ฝัน
ฝัน… ฉันฝันอีกแล้ว
ฝัน…ในช่วงเวลารุ่งเช้าของวันอังคาร
ฝัน…ถึงเรื่องใหม่ แต่มีคนเดิมมาเป็นนักแสดงหลัก
ถึงคุณผู้อ่านทุกท่าน ถ้ายังจำยัยบื้อคนเดิมคนนี้ได้เรื่องราวที่ฉันเคยถ่ายทอดเอาไว้เกี่ยวกับพ่อของฉัน วันนี้ฉันก็ยังกลับมาเขียนเรื่องของพ่อเหมือนเดิมคุณผู้อ่านบางคนอาจจะคิดว่าทำไมต้องเขียนถึงพ่อทุกครั้งไม่มีเรื่องราวอื่นเกิดขึ้นในชีวิตแล้วหรือ
นั่นสิ ไม่มีเรื่องราวอื่นที่น่าสนใจเกิดขึ้นในชีวิตฉันแล้วหรือ?
คำตอบคือ มีสิ มีแน่นอนล่ะ แต่ที่ฉันอยากเขียนเรื่องนี้ก็มีเหตุผล เอาล่ะแต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ถึงตรงนี้แล้วคุณผู้อ่านจะอ่านต่อหรือหยุดอ่านก็สุดแต่ความปราถนาของท่าน เพราะที่ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาส่วนหนึ่งก็เพราะฉันอยากระบายความในใจด้วยแต่ก็คงจะดีไม่น้อยเหมือนกันถ้าจะมีใครสักคนมาช่วยแบ่งปันมันไป
...วันนี้วันอังคารที่ 6 มิถุนายน 2560
นี่ก็ 6 เดือนแล้วที่บ้านของเราไม่มีพ่ออยู่ บ้านหลังไม่ใหญ่ที่เดิมมีกันอยู่แค่3 คน พ่อแม่ และลูก แต่วันนี้เหลือแค่แม่กับฉันเพียงสองคน เมื่อปลายปีที่แล้วงานศพของป๊าถูกจัดขึ้นที่วัดใกล้บ้านแขกเหรื่อมากมายมาร่วมงานมีทั้งที่ฉันรู้จักและไม่รู้จัก บางคนเข้ามาพูดคุยกับฉันเล่าเรื่องราวตอนที่ฉันเด็กๆ ตอนที่พ่อพาฉันไปเยี่ยมพวกเขาหรือแม้แต่ตอนที่พ่อแอบหนีแม่ไปกินเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนทุกเรื่องราวที่ได้ฟังเหมือนฉันได้รู้จักพ่อมากขึ้นจากคำบอกเล่าของคนอื่นๆ
งานศพผ่านไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือความโศกเศร้าฉันโดนติงจากผู้ใหญ่บางท่านว่าทำตัวไม่เหมาะสม ทำไมถึงยิ้มแย้มดูไม่เศร้าเสียใจกับการจากไปครั้งนี้
จะพูดยังไงดีล่ะ?
เอาเป็นว่าฉันคือคนที่เศร้าและเสียใจมากที่สุดไม่แพ้แม่และญาติพี่น้องคนอื่นๆหรอก เพียงแต่ฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่เข้มแข็ง ไม่อดทนแล้ว แม่จะพึงพิงใครได้มันไม่ใช่ว่าฉันไม่เสียใจหรือไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรใครที่เคยเสียคนที่รักไปย่อมรู้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน ไม่ว่ามองไปทางไหน จะทำอะไรจะไปที่ไหนที่เคยไปด้วยกัน ภาพความทรงจำทุกอย่างมันยังอยู่ในหัว มันไม่ได้แตกสลายไปพร้อมกับร่างกายของเขา
และงานเขียนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของความเสียใจนั้นเช่นกัน
นับตั้งแต่วันที่เสียพ่อไปจนถึงวันนี้ฉันพูดได้เต็มปากว่าไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงพ่อ แม้จะมีวันที่ฉันเล่นสนุกหรือทำงานหนักจนลืมความเสียใจไปบ้างแต่พอกลับมาอยู่ในห้องนอนคนเดียว มองไปทางไหนก็เห็นภาพของพ่อวนเวียนเต็มไปหมดแล้วแบบนี้จะเรียกว่าฉันไม่รู้สึกอะไรได้หรอ
"อย่าตัดสินคนเพียงเพราะรอยยิ้มของเขา
เพราะทุกครั้งที่ยิ้มไม่ได้แปลว่าต้องมีความสุขเสมอไป"
ย้ำอีกทีวันนี้วันอังคารที่ 6 มิถุนายน 2560
