เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Victorian Short Storiesnevaeh____13
Bittersweet

  • หลังจากไฟไหม้คฤหาสน์เมื่อหลายเดือนก่อน เฟรเดอริคก็จำต้องย้ายมาอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว มันเป็นบ้านหลังใหญ่โอ้อ่าบนถนนย่านเมย์แฟร์ซึ่งเกเบรียลซื้อทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้วและเจ้าตัวก็ใจดีพอจะยกให้เขาใช้ไปก่อนระหว่างหาบ้านหลังใหม่



    การอยู่ที่นี่สะดวกกว่าการอยู่ที่ดอว์นฟอร์เรสต์และเป็นส่วนตัวมากกว่า ทำให้แม้แต่แมดดี้เองก็มาค้างที่นี่อยู่บ่อยครั้งเวลาที่เธอมีธุระหรืออยากจะไปงานเลี้ยงในเมืองสักงาน



    เมื่อพูดถึงแมดดี้ เฟรเดอริคยังคงรู้สึกแปลกนิดหน่อยหลังจากที่รู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่น้องสาวที่แท้จริงของเขา เขาควรจะรู้สึกโกรธเกลียดเธอแต่ตลอดมาคนที่เขาผูกพันด้วยก็คือแมดดี้คนนี้ เธอเป็นน้องสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือ เพราะงั้นต่อให้จะเป็นตุ๊กตาหรืออะไรก็ช่าง เฟรเดอริคก็เกลียดเธอไม่ลงอยู่ดี



    “ไปก่อนนะคะ”



    แมดดี้บอกหลังสวมหมวกลงบนเรือนผมสีแดงจินเจอร์แล้วออกไปขึ้นรถ หลังความจริงเปิดเผย ท่าทีของเธอก็ดูห่างเหินเล็กน้อยแต่เขาก็ยังเลือกจะปฎิบัติกับเธอแบบน้องสาวเหมือนเดิม



    ยังไงครอบครัวของเขาก็เหลืออยู่แค่นี้แล้ว



    “อรุณสวัสดิ์ เฟรเดอริค!” เสียงทักทายแจ่มใสดังขึ้นในตอนที่เฟรเดอริคกำลังจะไปจัดการกับมื้อเช้าต่อ ชายหนุ่มเงยหน้ามองบุคคลที่เปิดประตูพรวดเข้ามา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเกเบรียล คาร์เทีย เจ้าของบ้านและเพื่อนสนิทของเขาเอง หลังถอดหมวกกับเสื้อคลุมส่งให้แม่บ้านแล้ว เกเบรียลก็เข้ามานั่งที่โต๊ะก่อนฉวยขนมปังปิ้งไปกินอย่างรวดเร็ว



    เกเบรียลเป็นชายหนุ่มร่างสูงโดดเด่นที่มีผมสีดำขลับและดวงตาหางตกสีฟ้าอมเทา เขาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเฟรเดอริคมาตั้งแต่สมัยอยู่วิทยาลัยอีตันและเป็นขุนนางหนุ่มที่มีชื่อเสียงมากในวงสังคมของลอนดอนจากการที่เจ้าตัวชอบจัดงานปาร์ตี้ทุกครั้งที่มีโอกาส ทั้งจัดที่คฤหาสน์ตัวเองและที่นี่ซึ่งถูกซื้อไว้เพื่อจัดปาร์ตี้โดยเฉพาะ



    “มีธุระอะไรรึเปล่า เก๊บ”



    “ฉันมีความคิดดี ๆ มาเสนอ”



    ประโยคนั้นทำให้มือที่กำลังปาดเนยบนขนมปังของเฟรเดอริคหยุดชะงัก ด้วยความที่รู้ดีว่าความคิดดีๆ ของเพื่อนมักจะตามมาด้วยเรื่องวุ่นวายในชีวิตของเขาเสมอ “อะไรล่ะ?” เขาถาม นึกกังวลอยู่นิดหน่อยจนเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมา “มาจัดปาร์ตี้กันเถอะ” เกเบรียลยิ้มกว้าง ในขณะที่เฟรเดอริครู้สึกผิดคาดที่มันดันเป็นเรื่องธรรมดากว่าที่คิดซะอีก



