Statusl HunHo
#lilstorywithhunho
Author: HamMushroom
“วันนี้คุณทำดีมากจุนมยอน”
“ขอบคุณครับท่านประธาน” ผมส่งยิ้มเล็กๆให้กับคนด้านข้างใบหน้านิ่งที่ยังคงนิ่งแม้กระทั่งเวลาที่เอ่ยปากชมใครสักคน ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม
“อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”แต่เหมือนความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนจะมากเกินไปจนอีกเค้าสัมผัสได้
“อ่า...อันที่จริง ผมมีบางอย่างอยากจะขอท่านครับ”
“ว่ามาสิ” เมื่ออีกคนอนุญาตผมจึงตัดสินใจที่จะพูดถึงความต้องการที่ผมเก็บไปคิดมาตลอดหลายวันที่ผ่านมันอาจจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผมต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าหากเป็นหนึ่งที่มาพร้อมกับคำว่าอิสรภาพมันก็คุ้มไม่ใช่หรอครับ?
“ผม...ขอลาออกครับ” ทันทีที่พูดจบผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย เสียงหัวใจที่เต้นดังจนเกรงว่าคนๆนั้นจะได้ยินแต่อยู่ๆมันก็ค่อยๆแผ่วลง นี่ผมคาดหวังอะไรอยู่หรอ? การอ้อนวอน...หรือร้องขอ หึตลกเกินไปแล้วคิมจุนมยอน นี่ผมเพ้อฝันได้ถึงขนาดที่คิดว่าคนอย่างเค้าคนที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่างแบบโอเซฮุนนี่นะจะลดตัวลงมารั้งคนแบบผมเอาไว้
“เหตุผล”
“ครับ?”
“ผมถามคุณว่าเหตุผล” แต่จู่ๆเพียงแค่ถ้อยคำไม่กี่คำกลับทำให้ความรู้สึกบางอย่างพุ่งเข้ามาความรู้สึกที่ผมพยายามปิดกลั้นเอาไว้ ตั้งแต่วันนั้น ผมพยายามแล้วจริงๆแต่เหมือนมันคงจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะคิมจุนมยอนที่ใครต่อใครต่างก็บอกว่าทำงานทุกอย่างได้แบบไม่มีที่ติ การทำงานเป็นเลขาให้คนข้างๆตลอด5 ปีที่ผ่านมาทำให้ใครต่างก็พูดว่า ถ้าเซฮุนเป็นท้องฟ้า ตัวเขาก็เป็นเมฆสีขาวที่คอยอยู่ข้างๆอีกฝ่าย
“ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่อนุญาต”
“แต่ท่านครับ”
“หยุดคิดไปเลยจุนมยอน ไปส่งฉันที่คอนโด”
“แล้วคุณจุนมยอนล่ะครับ?”เสียงของคนขับรถที่เอ่ยถามออกมาทำเอาผมรีบหันไปตอบ
“ผม”
“ค้างกับฉัน” แต่ก็ยังคงช้ากว่าอีกคนอยู่ดี เซฮุนไม่แม้แต่จะให้ผมได้พูดเพราะแค่เค้าหันมามองนิ่งๆผมก็แพ้แล้ว
“ท่านประธาน”
“ไว้ไปคุยกันที่ห้อง”ถ้อยคำตัดบทจากอีกฝ่ายทำเอาผมได้แต่มองเค้านิ่งๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา 5ปีงั้นหรอหึ เส้นที่ขีดเอาไว้มันก็ไม่จางหายไปไหนหรอกมีแต่ขยายปรับเปลี่ยนกลายเป็นวงกลมคอยล้อมรอบผมเอาไว้ราวกับเชือกพันธนาการที่มัดแน่น...ยากเกินกว่าที่จะหลุดออกมา
.
.
“พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับ ฉันจะขับรถไปเอง” เซฮุนบอกคนขับที่ออกมายืนรอส่งเราทั้งคู่อีกฝ่ายทำเพียงตอบรับเล็กน้อยก่อนเดินกลับขึ้นรถไป
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่เสี้ยววินาทีเมื่อกี้ผมกลับมองเห็นสายตาเห็นใจจากอีกฝ่ายเห็นใจงั้นหรอ? ก็คงจะจริง คนแบบผมน่ะ...ก็เป็นได้แค่นี้แหละครับ
“จุนมยอน”
“ครับ”
“เหม่ออะไร รีบตามมา” น้ำเสียงทุ้มปนหงุดหงิดจากคนตรงหน้าทำให้ผมต้องรีบก้าวขาตามไปก่อนจะรีบกดลิฟต์แล้วรอให้อีกฝ่ายก้าวเข้าไปก่อนที่ผมจะตามไปมือยื่นไปกดหมายเลขชั้นบนสุดก่อนยืนนิ่งๆรอให้ประตูเลื่อนปิดลง ผมยังคงทำหน้าที่อย่างดีแบบที่เคยทำมาตลอด5ปี....
“ดูเหมือนเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะนะ...จุนมยอน”เสียงทุ้มที่ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็ทำให้รู้สึกใจเต้นได้ทุกทีแต่ในตอนนี้ผมกลับรู้สึกแปลกออกไปผมคงทำให้เค้าโกรธแล้วสินะ
ทันทีที่เสียงสัญญาณดังขึ้นประตูตรงหน้าก็ค่อยๆเลื่อนออกผมรีบก้าวออกมาก่อนเดินไปกดรหัสรอให้อีกคนตามมาเสียงปลดล็อคยิ่งทำให้ผมรู้สึกกลัวมากขึ้นภาพบางอย่างลอยเข้ามาหากเป็นช่วงก่อนที่ผมจะรับรู้อะไรบางอย่างมันอาจจะไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ผมอาจจะดีใจด้วยซ้ำ แต่ในครั้งนี้มันกลับกัน กลับกันไปหมดเลย...
“รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำอะไร”
“ครับ?”
“อย่าทำให้ฉันโมโหไปมากกว่านี้นะคิมจุนมยอน”น้ำเสียงที่ดังขึ้นกับใบหน้านิ่งๆของอีกฝ่ายทำผมสะดุ้งและเหมือนเซฮุนจะรู้เลยหันหน้าหนีก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม
“ไปอาบน้ำไป”
“แต่ท่านครับ”
“นี่ไม่ใช่เวลางาน”
“เซฮุน”
“ไปอาบน้ำ”เซฮุนเอ่ยออกมาอีกครั้งแต่ผมบอกแล้วว่าครั้งนี้ต่างออกไปและหากนี่ไม่ใช่เวลางานจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผมจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเค้าใช่มั้ยล่ะครับผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายอีกครั้งก่อนเอ่ยย้ำคำพูดเดิมที่ผมพูดไปในตอนที่อยู่บนรถ
“จะลาออก”
“ไม่มีทาง!!!” น้ำเสียงตวาดดังขึ้นทันทีที่ผมพูดจบผมเห็นได้ถึงความโกรธที่ออกมาจากตัวเขาและผมก็รับรู้ได้ว่าผมในตอนนี้ก็โกรธมากไปไม่น้อยกว่ากัน
“ไหนถามว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ยไง”
“ทุกอย่างที่ไม่ใช่อะไรก็ตามที่ทำให้นายต้องออกไปจากชีวิตฉัน”
“ทำไม”
“...” มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบ ผมรู้รู้ดีว่ามันคืออะไร ไม่ว่ากี่ครั้งที่เอ่ยถาม ความเงียบก็กลายมาเป็นคำตอบในเรื่องนี้และมันก็จบลงด้วยเรื่องเดิมซ้ำๆ
“ตอบไม่ได้อีกแล้ว”
“ไปอาบน้ำไป”
“มันจะจบลงด้วยการเอากันให้จบๆทุกครั้งเลยหรอท่านประธาน”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคิมจุนมยอน”เค้าขอให้ผมหยุดงั้นสินะ...แต่ขอเถอะครั้งนี้ขอให้ผมได้หลุดจากพันธนาการบ้าๆที่คอยผูกรัดผมมาตลอด3ปีสักที
“ถ้าตอนนั้น...เราทั้งคู่ไม่เมาก็คงดีนะครับ”
“ฉันบอกให้หยุดไง!!”
