เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บุหลันดั้นเมฆpiyarak_s
บทที่ ๓
  • เป็นเวลาเดือนเศษ กว่าผมของเดือนจะขึ้นและพอจะตัดให้เป็นทรงกับเขาได้ เมื่อตัดแล้ว เดือนก็ออกจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่ไม่น้อย จะว่าเป็นเด็กก็ไม่ใช่ จะผู้ใหญ่ก็ไม่ถูก เพียงแต่รู้สึกว่าตัวเองเติบโตกว่าเดิมด้วยท่าทีที่คนในครอบครัวแสดงออกและปฏิบัติกับเขาอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่เด็กน้อยหัวจุกที่เคยถูกตามใจมากกว่านี้ แต่เป็นเด็กชายที่มีสถานะความรับผิดชอบและได้รับการคาดหวังให้วางตัวอีกแบบหนึ่ง รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในบ้านมากขึ้น เขาสังเกตเรื่องนี้ได้ชัดเจนขึ้นเมื่อมารดาไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไชย้ำเรื่องมารยาทที่ต้องแสดงออกเมื่อเดินทางไปยังเรือนพระสุจริตวินิจฉัย บิดาของเมฆพร้อมกับด้วงอีกต่อไปแล้ว หล่อนเพียงแต่เตือนว่าอย่าลืมเรื่องที่ต้องนำผลไม้แห้งจากเมืองจีนที่ญาติฝั่งมารดาของด้วงนำมาไปฝากเท่านั้น

    เดือนเดินตามด้วงไปลงเรือที่ท่าน้ำ ไม่นับเรื่องไปเรียนหนังสือกับหลวงพ่อที่วัดที่ทำให้ต้องเดินทางออกจากบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เดือนมองโลกภายนอกและโลกภายนอกมองเดือนตอบแปลกแตกต่างไปจากที่เคย เพราะเป็นการไปมาหาสู่กับคนอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากการเรียนเป็นครั้งแรกนับจากพิธีโกนจุก


    ไม่ได้พบหน้ากันมาพักหนึ่ง คราวนี้ เขาดูแปลกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเมฆจะมองเขาอย่างไร


    “เดือน อย่าก้มหน้าก้มตาเดินอย่างนั้นซี” ด้วงเตือน แต่ก็พอเข้าใจความรู้สึกของน้องชายคนเล็กที่เริ่มไม่มั่นใจจนวางตัวไม่ค่อยถูก ทักไปนิดหนึ่ง คนฟังก็เลิกก้มหน้างุด ยืดตัวขึ้นมา ท่าทางของเด็กดีทีเขื่อฟังคำทำให้ฝ่ายพี่ชายอมยิ้มก่อนเดินนำไปยังตัวเรือน


    ที่หอนั่งซึ่งเป็นศาลาโปร่งกลางเรือน มีพระสุจริตวินิจฉัยและเมฆนั่งอยู่ที่นั่นอยู่แล้วและไม่ได้อยู่เปล่า เพราะทั้งสองนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่อย่างเอาจริงเอาจัง และเพิ่งรู้ว่ามีแขกมาเยี่ยมเรือนก็เมื่อด้วงเอ่ยเรียก “คุณลุงขอรับ” ขึ้นมาคำหนึ่ง หลังจากเห็นว่า ชายกลางคนที่นั่งพิจารณากระดานอยู่นานเดินหมากของตนเรียบร้อยแล้ว 


    “พ่อด้วงนี่เอง” พระสุจริตวินิจฉัยทัก แล้วรับไหว้จากผู้มาเยือนทั้งสองคน หลังจากเอ่ยชื่อด้วงแล้ว ก็หรี่ตามองเจ้าของร่างเล็กแต่เริ่มยืดขึ้นพอสมควรแล้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นเด็กชายเริ่มทำหน้าเจื่อนเหมือนกลัวฝ่ายผู้ใหญ่จะจำตนเองไม่ได้ “โกนจุกแล้ว ตัดผมเรียบร้อยอย่างนี้ ดูโตขึ้นมาก เห็นทีแรกต้องนึกอยู่พักหนึ่ง... มานั่งใกล้ ๆ ลุงซิ พ่อเดือน จะได้เห็นหน้าถนัดหน่อย”