    “แต่นายก็จัดมันทุกวันเสาร์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” เฟรเดอริคว่า



    “นั่นก็ใช่ แต่งานนี้ฉันกะว่าจะเป็นแค่ปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่เชิญแค่เพื่อนที่อีตันของเรามา” อารมณ์ไหนเนี่ย... เฟรเดอริคคิดก่อนที่เกเบรียลจะตอบคล้ายอ่านใจเขาได้ “ช่วงนี้นายไม่เห็นโผล่หน้าไปงานเลี้ยงบ้างเลย เอาแต่ทำงานทุกวันแบบนี้ฉันกลัวนายจะเฉาตายไปก่อนเลยว่าจะเรียกเพื่อน ๆ มาหานายแทน”



    อ้อ เรื่องนั้นเอง... ช่วงนี้เขางานยุ่งมากจนแทบไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากบ้านกับสำนักงานทนายความ แต่เฟรเดอริคก็พอใจที่เป็นแบบนั้นเพราะอย่างน้อยงานหนัก ๆ ก็ช่วยทำให้เขาลืมเรื่องบ้านถูกเผา เรื่องพ่อตัวปลอมหรือเรื่องแมดดี้ได้บ้าง



    “ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ผมไม่เป็นไรหรอก” เฟรเดอริคยิ้มและกำลังจะปฎิเสธ แต่เพื่อนสนิทของเขาก็ปล่อยหมัดฮุคเข้าหน้าเขาอย่างจังด้วยประโยคที่ว่า



    “ฉันส่งจดหมายเชิญเพื่อนไปแล้ว ว่าจะมาจัดที่นี่คืนนี้เลย”



    “หะ...” เฟรเดอริคอ้าปากค้าง ยิ่งมองตาก็ยิ่งรู้ว่าเกเบรียลทำมันไปแล้วจริง ๆ “แล้วนายจะขอบใจฉัน เฟรด” เกเบรียลตบบ่าก่อนลุกไปสั่งงานกับเหล่าคนรับใช้และพ่อครัวให้เตรียมงานวันนี้ทันที



    เฟรเดอริคยังคงยืนยันคำเดิมว่า ‘ความคิดดีๆ’ ของเกเบรียลทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายจริง ๆ



    ตลอดทั้งวันนั้น ทั้งพ่อบ้านแม่บ้านต่างก็วุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมสถานที่ ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณชายคาร์เทียอยากจัดงานกะทันหัน ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่จึงอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ทั้งจานชามเครื่องเงินและแก้วไวน์ที่ถูกเช็ดจนสะอาดเอี่ยม อาหารที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันและไวน์ชั้นดีที่ถูกนำออกมาจากห้องใต้ดิน เฟรเดอริคได้แต่ยืนมองความวุ่นวายเหล่านั้นก่อนตัดสินใจว่าควรหอบงานไปทำที่ชั้นบนจนกว่าจะใกล้เวลาเริ่มงานดีกว่า



    “รู้ไหม วันนี้ฉันมีเซอร์ไพรส์พิเศษให้นายด้วยนะ”



    “แค่นี้ยังเซอร์ไพรส์ไม่พออีกเหรอ” เฟรเดอริคโอดครวญขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะหัวเราะเบา 



    “นายรอดูแล้วกันน่า”



    พอใกล้ช่วงสองทุ่ม เฟรเดอริคก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสูทหางยาวสีดำเนี้ยบกริบ รองเท้าหนังถูกนำออกมาขัดจนมันวาวขณะที่เขากลัดกระดุมเสื้อกั๊กและใส่น้ำมันจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย บ่อยครั้งเขาก็นึกอยากมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้กระเหมือนพี่ชายบ้างแต่ก็ทำได้แค่คิดนั่นล่ะ



