เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
HunHo Fictionhamsmile1
(Boy) Friend | HunHo
  •                            (Boy) Friend | HunHo
                              Pairing: Sehun x Suho



                 You say you love me, I say you crazy
                     We’re nothing more than friends.

    “มึงไปต่อยเค้าทำไมวะ”

    “ก็มันทำเหี้ยไรกับมึงไว้อ่ะ”

    “กูก็เลิกกันแล้วไง”

    “แต่มันเลิกกับมึงมั้ย”

    “มึงทำแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา”

    “ต้องให้กูบอกกี่ครั้งวะ ว่าที่กูทำไปเพราะอะไร”

    “อย่าพูดคำนั้นออกมา”

    “มึงจะอะไรนักหนาห้ะ!!”

    “ก็บอกว่าอย่าพูดมันออกมา!”

    “กูชอบมึง”

    “... ฮึก”

    “ชอบ”

    “พอ...”

    “กูชอบมึงคิมจุนมยอน”

    “พอสักที!!” ผมผลักคนตรงหน้าเพื่อให้หลีกทางก่อนวิ่งหนีออกมา สายฝนที่กระหน่ำราวกลับจะตอกย้ำอารมณ์ของผม

    ร้องไห้งั้นหรอ?

    ถ้าคุณเรียกน้ำที่ไหลออกมาจากตาผมตอนนี้ว่าน้ำตา มันก็คงใช่

    แต่ทำไมกันล่ะ

    คงเพราะคำว่าเพื่อนของเรามั้งที่ยึดติดผมเอาไว้ ผมกลัวว่าหากวันที่เราก้าวข้ามเส้นแบ่งความสัมพันธ์ สิ่งที่เราทำด้วยกันมาตลอดเกือบสิบปีคงสูญเปล่า

    ไม่มีหรอกคนที่จะสามารถกลับไปเป็นเพื่อนกันได้

    อีกอย่าง

    เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ถึงแม้ว่า...ความรู้สึกของเราสองคนอาจจะมากกว่าคำๆนั้นไปแล้วก็ตาม

    แต่ผมจะไม่ยอมให้มันมากไปกว่านี้หรอกนะ

    ———————

    ครืดด ครืดดดด~

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังสั่นทำให้ผมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำต้องเดินไปหยิบขึ้นมาดู

    SH : ถึงห้องยัง
    SH : ตอบหน่อยนะ
    SH : เป็นห่วง
    SH : กูขอโทษ

    ImJM : ถึงแล้ว
    ImJM : อาบน้ำสระผมแล้ว ไม่ต้องห่วง

    ทันทีที่ผมพิมพ์ตอบกลับไป ข้อความก็ปรากฏคำว่าอ่านแล้วขึ้นมาแทบจะทันที จนผมได้แต่ส่ายหน้าออกมาเบาๆ

    SH : คอลได้ปะ

    ImJM : ?

    SH : แค่นี้ก็ยังดี

    ImJM : อืม

    ตลอดเวลาที่เราคุยกัน ต่างฝ่ายต่างก็เคลียร์งานของตัวเอง แลกเปลี่ยนเรื่องราว บ้างก็พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา นั่นมันทำให้ผมสบายใจขึ้น

    /พรุ่งนี้ให้ไปรับมั้ย/

    “ไม่ต้องหรอก”

    /ทำไม/

    “มันดูไม่ดี”

    /ก็แค่เจ้านายกับเลขาไปทำงานด้วยกันเนี่ยนะ/

    “มันไม่ใช่แค่ไงเซฮุน คนอื่นเค้ามองไม่ดี เป็นแค่เลขาแต่ไปทำตัวสนิทสนมกับเจ้านายแบบนั้น”

    /แต่เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย/ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเริ่มงอแงขึ้นมาอีกแล้วสิ

    “เซฮุน”

    /เออๆ ทำแซนวิสมาให้ด้วยดิ/

    “ใช้งานนอกเวลาปะครับเจ้านาย”

    /แล้ว...?/

    “เออออออ ไงก็ทำให้มาตั้งนานแล้วปะ”

    /อืม ก็เพราะมึงน่ารักแบบนี้ไง/ เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาแม้จะดูเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่ผมกลับได้ยินชัดจนใจสั่นนั่นทำให้ผมอยากจะบ้าตาย

    จะมาเขินตอนนี้ไม่ได้นะ

    ไม่ได้....


