เพลงบีโทเฟนหมายเลข 5 เนี่ยแหละที่เหมาะมากกับการบรรยายความรู้สึกแรกที่เปิดประตูออฟฟิศสำนักพิมพ์เข้ามาเจอกับเจอกับ…. เจออะไรก็พูดมาสิ (คือพยายามสื่อถึงความเงิบ ณ ตอนนั้น)
ก็ห้องธรรมดานั่นแหละครับ ฮ่าๆ แต่ที่ที่พิเศษคือ คนและบรรยากาศภายในที่ดูแปลกตา
ไม่มีกล้องจุลทรรศน์เหมือนศูนย์วิจัยที่เคยไปฝึกงาน (เอิ่ม นี่มันสำนักพิมพ์นะครับ ==”)
ไม่อึมครึมเต็มไปด้วยกองเอกสารเหมือนห้องแล็บที่คณะ (เป็นหนังสือหน้าตามุ้งมิ้งแทน)
แสงในห้องมันมีความเปล่งประกายเช่นเดียวกับคลื่นความหนุ่มสาวที่แผ่ออกมาจากคนเหล่านั้น
ระหว่างที่กำลังลนลาน (เอกลักษณ์ประจำตัว แก้ไม่ได้) กับสายตาที่จ้องมาทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ก็เหลือบไปเห็นชั้นหนังสือมหึมาพาดผ่านจากฝั่งหนึ่งไปสู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ไหนจะโต๊ะทำงานแต่ละโต๊ะที่มีความวิจิตรงดงาม (เว่อร์ไปมั้ย ฮ่าๆ) ซุกซ่อนความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
"มันดีมากนะ" ผมคิดในใจ
เขียนมายืดยาวแต่ความจริงความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นในชั่วไม่กี่วินาที เป็นความรู้สึกมากมายที่ถูกบีบอัดลงในช่วงเวลาสั้นๆ บรรจุเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำ… และคงติดตาไปอีกนาน
หลังจากจัดแจงหาที่นั่งให้ตัวเองได้แล้ว ก็เกิดปรากฏการณ์โหวงเหวงขึ้นมาในใจแปลกๆ จะถือว่านั่นเป็นช่วงเขินๆ ค่อนไปทางงุ่มง่ามก็ได้ มันเกร็งๆ ไม่รู้จะพูดอะไร ทำตัวยังไง ขอเวลาเปลี่ยนสีปรับตัวแป๊ป แต่ความเขินอายนั้นก็อยู่ได้ไม่นานและได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินแทนเมื่อ…
(แซลมอนกับบันเป็นสำนักพิมพ์พี่น้องกันนะครับเผื่อใครยังไม่รู้ ตามความรู้สึกของผม แซลมอนเป็นพี่ชายที่มีความเป็นกันเองแต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจังเล็กน้อย ส่วนบันเป็นน้องสาวหน้าขนมปังผู้มีหัวใจแช่มชื่นอ่อนหวาน)
วินาทีนั้นเองที่หน้าผมได้แหกออกเป็นสองซีก ฮ่าๆ
เพื่อนแทบทั้งห้องถึงกับกลั้นขำไว้ไม่ได้
นี่กุปล่อยไก่อะไรออกไปอีกวะเนี่ย! เฮ้ออออ
ผมรีบส่งคำตอบอีกรอบหวังจะหยุดเสียงหัวเราะนั้นแต่มันก็สายไปแล้ว
เอาล่ะ! ปล่อยความเงิบไว้ในอดีต (ที่ผมคงไม่ลืมและคนอื่นก็ด้วย ==)
ว่าแต่จริงๆ แล้ว 'กองบรรณาธิการ' เนี่ยทำอะไรบ้าง?
หากพิจารณาจากชื่อเรียก 'กอง' ก็น่าจะมีหลายคน มีหลายคนแสดงว่าต้องมีการทำงานประสานกันร่วมกับผู้อื่น จะว่าไปแล้วมันนับเป็นตำแหน่งหนึ่งที่ถือว่าเป็น 'ทำเล' ที่ดีนะ ในแง่ของการเห็นภาพรวมของการทำหนังสือทั้งหมด และภาพเหล่านี้เองที่ผมอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงันเมื่อทีมฝึกงานบันนั่งล้อมรอบโต๊ะประชุมครึ่งวงกลม การประชุมงานกับพี่ในกองฯ เป็นครั้งแรก...ได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ฮะ! ทั้งคอมเมนต์ ทั้งแก้ไขต้นฉบับเลยเหรอ เราเป็นแค่เด็กน้อยจะเอาอะไรไปสู้กับนักเขียนได้ ทั้งอายุ ประสบการณ์ความคิด ที่ยังไม่อาจเทียบ แต่เอาวะ ต้องสตรอง”
ผมหลุดบ่นประโยคนี้ (ในใจ) หลังจากฟังพี่ในกองฯ สรุปงานที่พวกเราจะต้องทำในตลอดสามเดือนนี้
.
.
แล้ววิธีการล่ะทำอย่างไร?
.
.