    “คุณดาลตันคะ แขกมาแล้วค่ะ”



    “เข้าใจแล้วครับ” เขาตอบหลังผูกปมหูกระต่ายเสร็จแล้วจึงออกไปรับแขกที่ชั้นล่างของบ้าน เมย์แฟร์เป็นย่านของผู้ดีมีอันจะกินจึงไม่แปลกเท่าไหร่ที่เพื่อนบางส่วนของเขาจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เหล่าชายหนุ่มทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันมานานต่างทักทายพูดคุยกันทันทีที่เข้ามาในงาน เป็นบรรยากาศที่ชวนให้คิดถึงช่วงตอนอยู่โรงเรียนอย่างบอกไม่ถูก



    เฟรเดอริคที่คอยรับแขกอยู่ในงานสังเกตว่าหลายคนก็พาผู้หญิงมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นคู่หมั้นหรือภรรยา นั่นทำให้เขาอดคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้



    “นายช่วยออกไปรับแขกหน่อย เดี๋ยวฉันรับช่วงต่อเอง” เกเบรียลที่มาแตะไหล่บอกพลางพยักเพยิดให้เขาไปรับแขกที่ประตูหน้า ชายหนุ่มผมแดงจึงพยักหน้าแล้วออกมาแต่โดยดี เขายืนรับแขกอยู่ประมาณหนึ่งก่อนที่จะมีรถม้าคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้านพร้อมกับหญิงสาวที่ก้าวลงมาจากรถโดยที่เขาแทบจะไปรับมือเธอแทนพ่อบ้านแทบไม่ทัน



    “คุณมาได้ยังไงน่ะ” เฟรเดอริคถามอย่างประหลาดใจขณะพาวินฟรีด้า แลนวีลล์เข้ามาในบ้าน “คุณคาร์เทียส่งบัตรเชิญมาน่ะค่ะ” เธอตอบ หญิงสาวอยู่ในชุดราตรีคอคว้านสีเหลืองอ่อนซึ่งรับกับผิวสีน้ำผึ้งและดวงตาคู่สวยของเธออย่างเหมาะเจาะ ภาพนั้นทำให้เฟรเดอริครู้สึกหน้าร้อนขึ้นจนต้องเสมองไปทางอื่นอย่างเสียไม่ได้



    “มิสแลนวีลล์ ไม่นึกเลยว่าคุณจะมา” เกเบรียลโผล่มาทักทายตาใส ในขณะที่เพื่อนถลึงตาเหมือนจะถามว่า นี่เหรอเซอร์ไพรส์ที่ว่า?” ซึ่งแน่นอนว่าเกเบรียลก็ทำเมินได้อย่างน่าหมั่นไส้ทีเดียว



    “ขอบคุณที่เชิญฉันมานะคะ คุณคาร์เทีย”



    “เชิญตามสบายเลยนะครับ คืนนี้ยังอีกยาวไกล” เกเบรียลจูบหลังมือเธอก่อนผละไปยังกลุ่มอื่นๆ ต่อ ในตอนนี้จังหวะเพลงสนุกสนานกำลังบรรเลงชวนให้เขานึกถึงดนตรีในผับของชนชั้นกลาง แน่นอนว่าเพราะงานนี้จัดโดยเกเบรียลและทุกคนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อนจึงเป็นเรื่องง่ายที่เหล่าชายหนุ่มจะพากันปล่อยตัวตามสบายมากกว่าเวลาอยู่ในงานเลี้ยงทั่วไป



    “คุณอยากดื่มอะไรก่อนไหมครับ?” เฟรเดอริคถามก่อนที่จะได้ยินเสียงเฮโลดังขึ้นและเมื่อหันไปอีกทีก็พบว่าเกเบรียลกำลังท้าทายรุ่นพี่คนหนึ่งของเขา ดีแคลน เมอร์เรย์ในการเต้นซอยเท้าจังหวะแปลกๆ อยู่