“ฮรึก...ไม่งั้นเราก็คงไม่เป็นแบบนี้”ผมทิ้งตัวลงไปนั่งกอดเข่าตัวเองน้ำตาที่ไหลลงมาพร้อมกับความรู้สึกบีบรัดจนอยากจะตะโกนออกมาให้หมดไป
ผ่านไปสักพักสัมผัสอบอุ่นที่ผมเฝ้าภาวนาให้กลายมาเป็นของๆผมในแบบที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าเค้าคนนี้เป็นของผมแค่คนเดียว แต่แท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่กับดักที่คอยหลอกล่อคนอย่างผมให้ถอยกลับไปในจุดเดิมแบบทุกที
“อย่าร้อง”
“อย่าร้องไห้อีกเลยจุนมยอน” อีกแล้วหรอแค่ถ้อยคำไม่กี่คำกับน้ำเสียงที่คอยปลอบประโลมแบบทุกครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นได้ไม่ยากไม่ว่าจะกี่ครั้งเค้าคนนี้ก็รู้ทันผมไปตลอดเลยสินะ
“ไม่ร้องนะคนดี”สัมผัสแผ่วเบาที่หางตาก่อนที่มือหนาจะคลึงวนรอบดวงตาเพื่อคลายความปวดร้าวมือหนาค่อยๆไล้ลงมาตามแนวโครงหน้าช้าๆจนในที่สุดก็หยุดลงที่ปาก
“จุนมยอนน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากที่สุดนะรู้มั้ย”
เป็นเซฮุน เป็นเซฮุนที่ชนะอีกแล้ว... ถ้อยคำสุดท้ายดังก้องในหัวของผมก่อนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายจะก้มลงมาปิดปากผมเอาไว้สัมผัสเนิบนาบช้าๆราวกับค่อยๆหลอกล่อผม เนิ่นนานก่อนผละออกมา สายตาคมที่จับจ้องผมกลับมาทำให้ผมเกิดความประหลาดใจทำไมกันนะ ทำไมผมถึงเห็นความเจ็บปวดภายใต้ดวงตาคู่นั้น
แต่ก็ไม่มีเวลามากพอให้ผมได้คิดอะไรมากมายเมื่อคนตรงหน้าประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้กลับรุกล้ำจนผมปลดปราการทุกอย่างออกอะไรที่ตั้งมั่นเอาไว้ในตอนแรกในตอนนี้กลับว่างเปล่า
ผมแพ้เค้าอีกแล้วครับ...