    Don’t mess it up, talking that shit
    Only gonna push me away, that’s it!
    When you say you love me, that make me crazy
    Here we go again



    “สวัสดีครับเจ้านาย” ผมทักทายคนตัวสูงที่เดินหน้าบึ้งเข้ามา แต่ทันทีที่มองเห็นกล่องแซนวิสใบหน้าหล่อก็ดูจะมีความสุขขึ้นมาทันที

    “ทำไมมาเช้าจัง”

    “ก็ต้องตื่นมาทำแซนวิสให้ใครล่ะ”

    “น่ารักแบบนี้หวังไรปะ”

    “ขอวันหยุดสักเดือนได้มั้ยล่ะ”

    “งั้นซองขาวไปเลยเหอะ” แรงหยิกที่แก้มพร้อมเสียงหัวเราะอย่างพออกพอใจนั่นจากคนตรงหน้าทำเอาอยากจะตีคืนแรงๆแต่ก็ทำได้แค่ปัดออกเท่านั้นแหละ

    “โหยยย คุณเลขาหน้าบูดจังเลยน๊า”

    “พูดมาก ไปทำงานไป๊”

    “ร้ายนะเราอ่ะ นี่สั่งเลยหรอ”

    “เอออออออ ขอใช้อำนาจเพื่อนตลอดสิบปีในการสั่งให้คุณโอเซฮุนเดินเข้าห้องไปทำงานได้แล้วครับผม” ผมพูดพร้อมกับผายมือเป็นการเชิญให้คนตรงหน้าเดินเข้าห้องไปซะ

    “ย้ำจังวะ” เซฮุนผลักหัวผมเบาๆก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ไม่รู้ทำไมกัน ผมถึงรู้สึกได้ว่าเสียงหัวเราะนั่นช่างดูฝืนเหลือเกิน



    ครืด ครืด ~

    ผมบิดตัวหลังจากคิดได้ว่าตัวเองจดจ่อที่เอกสารตรงหน้ามาเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนก้มลงไปมองโทรศัพท์ที่ขึ้นแจ้งเตือนข้อความจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิท

    แต่ทันทีที่ไล่อ่านจนจบ ผมก็ได้แต่กำมือแน่นก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาผมแรงๆอย่างอารมณ์เสีย

    SH : วันหยุดนี้ไปดูงานกัน
    ค้างคืนด้วยย
    ปฏิเสธไม่ได้นะบอกก่อนเพราะตอนนี้ผมสั่งในฐานะหัวหน้า
    เข้าใจนะครับ
    คุณคิมจุนมยอน :)

    ได้ จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย... โอเซฮุน!!

    ————————

    ปรี๊น ~

    เสียงบีบแตรจากหน้าบ้านที่ไม่ต้องออกไปเปิดดูก็รู้ว่าเป็นใครทำให้ผมต้องรีบตรวจเช็คตัวเองอีกครั้งก่อนจะลากกระเป๋าออกไป

    คนตัวสูงที่ยื่นหน้าออกมาพร้อมยักคิ้วทักทายอย่างน่าหมั่นไส้ทำเอาอยากเดินกลับเข้าบ้านแล้วปิดประตูหนีทันที แต่อย่างว่าไม่เลือกงานไม่ยากจนนะจุนมยอน

    “ไง”

    “อะไร” ผมเอ่ยตอบอีกฝ่ายที่วันนี้ดูจะอารมณ์ดีเกินเหตุ

    “เสียงเข้มเชียว หงุดหงิดไรจ๊ะน้องสาว”

    “พูดมากน่า ขับรถไปเลยไป” ทันทีที่จัดข้าวของเรียบร้อยก็เอื้อมไปคาดเข็มขัดให้ตัวเองก่อนสั่งคนข้างๆให้รีบออกรถก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้

    “ครับๆ คุณชาย” ผมหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเซฮุนพูด เฮ้อ ก็เป็นซะอย่างนี้แหละ


    ครืดด ครืด ~

    ขับออกมาได้ไม่นาน แรงสั่นพร้อมภาพหน้าจอที่ขึ้นโชว์ว่ามีสายเรียกเข้าทำให้ผมได้แต่กำมือแน่น

    “ใคร”

    และดูเหมือนคนข้างๆจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงคว้ามันไปดูแทน

    “เดี๋ยว”

    “ยังไม่บล็อคหรอวะ”

    “ก็...” ผมได้แต่อึกอักเมื่อเห็นท่าทีที่แสดงออกว่าไม่พอใจมากๆจากเซฮุน

    “อืม แล้วแต่เถอะ”

    “ซ เซฮุน”

    “แต่อย่าลืมว่ามันทำอะไรไว้แล้วกัน” ผมเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายยื่นโทรศัพท์คืนมา มันควรจะเป็นเรื่องดีที่เซฮุนไม่โวยวายใส่แต่ทำไมกันนะผมกลับรู้สึกว่านี่มัน .... แย่กว่าซะอีก

    .
    .

    นับตั้งแต่เหตุการณ์บนรถจนตอนนี้คนตรงหน้าก็ยังไม่พูดกับผมด้วยประโยคยาวๆอีกเลย มีเพียงแค่คำตอบแบบขอไปทีในเวลาที่ผมเอ่ยถามอะไรออกไป

    “เซฮุน”

    “อืม”

    “เป็นไร”

    “เปล่า”

    “ไม่ต้องมาพูดว่าเปล่าได้มั้ยถ้าในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้น!” ผมลุกขึ้นพูดออกมาอย่างเริ่มโมโห

    ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ


    Don’t go look at me with that look in your eye.
    You really ain’t going away without a fight.
    You can’t be reasoned with, I’m done being polite.
    I’ve told you one, two, three, four, five, six thousand times.


    “อย่ามาขึ้นเสียงนะจุนมยอน”

    “เป็นไรก็พูดมาสิวะ!!”

    “จุนมยอน”

    “กูไม่เข้าใจหรอกนะว่ามึงทำไมต้องมาโมโหอะไรแบบนี้ นี่มันเรื่องของกูกับมัน เรื่องแม่ม แค่นี้เองปะ ไอ้เหี้ย ทำไมมึงต้องมาโมโห ไม่ยอมพูดกับกูด้วยวะ!”

    “ก็เพราะกูแคร์มึงไง!”

    “มึงจะมาแคร์กูทำไม เป็นแค่เพื่อนปะวะ”

    “มึงมัน.. ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยจริงๆ”

    ปัง!!!

    เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นก่อนที่ผมจะทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้น

    ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลยจริงๆ


    Haven’t I made it obvious?
    Haven’t I made it clear?
    Want me to spell it out for you?
    F-R-I-EN-D-S


    ทั้งๆที่พยายามเดินตามเส้นแบ่งนี้แล้ว ทำไมล่ะ ทำไมถึงต้องมาทำให้หวั่นไหวด้วย ...


    .
    .
    .

    คนตัวเล็กที่เดินไปเดินมาภายในห้องพร้อมกับจ้องมองไปที่นาฬิกาบนผนัง

    22.30

    หายไปไหนกันนะ

    มือขาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสายหาคนที่ทำให้เขาต้องเป็นกังวลอยู่ตลอดสามชั่วโมงนี้

    แต่ก็เหมือนเดิม ... ปิดเครื่อง


    ก๊อกๆ


    เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้จุนมยอนรีบวิ่งไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือคนที่ตัวเองกำลังรอก็รีบเปิดประตูออกกว้างทันที

    “เมาหรอ”

    “อืม”

    “เซฮุน”

    “อย่าเพิ่งมาคุยตอนนี้”

    “เซฮุน”

    “อะไรอีก จะพูดอะไรทำร้ายจิตใจกันอีกหรือไงจุนมยอน” ดวงตาที่จุนมยอนเคยมองว่าเจ้าเล่ห์ในทุกครั้งที่ได้สบตา ในตอนนี้ช่างดูเศร้าจนเขาอยากจะพูดขอโทษออกมาเป็นพันครั้ง

    “ขอโทษ”

    “อย่าพูดเลย มึงไม่ผิดหรอก ถ้าจะผิดก็ผิดที่กู กูผิดเองที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้”

    “เซฮุน”

    “ขอโทษแล้วกันถ้ามันทำให้มึงอึดอัด” คนตัวสูงหันหลังทำท่าจะเดินหนีเข้าห้องน้ำเพื่อหนีอีกฝ่าย

    แต่ไม่ทันได้เปิดประตู แรงสวมกอดจากด้านหลังก็ทำให้เขาหยุดนิ่ง

    “ขอโทษ ฮึก” หยาดน้ำตาที่เปียกซึมเข้ามาทำให้เขาอยากหันกลับไปคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอด ถ้าไม่ติดว่านั่นจะทำให้เขากลับไปเจ็บซ้ำๆ

    ถ้าจะหยุด มันก็ควรหยุดตั้งแต่ตอนนี้เลยไม่ใช่หรอ

    “ขอโทษที่ปล่อยให้รอนาน”