    “นั่นเขากำลังเต้นไอริชเหรอคะ?” เธอถาม



    “ไม่ครับ มันเรียกว่าแท็ปน่ะ เห็นเขาไปเรียนมาตอนอยู่อเมริกา” เฟรเดอริคตอบก่อนรับแก้วไวน์สองแก้วมาจากถาดของพ่อบ้าน “ผมว่าเกเบรียลคงจะเริ่มเมาแล้ว” เขาส่ายหัวขณะดื่มไวน์เข้าไป



    การเต้นของเกเบรียลนั้นดูตลกแต่ก็เร้าจังหวะได้อย่างดี ในขณะที่ดีแคลนเองก็จับจังหวะได้ไวทำให้ไม่นานก็เลียนท่าเต้นของรุ่นน้องตัวสูงคนนี้ได้แล้ว นั่นเลยยิ่งทำให้บรรยากาศสนุกสนานกว่าเดิม หลายคนดูจะชอบมันมากจนถึงกับเป่าปากพลางปรบมือตามจังหวะ แม้แต่เฟรเดอริคกับวินฟรีด้าที่ยืนอยู่นอกวงเองก็เช่นกัน



    การแข่งเต้นนั้นดำเนินไปจนกระทั่งจบลงที่เกเบรียลล้มใส่โต๊ะตัวหนึ่งก่อนหัวเราะราวกับคนบ้าออกมา ทำให้บรรยากาศที่น่าจะตึงเครียดทุเลาลงอย่างรวดเร็ว 



    การสร้างบรรยากาศผ่อนคลายเป็นกันเองคงจะเป็นหนึ่งในพรสวรรค์ของเกเบรียลนั่นล่ะ



    “นายเมาแล้ว เก๊บ” เฟรเดอริคว่าพร้อมกับดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้นจากพื้น เกเบรียลหัวเราะเบา ๆ ก่อนขอตัวออกไปสูบบุหรี่ที่นอกงาน จากนั้นวงเครื่องสายก็เปลี่ยนมาเล่นเพลงวอลซ์อย่างที่มันควรจะเป็น



    “ช่วยเต้นรำกับผมได้ไหมครับ?” เฟรเดอริคถามพลางยื่นมือมาหาหญิงสาวก่อนที่เธอจะวางมือลงบนมือเขาแทนคำตอบแล้วพากันไปเต้นกลางห้องโถง เฟรเดอริควางมือบนกลางหลังของเธอขณะใช้อีกมือประคองมืออีกฝ่ายไว้ ขาก้าวนำพาเธอเต้นหมุนวนไปรอบฟลอร์ตามจังหวะเพลง



    “ช่วงนี้คุณหายไปเลยนะคะ” วินฟรีด้ากระซิบขณะเต้นรำ ก่อนที่เฟรเดอริคจะยิ้มเจื่อนออกมา “งานผมยุ่งน่ะครับ” เขาตอบ รู้สึกว่าขาเริ่มก้าวไปเองตามจังหวะโดยที่ไม่จำเป็นต้องจดจ่อกับมัน



    “คุณเป็นยังไงบ้างคะ?”



    “เรื่องไหนล่ะครับ”



    “ก็เรื่องที่...” วินฟรีด้าเงียบไปอย่างลังเล เขารู้ดีว่าเธอกำลังจะพูดเรื่องอะไรจึงยิ้มตอบบนใบหน้าอย่างเข้าใจ “ผมสบายดีครับ”



    แน่นอนว่าวินฟรีด้าดูจะไม่เชื่อเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีกจนกระทั่งจบเพลง พวกเขาเลือกที่จะไปหามุมเงียบ ๆ คุยกันจึงไปจบที่ห้องหนังสือซึ่งก็มีพวกเขาอยู่กันตามลำพังพร้อมกับไวน์อีกสองแก้ว



    “ผมคิดถึงคุณ” 



