เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกกันลืม : เกิดอะไรในเกาหลี나따몬
"แม่ หนูได้ไปเกาหลีแล้ว"
  • ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองมือไม้สั่น จะไม่ให้สั่นให้ยังไง ในเมื่อชีวิตช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามันเหนื่อยลากเลือดเพราะสิ่งนี้มาตลอด

    "เอามือถือป้าไปเปิดดูนะ" เพื่อนแม่คนหนึ่งยื่นมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบแอนดรอยด์มาให้ เพราะไอโฟนเครื่องเก่งของฉันไม่สามารถเปิดไฟล์ที่ต้องการจะดูได้

    ฉันมาเที่ยวกับแก๊งแม่และผองเพื่อนอยู่ที่เกาะสมุย รถตู้ที่เรานั่งอยู่กำลังมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของทริปนี้ แต่ต่างกันกับมื้ออื่น ตอนนี้ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะคิดถึงอาหารที่กำลังจะไปกินเลยซักนิด

    "โหลดแล้ว" ฉันพึมพำกับตัวเอง ท่ามกลางเสียงป้าๆ (เพื่อนแม่) ที่ยังโหวกเหวกกันอยู่ ตาฉันจ้องไฟล์ PDF ที่รวมรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีปี 2016 ผ่านช่องทางมหาวิทยาลัย

    ฉันเผลอกลั้นลมหายใจไปชั่วขณะ ในตอนที่มือกำลังเลื่อนลงไปหารายชื่อแคนดิเดตจากประเทศไทย

    และวินาทีนั้น สายตาของฉันก็เห็นชื่อนามสกุลที่คุ้นเคยอยู่หลังช่องที่ชื่อประเทศไทยไว้แบบสะกดผิดไปหนึ่งตัว (THILAND)

    "แม่ หนูได้ไปเกาหลีแล้ว"

    ......................................

    ฉันเป็นนักศึกษาปี 4 สายสังคมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และตามธรรมเนียมของเด็กที่ใกล้จะเรียนจบและจะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกในไม่ช้า คำถามที่พบเจอจากคนรอบตัวมักจะเป็นคำถามที่ว่า 'เรียนจบไปแล้วจะทำอะไร'

    ฉันเคยอ่านเจอจากที่ไหนสักที่นี่แหละ ว่าสำหรับเด็กที่กำลังจะเรียนจบ และยังไม่มองไม่เห็นภาพในอนาคตว่าตัวเองกำลังจะเดินไปทางไหนต่อ คำถามข้างบนนี้ไม่ต่างกับคำถามที่ว่า 'ตายแล้วไปไหน' สักเท่าไหร่เลย

    ชีวิตช่วงปี 4 เทอม 1 ของฉันจึงเป็นเวลาของความสับสนวุ่นวายใจ ฉันเคยไปฝึกงานอยู่ช่วงหนึ่งก่อนขึ้นปี 4 แต่ระยะเวลาแค่ 2 เดือนในการฝึกงานสั้นๆ ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตการทำงานแผนกบุคคลในออฟฟิศมันน่าดึงดูดใจตรงไหน วิชาเอกที่ฉันเรียนก็เป็นแนวศาสตร์บริสุทธิ์ ที่ไม่ได้ให้คำตอบตายตัวกับชีวิตว่าจะไปทำอาชีพอะไรต่อได้ นั่งคิดถึงอนาคตทีไร ฉันก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เอาวันนี้ให้รอดก่อน จบปี 4 เทอม 1 ให้ได้ก่อน ถึงเวลาตอนนั้น ให้เราในอนาคตช่วยคิดก็คงไม่สาย (มั้ง?)

    แต่เหมือนสวรรค์จะยังพอเห็นใจ ฉันได้มีโอกาสไปเป็นช่วยเขียนงานวิจัยตัวหนึ่ง อาจารย์เจ้าของงานไม่ได้มีตำแหน่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันแต่อย่างใด แต่บังเอิญด้วยความสนใจที่(ฉันเดาเอาเองว่า)คล้ายคลึงกัน อาจารย์เลยชวนฉันไปเป็นเขียนงานด้วยกัน ฉันเลยเริ่มต้นชีวิตปี 4 ของตัวเองด้วยการช่วยอาจารย์เขียนงานไปด้วย และเอาตัวรอดเก็บหน่วยกิตของตัวเองให้เสร็จไปด้วย และเพราะอาจารย์นี่แหละ อนาคตที่ดูเลือนลางของฉันเลยเริ่มดูมีเป้าหมายมากขึ้น