    “....” ดวงตาคมเบิกกว้างทันทีที่จุนมยอนพูดบางอย่างออกมา โอเซฮุนทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งๆรอให้อีกคนพูดจบ เพราะเกรงว่าหากเขามีหวังทั้งๆที่จุดจบมันคือคำว่า ...เพื่อน... นั่นคงไม่ต่างกับการถูกมีดกรีดลงกลางอกสักเท่าไหร่หรอก

    “ขอโทษที่ปฏิเสธมาตลอด กูแค่กลัว กลัวว่าถ้าวันนึงเราเลิกกัน ฮึก เหมือนที่กูเลิกกับเค้า แล้วเรา... จะต้องกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน”

    “จุนมยอน”

    “ฟัง ฮึก ฟังก่อนนะ”

    “ที่ผ่านมา ฮึก เจ็บมากๆ ที่ ที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น แต่ตอนนี้ ฮึก เราไม่อยากปิดกั้นตัวเองอีกแล้ว เรา อึก เรารักเซฮุนนะ”

    “จุนมยอน” ผมหันหลังกลับไปเพื่อมองหน้าคนตัวเล็กที่ตอนนี้ตาบวมแดงน่าสงสาร จนผมต้องยื่นมือขึ้นไปลูบเบาๆ หยาดน้ำตาที่ไหลลงมาราวกับน้ำกรดที่สาดลงกลางใจของผม

    แย่จริงๆเลยเซฮุน

    “ไม่ร้องนะครับคนดี”

    “ซ เซฮุน ฮึก ไม่โกรธกันนะ”

    “ครับ”

    “ไม่เอาแล้ว ไม่โกรธแล้วนะ”

    “จุนมยอน”

    “หืม”

    “ขอบคุณนะ” ผมคว้าคนตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้ก่อนจะซุกหน้าลงที่ไหล่เล็กๆนั่น อาการเมาก่อนหน้าดูเหมือนจะหายไปตั้งแต่เห็นน้ำตาของจุนมยอน เหลือเพียงความสุขที่มาเข้าเติมเต็มอีกครั้ง

    “อย่าหายไปไหนแบบนี้อีกนะ”

    “ไม่หายแล้วครับ”

    “อีกอย่าง”

    “หือ?”

    “เซฮุนก็อย่าร้องไห้อีกนะ”

    “อื้อ”

    ผมผละออกจากคนตัวเล็กเพื่อจ้องมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนผมต้องยิ้มตาม มือเล็กที่ยื่นมาทำเอาผมผงะ

    “ร้องไห้เป็นเด็กเลย”

    “ไม่รู้ตัวเลย” ผมจับมือจุนมยอนมากุมเอาไว้ก่อนก้มลงไปจูบเบาๆที่หลังมือ คนตัวเล็กก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าขาวที่ขึ้นริ้วแดงจนอยากเข้าไปฟัด

    ถ้าคุณถามว่าทำไมผมถึงรักเพื่อนสนิทตัวเองขนาดนี้ ผมก็คงตอบได้แค่ว่าเพราะจุนมยอนคือจุนมยอน สดใส ร่าเริงแบบจุนมยอน แค่นั้นคนตรงหน้าก็ทำให้ผมตกหลุมรักได้แบบไม่มีเงื่อนไข

    แต่ถ้าถามว่าแล้วจุนมยอนรักผมที่ตรงไหน อันนี้เอาเป็นว่า เราสองคนมีเวลาคุยกันทั้งคืนเลย

    ไว้ผมจะถามเพื่อนตัวแสบให้แล้วกันนะครับ

    เอ๊ะ ไม่สิ

    ตอนนี้ต้องเป็น ‘ที่รัก’ แทนสินะ

    “ขอจูบอีกได้ปะ”

    “ไม่เอาแล้ว อื๊อ เซฮุนนน”

    “ปากเจ่อว่ะ”

    “ก็เพราะใครวะ!”

    “น่ารักจังเล๊ยยยย”

    “พอได้แล้วววววว”


    Want me to spell it out for you?
    F-R-I-EN-D-S


    เพื่อนงั้นหรอ ... ผมก้าวข้ามเส้นแบ่งนี้ตั้งแต่เห็นรอยยิ้มของเค้าแล้วล่ะครับ :)


                               *************
                                         END

    Happy Birthday to my Junmyeon ?
    22052018 #HappySuhoDay

    ขอเป็นสิ่งเล็กๆที่ทำให้ทุกคนมีความสุขในวันนี้นะคะ

    ปล. เป็นการแปลงเนื้อเพลงซะแบบ หลุดเค้าเดิมมากๆ 5555555555555

    ©️Marshmello & Anne-Marie – Friends
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in