    ไม่ต้องให้รอช้า เดือนคลานเข่าเข้าไปหา และนั่งพับเพียบใกล้ ๆ เจ้าบ้าน โดยเว้นระยะห่างให้เหมาะสม
    แวบหนึ่ง เดือนลอบแลไปยังใครอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่หลังกระดานหมากฟากตรงข้ามกับคุณพระ นายรองพินัยราชกิจกำลังมองมายังเขา ริมฝีปากมีรอยยิ้มน้อย ๆ 


    “หมอบคลานเรียบร้อยสวยงามดีจริง” ผู้อาวุโสออกปากชม และยิ้มออกมาเมื่อเดือนยกมือไหว้ขอบคุณในคำชม ก่อนหันไปทางบุตรชายคนรองที่ในเวลานี้ทำหน้าที่เสมือนบุตรชายคนโตของบ้าน เมื่อทองมี บุตรชายคนโตที่รับราชการในกรมทหารเรือต้องออกศึกไปทำศึกกับทางญวน “พ่อเมฆเห็นว่าอย่างไร”


    “ลูกเห็นเช่นเดียวกันกับคุณพ่อ” เมฆตอบ “แต่หากให้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก คงต้องรออีกสักสองสามปี ให้พ่อเดือนโตกว่านี้ ระหว่างนี้ก็เรียนเขียนอ่านให้คล่อง น้องยังเด็กนัก ถึงเวลานั้นแล้ว ค่อยตัดสินใจอีกครั้งก็ไม่ช้าเกินไป ใช่ไหม พ่อเดือน”


    “เจ้าค่ะ” เดือนตอบ จะว่าตอบเท่าที่ควรตอบก็ใช่ จะเป็นตอบอย่างเห็นพ้องกับคนถามโดยไม่มีข้อขัดแย้งก็ได้อีกเช่นกัน แต่ที่แน่ ๆ คำตอบและท่าทีของเด็กชายก็ดูเป็นที่พอใจของผู้ใหญ่ทั้งสามคนที่อยู่ ณ ที่นั้น
    “หลานมาขัดจังหวะคุณลุงเล่นหมากรุกหรือเปล่าขอรับ” ด้วงถาม


    “ไม่เลย” คุณพระสุจริตวินิจฉัยหัวเราะ “มาได้จังหวะตอนที่ลุงกำลังจะแพ้เจ้าเมฆพอดี”


    “คุณพ่อไม่ได้เล่นหมากรุกมาพักใหญ่ ได้รื้อฟื้นสักสองสามตาก็คงเอาชนะลูกได้” เมฆว่ายิ้ม ๆ และหยิบป้านชาที่ตั้งไว้ข้าง ๆ รินใส่ถ้วยให้ผู้เป็นบิดา


    “ช่างพูดจาเอาใจคนแก่ดีเหลือเกิน” คนอาวุโสกว่ารับถ้วยชามาจิบทีหนึ่ง แล้วหันไปทางผู้มาเยือน แต่ไม่จำเป็นต้องถาม ด้วงก็ตอบสิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้ให้ทราบ


    “หลานนำใบชากับลูกพลับกับลูกเห็ง*แห้งจากเมืองจีนมาฝากขอรับ” ชายหนุ่มบอก ส่วนเดือนก็รีบมอบกล่องลงรักแบบจีนที่ถือติดมือมาด้วยให้แก่เจ้าของบ้างอย่างคนรู้งาน 


    “หมื่นวิศาลวาที คุณน้าของหลานที่อยู่กรมท่าซ้ายไปเมืองจีนคราวนี้ทำการค้าขายได้กำไรงามทีเดียว จึงซื้อของแปลกและน่าสนใจกลับมาด้วยหลายอย่างมาแบ่งปันกันในหมู่ญาติมิตร ได้ใบชาชนิดดีและผลไม้แห้งจากคุณน้ามามาก คุณพ่อคิดถึงว่าคุณลุงชอบ จึงให้พวกหลานนำมาฝากขอรับ”


    ในยุคนี้ การค้าสำเภากับต่างประเทศโดยเฉพาะกับจีนกำลังเฟื่องฟู เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในการค้ามาตั้งแต่ครั้งยังเป็นพระองค์เจ้าทรงกรมและได้รับฉายาจากพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศซึ่งเป็นพระราชบิดาว่า ‘เจ้าสัว’ เพราะทรงดำริให้ก่อตั้งกองเรือสินค้าทั้งสำเภาจีนและกำปั่นฝรั่งขึ้น เรือสินค้าหลายลำต่อขึ้นที่ท่าในพระนครนี่เอง และเมื่อขึ้นครองราชย์ก็ดำเนินกิจการต่อเนื่องมาจนถึงบัดนี้ และได้อาศัยกำไรจากการค้าขายกับต่างชาติมาบริหารราชการแผ่นดินและเป็นเงินเก็บในท้องพระคลังเผื่อใช้สอยยามจำเป็นด้วย