สัมผัสรุกล้ำที่มากขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นหนาถูกสอดเข้ามากวาดไปทั่วโพรงปากของเขามือหนาที่ไล้ไปทั่วแผ่นหลังก่อนเคลื่อนมาด้านหน้าเพื่อปลดสิ่งที่เป็นอุปสรรคออกไป
“อย่าไปไหนนะ”เซฮุนผละออกมาอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเลื่อนมือมากอบกุมไปหน้าของผมเอาไว้ ผมไม่รู้จะตอบอะไรใครต่อใครต่างก็บอกว่าให้เราทำตามหัวใจของตัวเองใช่มั้ยล่ะครับถ้างั้น...หากผมทำตามใจตัวเองอีกครั้ง มันก็คงไม่มีอะไรให้เสียใจมากไปกว่านี้แล้วล่ะ
ผมเลื่อนมือไปโอบรอบคออีกฝ่ายก่อนดึงรั้งเข้ามาเพื่อให้ริมฝีปากของเราทั้งคู่ได้เติมเต็มกันและกันและเหมือนนี่เป็นคำตอบให้กับคนตรงหน้า เซฮุนจึงไม่รอช้าที่จะสัมผัสตัวผม ...ที่เป็นของเค้าหมดแล้วทั้งตัวและใจ
สัมผัสแผ่วเบาที่หน้าอกทำผมเงยหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่านก่อนหลุดเสียงเบาๆออกมาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มบีบคั้นมันแรงขึ้นตามแรงอารมณ์
“อือ ~”ผมเคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าคนๆนี้รู้ทันผมไปหมดทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องนี้เราต่างก็รู้จักกันและกันดีเว้นแต่ว่าชื่อเรียกสถานะของเราทั้งคู่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าเจ้านายและลูกน้องและมันก็เป็นสิ่งที่คอยตอกย้ำผมในทุกวัน
"อ๊ะ"ผมหลุดร้องออกมาเมื่อเซฮุนล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อลูบคลำตัวตนด้านในแรงปลุกเร้าชั้นดีที่ทำผมรู้สึกอึกอัด อึดอัดจนอยากได้มากกว่านี้
ผมเลื่อนมือไปปลดกระดุมคนตรงหน้า นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบวันล่ะมั้งที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของเค้าถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ยิ้มมุมปากก็ตาม...
“เด็กดี” มือหนาค่อยๆถอดกางเกงผมออกช้าๆก่อนรูดรั้งชั้นในออกไปเช่นกัน ความหนาวที่สัมผัสผิวหนังจนทำให้ผมต้องเอ่ยออกมา
“หนาว”
“งั้นไปในห้อง”การกระทำที่รวดเร็วของอีกฝ่ายทำเอาผมผวาจนยกมือคล้องคอเค้าเอาไว้แทบไม่ทันท่าทางในตอนนี้ทำเอาผมอายจนต้องเอาหน้าซุกไว้ตรงคอของเค้าแต่ผมกลับได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆกลับมา
“ต่อเลยนะ” ไม่รอให้ผมได้เอ่ยอะไรเซฮุนก็ถอดกางเกงออกเรียบร้อย คนตัวสูงค่อยๆก้าวขึ้นมาบนเตียงรูปร่างสัดส่วนของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้เห็นก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผมหลงใหลอยู่เสมอมือหนาค่อยๆยื่นมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจับมันไปกอบกุมช่วงล่างของตัวเอง
“ทักทายมันหน่อย”เพียงแค่นี้ผมก็รู้ดีว่าผมควรทำอะไร ผมลุกขึ้นนั่งก่อนยื่นมือไปกอบกุมมันไว้ทั้งสองข้างผมค่อยๆรูดมันขึ้นลงช้าๆก่อนก้มลงเพื่อสัมผัสส่วนปลายของมัน
“อืมม” น้ำสีขุ่นที่เริ่มปริ่มออกมาเมื่อผมรูดรั้งมันเร็วขึ้นเรื่อยๆสลับกับการดูดชิมผมเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย ดวงตาคมที่ก้มมองผมอยู่ก่อนแล้วเผยแววความพึงพอใจออกมาก่อนใช้มือประคองหน้าผมให้ผละออกมา
“พอก่อน มันอยากเข้าไปในตัวนายมากกว่า”พูดจบริมฝีปากของผมก็ถูกปิดลงอีกครั้งพร้อมกับตัวผมที่ค่อยๆล้มนอนลงบนเตียงมือหนาบีบคั้นช่วงเอวจนผมอดไม่ได้ที่จะครางออกมาเบาๆ
“อ๊ะ อืมม” สัมผัสเสียวซ่านที่ลูบไล้ในช่องทางด้านหลังเริ่มเร็วขึ้นก่อนที่จะถูกสอดเข้ามาช้าๆแรงบีบรัดเกร็งมากขึ้นก่อนที่จะถูกทำให้ผ่อนคลายลง ความร้อนที่ไล้ลงมาตามลำคอทำให้ผมต้องหลับตาใบหน้าเชิดขึ้นเกร็งตามแรงอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ใหญ่กว่า
“อือ เจ็บ”
“ผ่อนคลายครับคนเก่ง”
“อ๊ะ”
“อืมม” อีกฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้ามาจูบเค้าอีกครั้งก่อนจะสอดส่วนที่เหลือเข้ามาจนหมดและหลังจากนั้นก็เริ่มขยับเข้าออกช้าๆจนมั่นใจว่าเขาเริ่มปรับตัวได้แล้วเซฮุนก็ไม่ออมแรงอีกเลยคนตรงหน้ายังคงกระแทกส่วนใหญ่โตที่ตอนนี้พองคับแน่นจนเขาจุกไปหมดสัมผัสบางอย่างที่กระทบกับจุดๆนั้นทำเอาเขากระตุกจนในที่สุดความเสียวซ่านก็วิ่งไปถึงขีดสุดเมื่อส่วนนั้นถูกสวนเข้ามาอีกครั้ง
“อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว”
“แปปนึง” เซฮุนยังคงกระแทกเข้าออกเพียงไม่นานสัมผัสอุ่นร้อนก็พุ่งออกมาและดูเหมือนมันจะเยอะจนเขารู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปด้วย
“นอนซะ” ผมที่ในตอนนี้เริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าก็ทำเอาตาปรือจนไม่อยากทำอะไรยิ่งได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ยิ่งเหมือนตัวปิดสวิตช์ชั้นดี ผมจึงค่อยๆหลับตาก่อนพาตัวเองเข้าสู่ช่วงนิทราแต่คุณรู้มั้ย...ผมน่ะเห็นเซฮุนถือกะละมังใบเล็กออกมาจากห้องน้ำด้วยแหละคืนนี้ผมก็คงนอนหลับแบบไม่อึดอัดกับสิ่งที่เค้าปล่อยออกมาเหมือนเคยสินะ
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมคนตัวเล็กก็ลืมตาขึ้นมาภายใต้ความมืดที่มีเพียงแต่แสงไฟสลัวบนหัวเตียงทำให้เขาเริ่มขบคิดถึงเรื่องราวของพวกเขาทั้งคู่ใบหน้าหวานยิ้มออกมาเมื่อคิดไปถึงช่วงเวลาดีๆที่มีเพียงแค่เขาที่ได้เห็นมุมมองที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งๆของอีกคนราวกับว่าคนๆนั้นต้องการเปิดเผยออกมาให้เขาคนเดียวที่ได้รับรู้
แต่แล้วก็เหมือนเรื่องราวทุกอย่างได้หยุดลงเมื่อภาพบางอย่างปรากฏขึ้นมาในหัวภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้ยินใครต่อใครต่างก็พูดว่านี่คือว่าที่ภรรยาของคนที่กำลังนอนกอดเขาอยู่คนๆนั้นช่างเหมาะสมกับอีกฝ่ายจนเขาได้แต่ยอมแพ้อย่างจำนน
เราคงไปต่อกันไม่ได้มากกว่านี้แล้วสินะเซฮุน
ผมปาดน้ำตาออกมาช้าๆก่อนค่อยๆจับมือของอีกฝ่ายออกผมพยายามก้าวลงจากเตียงให้เบาที่สุด แม้ช่วงล่างจะปวดอยู่ก็ตามผมเดินออกไปด้านนอกห้องเพื่อหยิบเสื้อผ้าตัวเองเข้ามาสวมใส่ก่อนกวาดสายตามองรอบห้องช้าๆอีกครั้ง
“คงไม่ได้กลับมาแล้วนะ”ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตาก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกมา
“ว่าไงนะ!” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อปลายสายบอกว่าไม่พบคนที่เขากำลังตามหา
“พวกผมไปที่คอนโดคุณจุนมยอนมาแล้วครับรปภ.ด้านหน้าบอกแค่ว่าคุณจุนมยอนเข้ามาที่คอนโดตอนตี5แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ถือกระเป๋าเดินทางออกไป”
“ที่บ้านล่ะ”เซฮุนยกมือขึ้นสางผมเพื่อระบายความหงุดหงิดหวังให้เบาลงแต่เมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่ายกลับยิ่งทำให้เขาโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
“จองโนไปมาแล้วครับคุณแม่ของคุณจุนมยอนบอกมาว่าก่อนหน้านั้นคุณจุนมยอนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าขอไปเที่ยวสักพักไม่ได้ระบุวันกลับที่แน่นอนครับ”
“โธ่เว้ย!! หายไปไหนวะ”เสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาทำเอาคนปลายสายถึงกับสะดุ้งพลันได้แต่คิดว่าคุณจุนมยอนนะคุณจุนมยอน หนีเจ้านายไปไหนกันล่ะครับเนี่ยพวกผมจะตายแล้วนะรู้มั้ย
“ไม่ว่ายังไงก็หาให้เจอ”
“ครับท่าน เอ่อ...”
“ว่าไง”
“คือมันอาจจะเป็นการเข้าไปยุ่งเรื่องของท่านนะครับแต่เอ่อขอให้ผมได้พูดสักนิด”
“ว่ามา” เขาตอบกลับทันที
“คือไม่นานมานี้คุณจุนมยอนมาถามผมถึงเรื่องคุณนายอนน่ะครับเห็นบอกว่าคนในบริษัทลือกันว่าเป็นคู่หมั้นของท่าน ผมไม่ทันได้ตอบอะไรคุณจุนมยอนก็ยิ้มออกมาแล้วเดินหนีไปเลยไม่แน่ว่านี่อาจเป็นสาเหตุ”
“อืม เข้าใจแล้ว ไงก็รีบตามหาให้เจอนะ”เขารีบวางสายไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบอะไร ใบหน้าคมที่ตอนนี้หลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเรื่องราวจากปลายสายที่แท้ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง.... ยังคงเก่งเรื่องคิดไปเองเหมือนเดิมเลยสินะ ไว้จับได้เมื่อไหร่คงต้องลงโทษกันหน่อยซะแล้ว
อากาศหนาวที่ในตอนนี้ทำให้คนตัวเล็กต้องไปนั่งตรงหน้าฮีทเตอร์หวังช่วยทำให้อุ่นขึ้นใบหน้าขาวที่ปรากฏริ้วแดงตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปทำให้คนร่วมห้องหลุดหัวเราะออกมา
“นี่ ไม่ต้องมาหัวเราะเราเลยนะมินซอก”
“ก็ดูทำตัวเข้าทำเหมือนที่เกาหลีไม่มีหิมะงั้นแหละ”
“ก็มันหนาวนี่นา”
“นายนี่มันจริงๆเลยน๊าจุนมยอนก็ยังคงเป็นจุนมยอนที่ขี้หนาวอยู่ดี”
“ไม่ต้องมาล้อเลยน่า”
“อ่ะๆก็ได้ โกโก้ร้อนสักแก้วมั้ย?” เสียงใสของเพื่อนสนิทที่เอ่ยถามออกมาทำเอาจุนมยอนยิ้มรับแทบจะทันที
หัวกลมที่ผงกขึ้นลงจนมินซอกอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าให้กับอีกฝ่ายไม่ว่าจะกี่ปีคนตรงหน้าของเขาก็ยังเป็นคิมจุนมยอนที่น่าปกป้องอยู่ดีไม่รู้ป่านนี้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเสียใจจนต้องหอบกระเป๋าหนีมาไกลถึงอเมริกาจะเป็นยังไงบ้างจะตามหาเพื่อนเขาจนหัวหมุนหรือยังคงใช้ชีวิตแบบปกติไม่สนอะไรเฮ้อ...คิดแล้วก็เครียดแทน นี่ก็ผ่านมาเดือนนึงแล้วนะคนระดับหมอนั่นถ้าตามหาจริงๆมากสุดก็แค่สามวันมั้ย ...