    "เรียนจบแล้วคุณอยากทำอะไรต่อ"

    สุดท้าย ฉันก็หนีไม่พ้นคำถาม 'ตายแล้วไปไหน' นี่สักที

    ฉันบอกอาจารย์ไปตามตรงว่า เอาจริงๆ ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ และไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองอยากทำอะไร

    "ถ้ายังไม่คิดจะทำอะไร ลองยื่นทุนรัฐบาลเกาหลีดูไหม โปรไฟล์คุณมาทางนี้อยู่แล้วนะ เดี๋ยวผมเขียนจดหมายแนะนำให้ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่ซีเรียส"

    อย่างที่อาจารย์บอก ฉันเคยจับผลัดจับพลูได้ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนอยู่ที่แทจอน เกาหลีใต้อยู่เป็นระยะเวลา 10 เดือน การไปแลกเปลี่ยนครั้งนั้นทำให้ฉันต้องกลับมาเรียนซ้ำกับรุ่นน้อง และนั่งดูเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันสวมชุดครุยเข้ารับปริญญากันไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

    ฉันนั่งคิดอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง อย่างที่อาจารย์บอกนั่นแหละ ถ้าไม่รู้จะทำอะไร ลองยื่นๆ ทุนไปก่อนก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร

    "ลองดูก็ได้ค่ะอาจารย์"

    ......................................

    ตอนรับปากไป ฉันไม่คิดเหมือนกันว่าการเตรียมตัวขอทุนมันจะเหน็ดเหนื่อย ทั้งยังกินเวลาและพลังงานชีวิตขนาดนี้

    อาจจะเป็นเพราะช่วงปี 4 เทอม 2 ที่เตรียมเอกสารในการขอทุนนั้น ฉันมีวิชาสัมมนาที่เปรียบเสมือนเป็นโปรเจคจบ ฉันลงเรียนวิชาภาษาเกาหลีในมหาวิทยาลัย รวมไปถึงเรียนพิเศษภาษาเกาหลีข้างนอกเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาสกิลภาษาเกาหลีระดับบีกินเนอร์ของตัวเองให้ขึ้นไปอยู่ระดับกลาง (การจะได้ทุนรัฐบาลเกาหลี สุดท้ายสอบวัดระดับภาษาเกาหลีผ่านขั้นกลาง) ไม่นับการทำงานวิจัยกับอาจารย์ที่เป็นโปรเจคยาวต่อเนื่องอีก

    การขอทุนเองก็ต้องอาศัยความใส่ใจค่อนข้างมาก ฉันนั่งอ่านรายชื่อมหาวิทยาลัยที่อยู่ใต้โครงการทุนรัฐบาลเกาหลีไปมาอยู่หลายรอบ ส่งอีเมลไปลองแนะนำตัวกับอาจารย์ในเกาหลีหลายมหาวิทยาลัย บางแห่งไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับ บางแห่งตอบกลับมาแบบห้วนๆ สั้นๆ สุดท้าย หลังปรึกษากับอาจารย์(ที่ไทย)ของตัวเอง ฉันก็ตกลงปลงใจเหลือมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่รอบนอกโซล เหตุเพราะอาจารย์ที่นั้นตอบอีเมลกลับมาอย่างโอบอ้อมอารีที่สุด

    ฉันไม่รู้หรอกว่า การตัดสินใจของตัวเองเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า 

    แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ที่ฉันได้แต่ส่งกำลังใจให้ตัวเองในอนาคตผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี

    ---

    สวัสดีค่ะ มีความเขินๆ เพราะเอาจริงไม่ได้เขียนบล็อกมานานแล้ว
    (ล่าสุดคือ exteen บ่งบอกอายุมาก ฮ่าๆๆ)
    ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ

    ปล ขออภัยที่หน้าเรื่องจะค่อนข้างโล่งมาก พยายามอัพรูปหลายรอบ แต่ไซส์รูปที่ปรับยังไม่เล็กพอสักที แหะๆๆ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
8dashslash (@eightdashslash)
ถึงจะไม่ได้เขียนนานแล้วแต่ก็ยังอ่านได้เพลิน​ ๆ​ อยู่นะคะ​ รอตามต่อค่า