    หมื่นวิศาลวาที หรือกวง น้องชายของมารดาของด้วงเป็นชาวจีนที่รับราชการเป็นล่ามในกรมท่าซ้าย ซึ่งดูแลกิจการค้า นำเข้า ส่งออกกับจีนโดยเฉพาะ ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นล่าม น้าของด้วงยังลงขันเป็นหุ้นส่วนทางการค้าและต่อเรือร่วมกับเจ้าสัวผู้บิดาด้วย ดังนั้น บ้านฝ่ายของด้วงจึงจัดว่าเป็นคนมีฐานะดี มีลูกหลานผู้ชายที่เลิกไว้เปียเข้ารับราชการเป็นขุนนางไทยหลายคน แต่กิจการค้าขายและธรรมเนียมจีนทั้งหลายก็มิได้ขาดคนสืบทอด เพราะเจ้าสัวมีภรรยาและลูกหลานหลายคนที่โตแล้วก็ทำงานทั้งในกิจการราษฎร์และหลวงตามใจสมัครและความถนัดของแต่ละคน


    “ลุงฝากขอบใจคุณพระธัญกิจโกศลและหมื่นวิศาลวาทีด้วย” พระสุจริตวินิจฉัยบอก “นี่แน่ะ พ่อด้วง ลุงได้ยินมาว่าคราวนี้มีสินค้าน่าสนใจมาด้วยใช่ไหม และได้ข่าวว่าเจ้าสัวเตียงจะต่อกำปั่นเพิ่มอีกลำหนึ่งด้วย...”


    “ถูกแล้วขอรับ” ด้วงรับ 


    เดือนที่นั่งเงียบอยู่นาน ได้ยินบทสนทนาที่ส่อเค้าจะยาวนานพอดู ก็ส่งสายตาไปทางพี่ชายของตนทีและเพื่อนของพี่ชายที แต่ดูเหมือนว่าด้วงจะกลายเป็นว่าวที่ติดลมบนอยู่ในการสนทนาว่าด้วยการค้าไปเรียบร้อยแล้ว เคราะห์ดีที่ทางเมฆยังหันกลับมาสบตาของคนอายุน้อยที่สุดในที่นั้นที่มองมาเหมือนไม่อยากอยู่ฟังเรื่องของผู้ใหญ่ 


    “ดูเหมือนน้ำชาจะหมดแล้ว” เมฆว่า และสะกิดบอกให้เดือนยื่นมือไปรับเอากล่องใส่ใบชาและผลไม้แห้งมาจากคุณพระผู้เป็นพ่อ “คุณพ่อส่งกล่องให้พ่อเดือนนำไปไว้ที่ห้องครัวก็สิขอรับ ประเดี๋ยวลูกจะให้บ่าวชงชากับเตรียมผลไม้แห้งมาให้รับประทานแกล้มกับน้ำชา ลูกจะพาพ่อเดือนไปที่หอนก เพราะติดค้างเรื่องที่สัญญาว่าจะเล่าเรื่องการศาลและการว่าคดีให้น้องฟังมาตั้งแต่คราวโน้น” 


    “ลุงฝากด้วยนะ พ่อ” พระสุจริตวินิจฉัยบอกและส่งกล่องของฝากให้เดือนรับไว้ 


    เด็กชายถือกล่องค่อย ๆ คลานถอยหลังลงจากยกพื้นหอนั่งแล้วเดินตรงไปหาเมฆที่ยืนยิ้มรออยู่ ก่อนเดินนำไปที่ครัว



    To be continued...


    -------------------------------------------- 

    *ลูกเห็ง คือ ผลแอปริค็อต (apricot) ในสำเนียงแต้จิ๋ว
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
wj_2301 (@wj_2301)
น้องเดือนเริ่มเป็นหนุ่มแล้ว
Ornalin Eyck Pimsamsee (@fb2102545806457)
แพ้แล้ว แพ้คำว่าเจ้าค่ะ
แพ้ความอ่อนโยนของนายรองพินัยราชกิจ
แพ้ แพ้ไปหมดเลยค่ะ
piyarak_s (@piyarak_s)
@fb2102545806457 งานนี้ ยาแก้แพ้ก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ><