เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
OVER THE WALLgiftmeme
Four walls
  • ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

    ความรู้สึกเมื่อร่างของผมกระทบกับกำแพงแข็งแรงเข้าอย่างจังก็คือ หนึ่ง) เจ็บเป็นบ้า เจ็บแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาเป็นปีจนทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้นไปอีก สอง) เสียฟอร์มหลุดลุ่ย เมื่อนายหัวฟักทองตาเบิกโพลงราวกับเห็นผมเป็นคนบ้า แววตาแบบเดียวกับตอนที่เขาเห็นผมครั้งแรกไม่มีผิด เพราะสองสามนาทีก่อนผมเพิ่งบอกปัดคำถามเซ้าซี้ที่เขาชอบยกขึ้นมาเป็นระยะอยู่หยก ๆ แต่พอจะหนีหน้าเข้าไปในกำแพงก็ดันเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจนได้ ผมลูบหน้าตัวเองอย่างหมดท่า จะพยายามเสยผมแก้เก้อก็คงไม่ทันแล้ว ผมเห็นนายหัวฟักทองแอบยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย "กรรมตามสนอง" เขาพึมพำก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม "เป็นผีไม่มีบ้านแล้วเหรอเนี่ย เหลือเชื่อจริง ๆ นะ" น้ำเสียงทึ่ง ๆ แบบจอมปลอมของเขามันช่างน่าหมั่นไส้นัก

    ผมเอื้อมมือไปแตะกำแพงปูนอีกครั้ง ออกแรงผลักเต็มเหนี่ยวจนเจ้าของห้องคนปัจจุบันร้องทักว่าผมกำลังจะพังเข้าไปในห้องนอนของเขา ใช่ว่าผมจะทำแบบนั้นได้สักหน่อย ไม่ว่าผมหรือกำแพงไม่ขยับไปไหนทั้งนั้น ผมไม่เคยต้องการคู่มือการดำรงชีวิตแบบผี ๆ มากเท่าตอนนี้มาก่อน ชีวิตไร้ลมหายใจของผมชักจะเร้าใจและคาดเดาอะไรไม่ได้ขึ้นมาอีกแล้ว ผมอยากจะทุบ เตะ ต่อย และตีกำแพงบ้า ๆ นี่สักยกหนึ่ง ถ้าเกิดไม่ได้สัมผัสถึงพลังงานความสงสัยใคร่รู้ปนขบขันพุ่งตรงมาที่ผมอย่างไม่ปิดบังเสียก่อน เพื่อไม่ให้เสียฟอร์มต่อหน้าเจ้ามนุษย์หัวส้มมากไปกว่านี้ ผมเลยเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปในครัว แย่หน่อยที่ห้องเช่าห้องนี้ไม่ได้มีที่ทางให้ไปหลบได้มากเท่าไร ผมเลยทำเป็นเทนมใส่จานให้มิลลี่โดยไม่แยแสคำประท้วงของเขา หมอนั่นเอาแต่พูดคำว่า "ให้ตายเถอะ" เป็นคนแก่อายุห้าสิบไม่หยุด จนกระทั่งเขายอมแพ้และออกไปทำงานในที่สุด ผมถึงได้มีเวลาตั้งสติและหาทางทะลุกำแพงกลับไปยังพื้นที่ส่วนตัวอีกครั้ง ถ้าใครมาเห็นเข้าคงคิดว่ามันโคตรงี่เง่าและตลกเป็นบ้า

    มิลลี่นอนเลียอุ้งเท้าพลางมองผมอย่างสังเวชใจ ดูเหมือนผมจะกลายเป็นผีไร้บ้านในบ้านของคนอื่นโดยสมบูรณ์ ตลอดสามชั่วโมงที่เอาแต่กระแทกกำแพงและเปิดประตูเข้าออกห้องของนายหัวฟักทองไม่ทำให้เกิดผลอะไร เสี้ยววินาทีหนึ่งผมเกิดความหวังประหลาด ๆ ที่ทำให้สองเท้ารีบวิ่งไปเปิดประตูตรงทางเข้า ก่อนจะพบว่าโลกของผมก็ยังคงเป็นแถบโมเบียสสตริปไม่เปลี่ยนแปลง ผมอุตส่าห์โผออกไปอย่างลืมตัวเพียงเพื่อจะกลับมาที่เดิม ที่ซึ่งแมวส้มหนึ่งตัวเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายแฝงประกายแห่งความเห็นใจ เมื่อมองไปรอบ ๆ ผมถึงตระหนักได้ว่าผมตัวเปล่าอย่างแท้จริง ผมไม่เหลืออะไรนอกจากกระเป๋าเป้จากฮาวายหนึ่งใบและโซฟาให้เอนกายนอนหนึ่งตัว ถึงแม้ว่าระยะหลังมานี้ผมจะใช้เวลาข้างนอกมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ใคร ๆ ก็ต้องการห้องส่วนตัวทั้งนั้นจริงไหม

