ความจริงแล้วการสอนและสังเกตชีวิตของเด็กบนดอยของผมนั้นเกิดขึ้นมาแล้วก็ 3-4 ครั้งโดยประมาณ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งล่าสุดที่ประทับใจและอยากจะเล่าให้ทุกคนฟัง
ผมไปสังเกตและช่วยสอนในศูนย์การเรียนเล็กๆของ กศน. เป็นศูนย์การเรียนชาวไทยภูเขา
"แม่ฟ้าหลวง" บ้านห้วยแห้ง1 ในอำเภออมก๋อย ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอไปประมาณ 50 กิโลเมตร
การเดินทางในช่วงธันวาคมที่อากาศจะเรียกว่าดีก็ดีจะว่าร้อนชิบหายก็ว่าได้ และก็หนาวจนหันสี่ก็พบเจอ นี่มันดินแดนอะไรกันนี่ผมเองยังคงสนใจกับอากาศของที่นี่อยู่ดี
เราเริ่มออกเดินทางกันในเช้าของวันที่ 10 ธันวาคม ด้วยการนั่งรถโดยสาร ฮอด- เชียงใหม่
ไปพร้อมกับ เพื่อนร่วมทางสองคนคือ พี่เย และพี่สุ่น ผู้ชี้นำการเดินทางในครั้งนี้
อากาศในยามเช้าที่มีละอองความเย็นในอากาศมันช่างดีต่อใจ ถึงแม้จะเป็นเวลา 8.15 แล้วก็ตาม มันก็ยังคงเป็นช่วงเวลาที่อากาศยังคงเย็นอยู่ เย็นจนรู้สึกว่านี่เราไม่ได้เตรียมของรับขึ้นดอยหน้าหนาวแล้วสินะ
ผมในชุดแขนสั้นและกางเกงขาสั้นผู้ไม่มีแม้แต่เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว นั้นได้ตระหนักแล้วถึงการเตรียมชุดหน้าหนาว การเดินทางครั้งนี้จึงถือเป็นการเดินทางที่ต้องทนหนาวไปตลอดทางจริงๆ
ภาพสุดท้ายในเมืองเชียงใหม่ เราเดินทางออกจากประตูเชียงใหม่และเดินทางสู่เมืองฮอด คำพูดที่ติดตลกของพี่เย "ฮอดแล้ว" นั้นยังคงเป็นมุขเจื่อนๆที่เราทั้งสามคนรู้ว่ามันคืออะไร ผมได้เพียงแค่หึๆอยู่ในลำคอ และไม่ตบมุขกลับไป
เราเดินทางมาถึงฮอด ในช่วงประมาณ 10.00 โดยประมาณ
และถึงแม้ว่าตลอดสองข้างทางนั้นจะมีไอหมอกประปรายตามสองข้างทางในช่วงเช้าให้พอเห็น
ผมเองก็ไม่สามารถที่จะทำการหยิบกล้องเอามาถ่ายได้เลย เพราะความหนาวเย็นที่
เข้ามาสัมผัสกับผิวของผม และ ความล้าจากการตื่นเต้นและไม่ได้นอนเมื่อคืน
ผมจึงทำได้แค่เพียงนั่งเหงาๆไปตลอดทาง และหลับไม่ได้
คนเยอะจริงๆในเที่ยวโดยสารนั้น
เราไม่ได้แวะทานข้าวที่ฮอดเลย เพราะเราเข็ดกับการทานข้าวริมทางที่นี่นิดนึง
//ผมไม่ค่อยชอบอาหารร้านนึงเพราะรสไม่ถูกจริตผมอย่างแรง
เราได้รอรถจนถึงประมาณ 10.30 ซึ่งความจริงคิวนี้จะออกไปประมาณ 11.30-12.00
แต่พวกเราไปกันเยอะเราจึงได้อภิสิทธิในการออกคิวรถเร็วมาก คือออกตอนนั้นเลย
ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เซอร์เรียลดี ประหนึ่งว่าแบบนี้ก็ได้หรอ ( ในช่วงนั้นมี ผดส.รวมประมาณ 10 คน )
ซึ่งมันก็เป็นการดีแหละเพราะเราจะได้ถึงอมก๋อยเร็วขึ้นไปอีก
ระหว่างทางนั้น เราเองได้พบกับครูต้อม -- อดีตครูนิเทศก์ของกศน.
