู..เรามีบางอย่างที่จะต้องพูด”ซึลกิยันกายขึ้นนั่งหลังเหยียดตรงพร้อมจ้องมองไปที่จูฮยอนด้วยสายตาจริงจังอย่างที่จูฮยอนไม่เคยเห็นมาก่อน หล่อนนิ่งมองดวงตาเรียวคู่นั้นแล้วพยักหน้ารับ


    “เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กใช่ไหมจูไม่ว่าจะเมื่อไหร่เค้าก็มีแค่จูเสมอมา ตอนแรกเค้าก็คิดว่าระหว่างเรามันประกอบไปด้วยความผูกพันเพราะความสนิทสนมที่เรามีให้ แต่วันหนึ่งเราเพิ่งจะรู้ว่ามันมีความรู้สึกบางอย่างที่มันเต้นแรงอยู่ในอกเวลาที่เห็นจูไปยิ้มไปหัวเราะกับคนอื่น เค้าไม่อยากให้รอยยิ้มของจูเป็นของคนอื่นอยากให้จูยิ้มแบบนั้นให้แค่เค้าอยากมีจูอยู่ด้วยตลอดเวลา เค้าไม่เคยคิดเลยว่า..เค้าจะรักจู รักจูแบบที่ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่พี่น้อง หรืออะไรทั้งนั้นเค้ารักจูรักจูในแบบของคนรัก.. จูยังไม่ต้องให้คำตอบเค้าตอนนี้ก็ได้แค่อยากจะบอกความรู้สึกของเค้าเท่านั้นเอาไว้จูพร้อมเมื่อไหร่ค่อยตอบนะ.. เรารีบกลับไปดูซึงวานกันเถอะป่านนี้คงเมาเละแล้วแน่ๆ”




    หลังจากนั้นจูฮยอนกับซึลกิก็กลับมาที่งานเลี้ยงและมันก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ซึงวานกับเยริมพากันเมาจนไม่รู้เรื่องส่วนรูมเมทของเยริมก็ดันล็อคห้องเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ซึลกิจึงตัดสินใจให้เยริมกับซึงวานนอนพักที่ห้องของเขาซึ่งแน่นอนว่าเป็นห้องของซึงวานด้วย ส่วนตัวเองจะไปเปิดอีกห้องหนึ่งแต่จูฮยอนไม่ยอมเพราะหล่อนนอนคนเดียวและขอให้ซึลกิไปพักด้วยแม้ว่าเพิ่งจะผ่านเรื่องกระอักกระอวลกันมา จูฮยอนเองก็นิ่งอึ้งไปกับสิ่งที่ได้รับฟังจากปากของซึลกิและหล่อนไม่ได้รู้ไมดีเพียงแต่มันยังตั้งตัวไม่ทันเ่านั้น หล่อนอยากจะตอบเขาตอนที่มีสติครบถ้วนทว่าเจ้าหมีบ้านั่นดันหายตัวไปตั้งแต่เช้า..


    “คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกmvหรือคะคุณคัง ถอนหายใจทีดังไปทั้งหาด”เสียงหวานทีดังขึ้นให้่คนที่เดินทอดน่องอยุ่ริมหาดที่เคยเดินเล่นกับจูฮยอนเมื่อคืนต้องหันมามอง เจ้าของใบหน้าคมตกใจไม่คิดว่าอีกคนจะมายืนอยู่ตรงหน้าหลังจากที่สารภาพรักเมื่อคืนไปแน่นอนว่าทั้งคืนซึลกิแทบจะนอนไม่หลับ ใจมันสั่นตลอดเวลาเอาแต่มองคนที่นอนอยู่อีกเตียงจนต้องลุกออกมาสงบสติอารมณ์อยู่แถวนี้ เขาเพิ่งจะรู้ตัว่ว่ายังไม่พร้อมจะเจอหน้าจูอยอนเวลานี้เลยสักนิดพอเห็นแล้วก็รีบหมุนตัวจะเดินหนีไปทันที


    “ถ้าคิดจะเดินหนีกันไปอย่างนั้นก็ออกไปจากชีวิตเค้าเลยนะ”จูฮยอนประกาศกร้าวทำเอาขาที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักค้างเอาไว้แล้วค่อยๆหันกลับมามองคนสวยที่ทำหน้าเกรี้ยวกราดไม่พอใจ


    “จูก็รู้ว่าเค้าทำแบบนั้นไม่ได้”ซึลกิบอกเสียงอ่อนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่าย


    “แต่เมื่อกี้เธอจะเดินหนีกัน”


    “...”


    “ทิ้งเราไว้แบบนี้มันดีแล้วเหรอ… ผลักความรู้สึกของตัวเองมาแล้วไม่คิดว่าเราจะรู้สึกอะไรบ้างเหรอ”


    “จู..”


    “เงียบแล้วฟังเค้าให้จบ”จูฮยอนตวาดกลับไปทำเอาซึลกิหัวหดแล้วนิ่งรอให้อีกคนพูดต่อ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆมองคนตัวสูงกว่าเบื้องหน้า


    “รู้ไหมว่าเค้ารอนานแล้ว นานจนเค้าคิดว่าจะไม่ได้ยินคำนั้นจากเธอพอเราจะบอกความรู้สึกเราบ้าง เธอก็ดันมาหนีไปอีกทำอะไรก็รับผิดชอบสิมาทำให้เค้ารักก็รับผิดชอบสิ”


    “เอ๋..รัก”


    “เออ..รักไง ไม่เข้าใจเหรอไอ้บ้า เค้ารักเธอ รักเธอเหมือนที่เธอรักเค้าอยู่บนคานมันหนาวนะเว้ย”จูฮยอนตะโกนแล้วเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอายปล่อยให้คนที่ยืนนิ่งลำดับความคิดและสิ่งที่ตนเองฟัง ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปจะค่อยๆคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับสองเท้าที่ขยับเดินมาหาจูฮยอน ทว่าอีกฝ่ายพอเห็นคนตัวสูงกำลังเดินมาหากันก็ออกตัวจะเดินหนีแต่ก็ถูกซึลกิรั้งเอวเอาไว้ดึงเข้ามาในอ้อมกอด


    “เค้าขอโทษที่ปล่อยให้จูดูดาวบนคานคนเดียวตั้งนาน แต่ไม่ต้องห่วงนะต่อไปนี้จูจะมีเรานั่งดูดาว ถ่ายรูปท้องฟ้า มีเราอยู่กับจูบทุกที่ เรารักจู..”


    “อื้อ…รักเหมือนกัน”


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in