    "ถึงเดซี่ ช่วยด้วย ฉันไม่มีที่อยู่ จากไคล์"
    "ถึงไคล์ ช่วยไม่ได้ นายหัวฟักทองบอกฉันแล้ว อย่าเรื่องมากนัก จากเดซี่"
    "ถึงเดซี่ หมอนั่นไม่รู้เรื่องอะไร ช่วยฉันที จากไคล์"
    "ถึงไคล์ กรุณาหุบปาก ขอบคุณ จากเดซี่"

    "ยังกลับบ้านไม่ได้หรือไง" นายหัวฟักทองทักหน้าระรื่น ทิ้งตัวลงบนโซฟาโดยไม่สนใจผมที่นอนดูการ์ตูนอยู่สักนิด เพราะศักดิ์ศรีค้ำคอ ผมจึงสงบปากสงบคำ ผมรู้ว่าตัวเองทำตัวเหมือนเด็กน้อยเวลาที่โลกไม่เป็นไปดั่งใจ เว้นก็แต่เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในชีวิตของผม ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามใจผมปรารถนา หรือไม่ก็ใครสักคนมักจะทำให้มันเป็นเช่นนั้นเสมอ มีเพียงห้าเปอร์เซ็นต์ที่ผิดพลาดจนทำให้ชีวิตผมดิ่งลงเหวและจบลงไม่เป็นท่า ส่วนชีวิตหลังความตายก็ตกอยู่ในภาวะห้าสิบ-ห้าสิบอย่างบอกไม่ถูก ผมเกือบจะออกอาการหงุดหงิดงี่เง่าตามเคยอยู่แล้ว แต่นายหัวฟักทองดันหยิบพายฟักทองออกจากกล่องมากินหน้าตาเฉย แม้ว่าเขาจะดูทรมานนิด ๆ จากความหวานที่ไม่โปรดปรานสักเท่าไร ให้ตาย ผมนับถือความพยายามกวนอารมณ์ของหมอนั่นจริง ๆ บอกตามตรงว่านั่นทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย ตอนที่เห็นว่าแก้มเขาเปื้อนครีมและขนมสายไหมเหมือนเด็กเล็ก ๆ ไม่ใช่ผู้ใหญ่วัยใกล้สามสิบ มือผมที่ไวกว่าความคิดทำให้เขาสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะเอามือถูรอบ ๆ ปากยกใหญ่ บางทีผมก็เกลียดอาการโหยหาการสัมผัสจนทำให้เคยโดนเพื่อนผู้หญิงชกมานักต่อนักแบบนี้เหมือนกัน

    "ดูอร่อยจังนะ"

    "ก็อร่อยน่ะสิ" เขาว่า อาจจะเป็นความจริง แต่ก็ดูฝืนใจหน่อย ๆ นายหัวฟักทองโยนกล่องขนมลงถังขยะแล้วเดินไปดื่มน้ำอึกใหญ่ เขาจ้องผมไม่วางตา ท่าทางเหนื่อยล้า แต่ยังดูเอาจริงเอาจัง นาทีนี้ผมเลยเปลี่ยนมาทำหน้าตาใสซื่อเข้าสู้ นั่นเป็นท่าไม้ตายของผมแล้ว 

    "นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย" เขาถอนใจ

    "ก็แค่... รู้สึกเสียความเป็นส่วนตัว" ผมรีบฉวยโอกาสระบายความในใจ "ฉันไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังไม่มีที่ส่วนตัวอีก เดินไปไหนก็เจอแต่นายกับมิลลี่แค่สองคน ยังไงเสียมันก็ไม่ใช่ที่ของฉันนี่นา"

    นายหัวฟักทองสูดหายใจลึก สีหน้าแบบเดิมกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขาดูโกรธขึ้นมาจริง ๆ "นายนี่มันเป็นไอ้บ้านิสัยเสียเกินเยียวยา พื้นที่ส่วนตัวบ้าบออะไร ฉันไม่มีไอ้พื้นที่บ้านั่นตั้งแต่นายบุกรุกความเป็นส่วนตัวของฉันในคราบวิญญาณล่องหนหน้าด้านด้วยซ้ำ นายจะมาเรียกร้องอะไรอีก โลกหลังความตายของนายมีแผนกจัดหาที่อยู่อาศัยหรือเปล่า ช่วยกรอกแบบฟอร์มผีไร้บ้านแล้วไสหัวออกไปเลยไป" เขาหอบหายใจ หน้าแดงจนตัดกับสีผมของเขาอย่างร้ายกาจ ส่วนผมได้แต่อึ้ง "ทำอย่างกับฉันปลาบปลื้มที่นายเดินลอยหน้าลอยตาทุกวัน พอไม่สบอารมณ์กับหนีเข้าไปมิติพิศวงอะไรนั่น ขี้ขลาดชะมัด จะเรื่องมากอะไรนักหนา" ว่าแล้วเขาก็สบถเป็นชุด