และเป็นคนจัดค่ายครูอาสา 4 dekdoi (ซึ่งปัจจุบันเป็นครูอยู่ที่แม่ลาน้อย) กำลังขี่รถเครื่องเข้ามาที่อมก๋อยด้วย ผมเองได้ทักทายครูต้อมจากภายในรถสองแถวนั้น และไม่นานครูต้อมก็บึ่งรถจากไปก่อนพวกเรา การเดินทางด้วยสองแถวถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ แม้ว่าจะแอบเมารถเพราะมันต้องเบียดกันและได้กลิ่นควันรถจางๆในอากาศ มันก็สามารถทำให้เราเมากับการเดินทางได้โดยไม่ต้อง ทานแอลกอฮอล์
หลังจากนั้นพวกเราก็มาถึงอมก๋อยในช่วง 12.00 เราทานข้าวที่นี่และแวะซื้อของสำหรับใช้ในการกินอยู่ที่ค่ายอันประกอบไปด้วย
ม่าม่าเป็นกล่อง 36ซอง 2 กล่อง
แตงกวา 4 ลูก
เห็ด 1/2 กิโลกรัม 1 ถุง
ผงปรุง 1 ซอง
ถั่วฟักยาว//เอ่อฝักยาว 1 กำ
ปลาแห้ง 1 ถุง
ไข่ 1 แพค
มะเขือเทศ 5 ลูก
น้ำปลา 1 ขวด
ต้มยำก้อน 2 ก้อน
โปรตีนเกษตร 1 ถุง
จบ
หลังจากที่เราหาซื้อของที่ใช้สำหรับกินอยู่ในค่ายเสร็จแล้วนั้น เราเองก็ได้ไปทานอาหารที่ข้างๆตลาดนั่นแหละครับ ตลาดเทศบาลอมก๋อย ที่แสนจะเล็กๆนั้น ในตอนนี้คุณพ่อดวยกอ -- ถ้าจำชื่อไม่ผิดน่ะนะ
มารอเราทานข้าวและขึ้นรถไปที่บ้านห้วยแห้งแล้ว เมื่อถึงเวลาประมาณ 13.30 เราก็พร้อมเดินทางเข้าหมู่บ้านแล้วจริงๆ
ตลอดทางที่พบกับความเย็นและความร้อนสลับกันนั้น ทำให้เราฉงนใจกับความแปลกของที่นี่เข้าไปใหญ่เพราะอากาศจะเย็ฌนเสมอเมื่ออยู่ในเขตป่าที่มีร่มเงาของต้นไม้บังเส้นทาง เราจะหนาวจนตัวสั่นและ จะร้อนในระดับ 21 องศาเมื่อเจอแดด เป็นแบบนี้สลับกันไปตลอดเส้นทาง
เส้นทางในตอนนี้ถือเป็นอุปสรรคที่ต่างของการมาดอยกว่าทุกครั้ง เพราะผมมาช่วงปลายฝนต้นหนาวตลอด และครั้งนี้เรามาหน้าหนาว พบว่าถนนดินนั้นเริ่มมีความแห้งและฝุ่นละอองปลิวแล้ว นั่นคืออุปสรรคเดียวที่เราพบเจอ
พี่เยนั้น เหมือนกับผมเพราะเคยมาศึกษาในช่วงปลายฝนฯ คือไม่ค่อยจะอินกับหนทางเท่าไรนัก ส่วนพี่สุ่นนั้นต่างสนใจกับเส้นทางตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านห้วยแห้ง ส่วนตัวผมเองก็ยังคงเกาะรถชมวิวและรับลมเอื่อยๆให้ปะทะกับใบหน้าของผม "อากาศช่างดีเหลือ" ผมคิดในใจ
สำหรับใครก็ตามที่เมารถ ผมแนะนำว่าควรยืนรับลมจากด้านหน้ารถนะครับ สายลมเย็นๆและอากาศถ่ายเทจะช่วยให้คนที่เมารถสามารถลดอาการเมารถได้อย่างดีเลยทีเดียว
(แม้จะต้องทนกับการยืนหน่อยก็เถอะ)
หลังจากที่เราเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็มาถึงที่หมู่บ้านห้วยแห้งดังที่ตั้งใจไว้ครับ และในตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 16.00 โดยประมาณเห็นจะได้ น้องๆกลับจากโรงเรียนไปแล้ว เหลือไว้เพียงครูพริ้ว เราเลือกที่จะไปพักที่บ้านของคุณพ่อดวยกอ เช่นเดียวกับครั้งที่มาช่วงปลายฝนฯที่ผ่านมา
ที่บ้านดวยกอยังคงมีน้องเอกพงษ์และอนุชา (ถ้าจำไม่ผิดน่ะนะ) และลงมือที่จะเตรียมที่นอน อาบน้ำและทำกับข้าวในทันที
โดยผมเลือกที่จะทำ ต้มยำเห็ดนางฟ้าที่ซื้อมาและไข่เจียว ให้พี่เยทำไข่เจียวไป
ส่วนตัวผมนั้นเลือกทำต้มยำเห็ดนางฟ้าแทน
โดยเลือกใส่น้ำปลา กะทิ ต้มยำก้อน เห็ดนางฟ้า ตะไคร้ หอมกับพริกที่ซื้อมาเป็นส่วนประกอบหลัก
และแน่นอนว่าการกะส่วนผสมของผมมันผิดพลาดอย่างมาก เพราะมันเค็มและได้กลิ่นกะทิอบควันเทียนที่มากจนเกินไป ผมจึงต้องขอโทษพี่ๆที่ทำอาหารพลาดไปครับ
ส่วนหน้าตาของมันนั้นถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับ เสียตรงที่ต้องกินกับข้าวเท่านั้นถึงจะพอดี ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดที่จะแก้ตัวทีหลังในวันถัดไปนั่นเองครับ
และนั่นก็คือวันแรกของผม พี่สุ่น และพี่เย นั่นเองครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in