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส แต่ช่างตรงข้ามกับความรู้สึกของฉันเหลือเกินความฝันที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อรุ่งเช้ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวภาพของป๊าที่อยู่ในห้องนอนแม่กับคำพูดที่ฉันพูดไปร้องไห้ไปถามเขาว่า “พ่อสบายดีไหม”รอยยิ้มและคำพูดที่ตอบกลับมาว่า“สบายดีสิ” มันยังชัดเจนอยู่ในห้วงความรู้สึกราวกับว่าพ่อไม่ได้จากฉันไปไหนเลย
เคยมีคนบอกว่าถ้าเรานึกถึงเรื่องอะไรก่อนนอน เราจะฝันถึงเรื่องนั้น
ไม่จริงหรอก เพราะฉันไม่ได้นึกเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพ่อในคืนนั้นเลย
แล้วถ้าจะเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ฉันคงต้องฝันถึงพ่อทุกวันซะแล้วล่ะ
เพราะไม่มีวันไหนที่ฉันไม่นึกถึงท่าน…
ทุกครั้งที่ฝันถึงพ่อ มันให้ความรู้สึกทั้งเจ็บหน่วงทั้งสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
หน่วงเพราะฉันได้ฝันถึงคนที่ฉันคิดถึงที่สุดของหัวใจ และรู้ว่าถ้าตื่นขึ้นมาคนๆนั้นจะหายไปและไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหร่
สุขใจ เพราะภาพของพ่อที่ยิ้มแย้ม และดูดีที่สุดมันทำให้ฉันแอบคิดว่าอีกโลกนึงที่พ่อไปอยู่คงจะวิเศษมากพ่อถึงได้ดูมีความสุขและไม่เจ็บปวด ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็ดีใจที่พ่อไม่ต้องมีห่วงหรือกังวลใดๆอีก
ความฝันมันบอกอะไรเราได้หลายอย่างเนอะว่ามั้ย…
บางคนตีความความฝันเป็นตัวเลข
บางคนบอกว่าความฝันเป็นลางบอกเหตุ
แต่บางคนมองว่าความฝันเป็นเรื่องของจินตนาการและเคมีในสมอง
สำหรับฉัน ความฝันทุกฝันมีความหมายเสมอฉันไม่ได้งมงายว่าความฝันจะกำลังบอกอะไรแต่ความฝันทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังมีความรู้สึกและบางทีฉันคงต้องตื่นมาเผชิญความจริงได้แล้ว
การฝันถึงป๊าครั้งนี้ มันทำให้ฉันได้รู้ว่าบางทีฉันอาจจะกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดถึงและความเศร้าโศกมากเกินไปแล้วอาจเพราะด้วยความรู้สึกผิดในใจลึกๆ ความคิดถึง ความเสียใจ และภาพติดตาทั้งหลายแหล่มันเหมือนฉันกำลังโดนโคลนแห่งความเศร้าดูดกลืนลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดฉันก็รั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ มันคือความสุขบนความเศร้า นั่นแหละ แบบนั้นเลย
“ฉันคิดถึงพ่อ”
ประโยคธรรมดาที่แฝงทุกความรู้สึกไว้อย่างลึกซึ้ง
และมันคงเป็นเพียงประโยคบอกเล่าที่ไม่มีวันไปถึงเขา
หากพ่อยังอยู่ฉันคงไม่คิดที่จะพูดคำนี้แต่ตอนนี้ไม่มีเขาแล้วก็ไม่รู้จะพูดให้ใครฟังดี
ขอระบายมันลงไปเป็นตัวอักษรแล้วกันนะ…
จากนี้ฉันคงต้องลุกขึ้นก้าวเดินต่อไปตามทางที่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือร้ายแต่ถึงอย่างไรฉันก็จะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองต้องร้องไห้และจมอยู่บนความทุกข์ใจแบบนี้อีกต่อไปแล้วทุกเรื่องราวที่สวยงาม และความทรงจำทั้งดีและร้ายระหว่างพ่อกับฉันมันจะเป็นพลังผลักดันให้ฉันก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งแม้วันนี้ฉันจะยังทำมันได้ไม่เต็มที่ แต่มันจะต้องมีสักวันที่ฉันเติบโตและก้าวเดินด้วยขาของตัวเองได้อย่างมั่นคง…ขอให้เชื่อใจ
ขอบคุณทุกท่านที่รับฟัง
ด้วยรักและคิดถึงพ่อสุดหัวใจ
ปราง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in