    "ที่นี่ไม่ใช่บ้านหรือไง นายนี่มันทุเรศจริง ๆ นะเนี่ย" เขาเดินเดือดปุด ๆ เข้าห้องไป ก่อนที่วินาทีถัดมาจะโผล่หน้าออกมาเพื่อบอกว่า "นอนโซฟายังดีไปด้วยซ้ำ นอนพื้นไปเลยไป" ให้ตาย เขาฟังเหมือนแม่ผมเวลาด่าตาแก่พ่อผมไม่มีผิด จะไม่เหมือนกันก็ตรงที่พ่อผมกล้าย่องกลับเข้าไปและแม่ก็จะยอมทุกที แต่ผมไม่มีความบ้าบิ่นแบบนั้นในเวลานี้ เพราะหมอนั่นพูดถูก ผมไม่เคยคิดว่าการมีอยู่ของตัวเองก็เป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างหน้าไม่อาย ไม่มีทางเลือกหรือทางแก้ไขใด ๆ ในเวลานี้ เราทั้งคู่ต่างเป็นความรำคาญให้กันและกัน และอาจจะเป็นความรำคาญชนิดคูณสองในชีวิตของแมวอย่างมิลลี่ เช่นเดียวกัน บางวันเราคิดว่าอีกฝ่ายก็พอทน บางวัน (ผม) ก็คิดว่าอีกฝ่ายดีเกินคาด การอยู่ร่วมกับคนอื่นจริง ๆ คงเป็นแบบนี้ ไม่เคยมีใครสอนผมสักหน่อย แต่ผมขอรับผิดเอง

    ผมปิดไฟ เอนตัวนอนลงบนพื้นอย่างที่เขาว่า มิลลี่มองลงมาจากโซฟา นัยน์ตาของเจ้าหล่อนแวววาวในความมืด ภายในชั่วข้ามคืน กำแพงที่ผมรู้จักว่ามีสองด้านกลายมาเป็นสี่ด้าน มีประตูทั้งหมดสามบานและหน้าต่างอีกห้า ผมมีเพียงห้องเช่าที่มีสถานะเป็นบ้านหนึ่งหลัง บ้านธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอภินิหารอะไรนอกจากกั้นผมไว้จากโลกภายนอก ผมตระหนักเดี๋ยวนั้นเองว่าผมอยู่ร่วมกับนายหัวฟักทองอย่างสมบูรณ์แบบ เขาอาจจะไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนัก ในเมื่อผมชอบมาลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างนอกอย่างที่เขาว่า แต่ความแตกต่างระหว่างฟากกำแพงเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง มันคือโลกข้างในกับโลกข้างนอก ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมออกมาแล้วหรือยัง

    โลกข้างนอกที่มีเพียงนายหัวฟักทองกับแมวส้มของเขาจะกลายเป็นสิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ นั่นไม่น่ากลัวหรือยังไง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
mikanontheground (@mikanontheground)
เพิ่งอ่านนายหัวฟักทองจบ เลยมาตามหางานอื่นของคุณอ่านต่อ
เรื่องแรกที่จิ้มอ่านบังเอิญเป็นเรื่องนี้พอดี ดีใจที่ได้อ่านอีกมุมหนึ่งของเรื่อง
ทั้ง ๆ ที่เป็นไทม์ไลน์เดิมแต่ไม่รู้สึกว่าเล่าเรื่องซ้ำซ้อนเลย

ตอนอ่านนายหัวฟักทองเราเศร้ามาก เพราะรู้ว่าคุณผีตายแล้ว
(ยิ่งตอนที่นั่งตัวเย็นข้างกันบนโซฟานี่จะร้องไห้)

รู้สึกว่าความตายมันเศร้านะ ก็ตายแล้ว ดูทำอะไรไม่ได้แล้ว
แต่พอมาอ่านมุมคุณผีกลับรู้สึกว่าบางตอนก็ตลกแบบตลกที่ไม่ปนเศร้า
(อธิบายยากจัง เหมือนพอเห็นคุณผีก็ดูอยู่ดี บางทีโลกหลังความตายก็อาจจะไม่แย่อย่างที่เคยคิด?)

เห็นจากวันที่โพสต์ก็ผ่านมาเกินปีแล้ว ไม่รู้ว่าคุณยังเขียนเรื่องนี้ต่อหรือเปล่า แต่จะรอนะ
nichAx (@nicha1313_)
เหมือนคู่แต่งงานริงๆด้วยค่ะ จั๊กกะจี้หัวใจมากเลย
pennyrobinn (@pennyrobinn)
ชอบมากๆๆๆ เลยค่ะ
บรรยายดีมากๆ ทั้งน่ารักทั้งแอบเหงาทั้งอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