ติ๊งต่อง ๆ ๆ
“โอ๊ย ใครมากดออดเนี่ย จุนมยอนไปเปิดหน่อย”
“แต่มันหนาวอ่ะมินซอก”
“ไป เดี๋ยว นี้”
“อือออออออออออออ”
เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทตะโกนออกมาจากห้องครัวผมเลยต้องจำใจลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตูและคงเป็นความรีบจนลืมส่องดูก่อนว่าใครมาจนทำให้ผมต้องมายืนนิ่งอยู่แบบนี้
“ซ ซะ เซฮุน”
“ไง”ใบหน้านิ่งที่ยังคงนิ่งเหมือนทุกวันแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยประกายหยอกล้อ
“มาได้ไง” ผมเอ่ยถามออกไปอย่างตะกุกตะกักจนอีกฝ่ายหลุดยิ้มออกมา
“สนุกพอแล้วเนอะ มารับกลับแล้ว”
“ว่าไงนะ” ผมร้องถามเสียงหลง นี่เค้าเล่นบ้าอะไร
“กลับบ้านเรากันนะครับ”
“แล้ว...?” ผมเอ่ยออกมาอย่างลังเลไม่กล้าเอ่ยถามออกไปและเหมือนอีกคนจะรู้ว่าผมจะพูดเรื่องอะไรถึงได้ทำหน้าเครียดก่อนเอ่ยน้ำเสียงดุๆกลับมา
“คิดไปเองเก่งที่หนึ่งกับนายอนนั่นยกเลิกไปนานแล้ว”
“ห้ะ?”
“ก็รักคนตรงหน้านี่...ยังจะให้ไปแต่งกับใครอีก”
“ว่าไงนะ!!”
“กลับไปฟังที่โรงแรม อายเค้า”ผมจ้องใบหน้าของเซฮุนชัดๆจึงได้เห็นริ้วแดงที่พาดผ่านแก้มของเค้านี่เรื่องจริงหรอ...เซฮุนกำลังเขินงั้นหรอ
“นะครับ กลับบ้านเรากันนะ”ทันทีที่คนตรงหน้าพูดจบผมก็ไม่รออะไรแล้วระยะเวลาตลอดหนึ่งเดือนมันยิ่งตอกย้ำให้ผมได้รู้ว่าไม่ว่าจะยังไงผมก็แพ้ให้เค้าอยู่ดีแต่ครั้งนี้คงเป็นการแพ้ที่ผมมีความสุขที่สุด
เพราะในครั้งนี้ผมได้พบกับคุณความรักอีกครั้ง
และเราก็จะเป็นเหมือนท้องฟ้าและเมฆสีขาวเคียงคู่กันไป
“แต่ก่อนอื่น บทลงโทษรอคุณอยู่นะครับคิมจุนมยอน”
“งั้น...ผมก็พร้อมรับโทษแล้วล่ะครับ”
และครั้งนี้เสียงของความสุขที่ดังขึ้นก็ทำให้เราทั้งคู่ต่างยิ้มออกมา
เป็นทั้งคุณความสุขและคุณความรักแบบนี้...ดีจังเลยครับ
หัวใจจจจ เซฮุนดุมาก ดุไม่ไหวแล้นนนน 55555555555
แวะมาบอกรักกันได้ที่
ไม่ค่อยได้แต่งแนวนี้เลยถ้าแปลกยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะเขินมากกับการแต่งไรแนวนี้ แต่ถ้าได้เป็นหนึ่งในความสุขให้กับคนที่เข้ามาอ่านนี่ก็ดีใจมากๆแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และทุกกำลังใจนะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in