น้องดูนี่นะ… สิ่งนี้เรียกว่า 'ต้นฉบับ' มันคือสิ่งที่นักเขียนเพิ่งส่งมาให้เราสดๆ ร้อนๆ งานดราฟต์ หยาบสุดๆ (วางมาด บ.ก.โหดเป๊ะทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่ปลายเส้นผมจนถึงมุมปากกาที่วางบนโต๊ะทำงาน)
น้องคือกอง บ.ก. สิ่งที่แตกต่างจากพิสูจน์อักษรก็คือเราจะเน้นดู 'ภาพรวม' เป็นหลัก
หากเปรียบกับนกบนท้องฟ้า พิสูจน์อักษรจะเปรียบเหมือนนกเหยี่ยวสายตาแหลมคมที่สามารถรับรู้ได้แม้กระทั้งกระต่ายป่าตัวเล็กๆ ที่โผล่ออกมาจากโพรง แต่ชาวกอง บ.ก. จะไม่ 'เป๊ะ' ขนาดนั้น เราเน้นมอง
'เทรนด์' ที่น่าจะเปรียบเทียบกับคนทำฝนเทียมจะเหมาะกว่า
เห็นไหมครับว่าเราอยู่บนฟ้าและมองลงมายังผืนโลกที่เปรียบเหมือนแผ่นกระดาษที่นักเขียนบรรเลงตัวอักษรเอาไว้ เราก็จะทำการวิเคราะห์ตีความ ประเมิน ถึงความเป็นไปได้ของผืนโลก ณ พิกัดต่างๆ
"หนุ่ย!" เพื่อนในทีม บ.ก. ที่นั่งข้างๆ สะกิดผม
“เราอ่านจบแล้ว ตานายอ่านบ้างละ จะเป็นนกจะเป็นเครื่องบิน หรืออะไรก็เชิญ ขอแค่ให้มีสายตาที่แหลมคมกว้างไกลก็พอ”
โอ้โห! นี่ขนาดผมมาฝึกงานแค่วันแรกนะเนี่ย ทำอย่างกับสำเร็จวิชามาจากสำนักฝึกเส้าหลินอยู่เป็นสิบปีประสบการณ์ล้นพูน (ความจริงเป็นแค่เด็กวิทย์ไก่อ่อน วอนนาบี (คล้องจองอีก) ที่รักการอ่านเขียนและอยากจะรู้จักวงการสิ่งพิมพ์ให้มากขึ้น)
"ทำบันหรือคะ"
"เอ่อ... ครับ อ่อ ใช่ๆ"
"ทำตำแหน่งอะไรเหรอ"
"ผมฝึกงานตำแหน่งกองบรรณาธิการ มีหน้าที่ในการติดตามทวงงานเขียน คอยแก้ไข และแนะนำต้นฉบับให้กับนักเขียน รวมถึงประสานงานจัดการการพิมพ์ออกมาจนได้เป็นรูปเล่มพร้อมส่งถึงมือนักอ่านผู้น่ารัก"
“โอ้วววว ตอบละเอียดมาก สวดยอด”
ผมพยักหน้าเขินๆ พร้อมยิ้มให้กับเธอ
ไม่แปลกหรอกถ้าเป็นโลกแห่งตัวหนังสือ พวกเราขอเยอะไว้ก่อนละกัน ฮ่าๆ
จะได้ไม่เสียชื่อที่มาฝึกกองที่บัน… (หยุดพักหายใจ)… บุ๊คส์แห่งนี้ (หน้าที่แหกไปยังคงผสานไม่สนิท T_T)
“ไปละ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
ว่าแล้วผมก็หยิบหูฟังเสียบใส่หู
“พักสายตา เถอะนะคนดี หลับลง ตรงนี้ที่ที่มีแต่เราสองคน”
ช่างเป็นเพลงที่เหมาะกับคนโปรยฝนเทียมที่ใช้สายตาหนักทั้งวันแบบเราจริงๆ... ผมบ่นกับตัวเอง
ก่อนเดินจากสาวน้อยลับหายไปในความมืดบนถนนย่านรัชดา ซอย 3
...
เฉลยเกมทายภาพ
ภาพที่ 1: มันคือเครื่องอัดเสียง แต่ที่จริงใช้สมาร์ตโฟนแทนก็ได้เวลาสัมภาษณ์นักเขียนเพื่อแนะนำให้แฟนๆ บันได้อ่านกัน สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ Bunbooks
ภาพที่ 2: มีการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์มาแล้วนะครับว่าเสียงดนตรีสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ และผมก็ขาดมันไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะเพลย์ลิสต์ดังต่อไปนี้
Lord of the Rings - Sound of The Shire
ภาพที่ 3: เบื้องหน้าเราเป็นนักเขียน... เบื้องหลังเราเป็นนักคิด... ที่ว่ายากไม่ใช่เพราะมีขอบเขตจำกัด... แต่เขียนไปได้สุดใจคิด (มาเป็นกลอน)... แล้วความคิดก็ต้องได้รับการบันทึกเพื่อไม่ให้หลุดลอยไป และผมก็ชอบเขียนด้วยมือลงบนสมุดโน้ตเล่มโปรดมากกว่าพิมพ์เก็บเป็นไฟล์
ภาพที่ 4: นั่งจ้องจอแก้ต้นฉบับกันนานๆ แบบนี้ อย่าลืมลุกขึ้นมายืดเหยียด หายใจหายคอกันบ้าง จะได้ไม่เป็น โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) กัน ยิ่งไปกว่านั้นผมยังชอบหาเวลาไปเดินที่สวน
ลุมพินีด้วยรองเท้าวิ่งสุดที่รัก ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง บางทีก็ได้ไอเดียมาเขียนดีๆ ด้วยล่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in