เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
To my shame ซึ่งต้องละอาย #fictober2020phyaphal
03 oct - พิสูจน์
  • TW: cannibalism, death


    อับชื้น มัวหม่น

    ผมนั่งซุกตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง ฝังร่างตัวเองอิงแนบผนังไม่ต่างจากเห็ดรา กวาดตามองคนสิ้นเนื้อประดาตัว แววตาชืดชาหลายคู่มองเหม่อ

    รัฐบาลถังแตก

    หลังจากที่ไม่มีเงินสำรองในกองคลัง พวกเขาก็หันมาขูดรีดเนื้อตัวประชาชน เก็บภาษีในทุกวิถีทาง

    คุณซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อสิบบาท เขาเก็บคุณเสียสาม คุณหิ้วของจากต่างประเทศเข้ามา เขาคิดภาษีมากกว่าราคาจริงสองเท่าตัว

    ช่างน่าขันนัก ที่คราวนี้แม้แต่พวกนายทุนยังหันหน้าหนีให้รัฐบาล แน่ล่ะว่าพวกมีเงินและเส้นสายย่อมมีชีวิตที่ดีมากกว่าประชาชนตาดำ ๆ เช่นผมอยู่แล้ว พวกเขากอบโกยเต็มที่และหอบข้าวของออกจากประเทศที่ใกล้ล่มสลายแห่งนี้ จากนั้นคงไปใช้ชีวิตอันแสนรื่นรมย์ในคฤหาสน์ส่วนตัวที่ไหนสักแห่ง จิบชายามบ่ายพร้อมมองลูกหลานวิ่งเล่นที่สนามหญ้าเขียวขจี

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น พวกเรามองไปทางนั้นด้วยแววตาหวาดระแวงและตื่นกลัว บางคนซุกตัวหลบใต้โต๊ะ และอีกส่วนก็ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเช่นผม

    คราวนี้คนด้านนอกเคาะด้วยจังหวะตึงตัง จนสุดท้ายอักเนสก็ทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นและยอมเปิดออก

    "คุณเป็นใคร" ประตูเปิดแง้มเพียงน้อย ผมมองไม่เห็นคนด้านนอก ได้ยินเพียงเสียงของสาวผมเปียเท่านั้น

    "ผมมาหาที่หลบภัย" เขากล่าวรวดเร็วจนคล้ายว่าลิ้นจะพันกัน

    "กรุณายืนยันตัวตน" อักเนสกล่าวเช่นที่เคยกล่าวกับทุกคน ณ ที่แห่งนี้

    "ให้ผมยืนยันอะไร"

    "พิสูจน์สิว่าคุณไม่ใช่พวกมัน"

    "ผมไม่มีอาวุธ ค้นตัวผมก็ยังได้" เป็นคำพูดลอย ๆ เช่นเดียวกับที่ผมพูดก่อนจะได้เหยียบย่างเข้ามาที่นี่

    อักเนสเป็นคนธรรมดาเช่นพวกเรา ไม่อาจบอกได้ว่าใครเป็นฝ่ายไหนกันแน่ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอเชื่อคือสัญชาตญาณ

    สุดท้ายประตูก็ถูกเปิดออก ไม่มีการต้อนรับสมาชิกคนใหม่ ไม่มีใครให้ความสนใจเขา

    ชายหนุ่มร่างใหญ่ทิ้งตัวลงไม่ห่างจากผมนัก เขากวาดตามองก่อนจะสบเข้าที่ผม "คุณอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว"

    ผมไม่ได้ตอบไปในทันที "อาจจะสองวันหรือห้าวันหรือเป็นอาทิตย์"

    ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว ที่นี่เป็นห้องเก็บของเก่าของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ไม่มีนาฬิกา ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีพระอาทิตย์ หรือพระจันทร์ มีเพียงพื้นเย็นชืดและโต๊ะเก้าอี้ผุพังเท่านั้น

    "ผมทิโมธี" เขาแนะนำตัว ผมเบือนหน้าหนี ไม่อยากเสวนา

    "ทุกคนดูไร้ชีวิตชีวา" เขายังคงกล่าวต่อ

    ผมหัวเราะเหอะ หากไอหนูนี่อยู่ที่นี่นานเท่าที่พวกเราอยู่ เขาคงไม่สงสัยว่าทำไมพวกเราถึงได้ดูเหมือนคนตายเช่นนี้

    หลังจากนั้นผมก็งีบหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมเสียงโวยวาย "มีคนตาย!"

    ผมสะดุ้งตัวตบกางเกงตัวเอง เมื่อเห็นว่ากระเป๋าสตางค์ยังอยู่จึงถอนหายใจ

    "ทำไมเขาถึงตาย" ทิโมธีเขยิบตัวหนีออกจากศพนั้น แล้วเข้ามาใกล้พวกผมมากขึ้น

    "มีคนตายทุกวัน" ผมบอกเขา น้ำเสียงเรียบเฉยในที

    นั่นคงทำให้ทิโมธีตกตะลึงเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขาซีดเซียว เอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก" แล้วทำไมทุกคนไม่หนีไปจากที่นี่"

    "ตายที่นี่ไม่ทรมาน ตายข้างนอก... ไม่เหลือ" ผมมองไปทางประตู

    ด้านนอกนั่นคงมีทหารลาดตระเวนคอยจับกุมคนที่หนีภาษี หากถูกจับได้เมื่อไหร่ กระสุนจะถูกเจาะเข้าที่ลำตัว เงินก้อนสุดท้ายที่คุณแลกมาด้วยหยาดเหงื่อจะถูกช่วงชิงไปในทันที ส่วนร่างที่ใกล้ตายก็จะถูกปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนั้น

    เพราะพวกเขาเป็นโจรในเครื่องแบบที่มีหัวหน้าเป็นรัฐบาล

    "ใครฆ่าเขา" ทิโมธียังคงซักถามต่อไปจนผมชักรำคาญ

    "ไม่รู้ แต่ถ้ามีคนตายแปลว่าวันนั้นพวกเราจะอิ่มท้อง"

    ขนแขนของเขาลุกชูชัน ทิโมธีเงียบและไม่ถามอะไรต่อ

    หลังจากมีอะไรตกถึงท้อง ผมก็เริ่มพิงตัวกับผนัง ผมนอนหลับไม่สนิทนัก พลิกตัวไปมาก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น

    ท่ามกลางความมืดมิด เงาร่างแบบบางของคนผู้หนึ่งกำลังขึ้นคร่อมทิโมธี ร่างใหญ่โตของเขาดิ้นพลาดทุรนทุรายไม่ต่างจากปลาขาดน้ำ

    เขาขาดอากาศหายใจตายในที่สุด

    ผู้หญิงคนนั้นหยัดกายขึ้นอย่างเงียบเชียบ ผมเปียของเธอสะบัดไปตามการก้าวเดิน

    อักเนส...

    ที่แท้แล้วก็เป็นเธอ

    ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงเปิดประตูต้อนรับคนทุกคน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in