    ประโยคแรกที่หลุดออกมานั้นทำให้วินฟรีด้ามองอย่างคาดไม่ถึง เฟรเดอริคผู้แสนเรียบร้อยคนนั้นพูดคำนั้นออกมาก่อน เธอมองชายหนุ่มที่กำลังมองเธอตอบก่อนรู้ตัวว่าเผลอหยุดหายใจ แสงไฟในเตาผิงตกกระทบบนใบหน้าเขา สะท้อนกับผมสีแดงจินเจอร์ราวกับเปลวไฟนั้น ทำให้เขาดูไม่ต่างกับภาพวาด 



    “คุณรู้ไหมว่าพี่ชายผมไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับคุณ” เขาพูดต่อก่อนที่วินฟรีด้าจะหลุบตาลงแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ รสหวานอมขมซาบซ่านอยู่บนปลายลิ้นและลำคอ “ฉันรู้ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา 



    เป็นที่รู้กันดีว่าโรเดอริค ดาลตันและลอยด์ แลนวีลล์คือศัตรูคู่อาฆาตกัน และเธอที่เป็นน้องสาวก็เคยเป็นหนึ่งในแผนของลอยด์ที่ตั้งใจจะหลอกเฟรเดอริคในทีแรก นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่หลังคฤหาสน์ถูกเผา เธอเลือกที่จะหลบหน้าเขา “คุณเกลียดฉันรึเปล่าที่หลอกคุณ” วินฟรีด้าถาม นึกใจเสียที่เฟรเดอริคนิ่งไปนานก่อนที่เขาจะส่ายหน้า



    “ทำไมล่ะคะ?”



    “เพราะคุณไม่ได้ตั้งใจนี่ใช่ไหม” ชายหนุ่มตอบ มือหมุนแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าในมืออย่างพิจารณา “คนชอบบอกว่าผมซื่อแล้วก็ใจดีเกินไป แต่จริง ๆ แล้วผมก็จับโกหกเก่งอยู่เหมือนกันนะ”



    วินฟรีด้าเผลอยืดตัวตรงในตอนที่เฟรเดอริคขยับเข้ามานั่งใกล้เธอ “คุณรู้ไหมเวลาที่คุณบอกรักผม ดวงตาของคุณไม่เคยแสดงออกว่าโกหกเลย เพราะงั้นผมเลยไม่รู้สึกเกลียดคุณ” ชายหนุ่มกุมมือเธอไว้จนความอุ่นส่งผ่านถุงมือ “แล้วนั่นก็ยิ่งทำให้ผมหยุดคิดถึงคุณไม่ได้เลย” คำพูดนั้นทำให้แก้มของหญิงสาวแดงซ่านขึ้นมา ยิ่งเมื่อตอนที่มือของเขาเลื่อนมาสัมผัสแก้มเธออย่างแผ่วเบา



    “ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน วินนี”



    “ฉันเองก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”



    สิ้นคำนั้น ก็เหลือเพียงแค่เสียงเปลวไฟปะทุในตอนที่เฟรเดอริคเข้ามาจูบเธอ มือประคองท้ายทอยเธออย่างทะนุถนอมขณะบดริมฝีปากแนบชิด ละเลียดรสจูบหวานปนขมที่ยังติดอยู่บนปลายลิ้นและลมหายใจอุ่นบนผิวแก้ม วินฟรีด้ายกแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาในตอนที่ถูกจูบซ้ำในแบบที่อ่อนหวานยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่านี่ไม่ใช่เฟรเดอริคที่เธอรู้จัก เป็นอีกตัวตนที่ซ่อนไว้และมีแต่เธอเท่านั้นที่ได้เห็น



    “ผมรักคุณ” เฟรเดอริคกระซิบที่ข้างหูขณะที่กอดเธอเอาไว้



    และบอกรักซ้ำอีกหลายครั้งแม้หลังงานเลี้ยงเลิกราไป.




    /This fiction is not an official.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in