เราอยู่ที่นี่เป็นเวลานานเท่าไหร่กันนะ
นานจนครบเจ็ดวันแล้วสินะ
สุดท้ายเราคงต้องไปกันเสียที
เช้าที่เรายังคงใฝ่ฝันถึงแสงสีทองที่สาดส่องในเช้าวันใหม่ของเราที่ใฝ่ฝันว่าจะเห็นสักครั้งหนึ่ง
นั้นเลือนลางกว่าที่จะเป็นจริง ท้แองฟ้าสีเทาที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกที่ชวนนึกให้รู้ว่ามันไม่อาจจะใช่ฤดูหนาวเดือนธันวาคมได้เลย กระจัดกระจายอยู่เต็มท้องฟ้าสีหม่นในยามเช้าของเวลา 05.30 น.
สายลม
"แย่จังเลยนะครับ"
พี่สุ่น
"ครับ"
บรรยากาศเหงาๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลิ่นละอองของสายฝนในอากาศ นั้นกระจายอยู่ทั่วทุกทิศรอบตัวเรา
"อากาศของหน้าฝนชัดๆ"
เราสองคนนั่งมองท้องฟ้าและถ่ายภาพท้องฟ้าในตอนนี้ ส่วนพี่สุ่นนั้นสักพักก็ง่วนอยู่กับการเล่นมือถือ
(ที่ตอนนี้ต่อเน็ตได้แล้ว) การรอคอยท้องฟ้าที่หวังว่าอย่างน้อยจะเปิดให้เราได้เห็นแสงสีทองส่องมาจากท้องฟ้าด้านใดด้านหนึ่งนั้น ช่างน้อยมาก มากพอๆกับการที่ฝนจะตกในระหว่างที่เราเดินทาง
พี่สุ่น และการรอพระอาทิตย์ตั้งแต่ 5.30
ทางด้านตะวันตก มีดวงจันทร์ลอยล่องอยู่
ท้องฟ้าที่เปิดเพียงหย่อมนิดเดียว คิดเป็น 20 เปอร์เซนต์ของท้องฟ้าทั้งหมด ทำให้เราต้องถอนใจ
มุมด้าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีแต่เมฆฝนลอยต่ำ
ตอนนี้เช้าแล้ว และยังคงได้เห็นแสงจันทร์ลางๆ ที่ส่องมาอยู่
เรารอจน 7.00 และนี่คือแสงอาทิตย์ที่เราได้เห็น
เราคงจะไม่รออีกต่อไปที่จะเห็นแสงอาทิตย์ เราเดินไปพร้อมความหนาวเย็น และกลับไปที่บ้านและเตรียมตัวเก็บของเดินทางกลับ
เราบอกลากับคุณพ่อดวยกอ และ รอคุณพ่อไปเก็บพริกที่สวนเพื่อเอาไปขาย อยู่ที่โรงเรียนสัก 10.10 คุณพ่อดวยกอ ก็กลับมารับเรา ในขณะที่เรายังเล่นเกมส์บอร์ดเกมส์ ที่คราฟของยังไม่เสร็จก็ต้องจบกระดานไปเสียก่อน
ก่อนที่เราจะกลับไป เรายังคงเอาหนังสือที่เราไม่ได้อ่านแล้ว เป็นหนังสือวรรณกรรมเยาวชน ห้าสหายผจญภัย ที่เราชอบนั่นแหละ ประมาณห้าเล่ม และก็หนังสือการ์ตูนของ let's comic ให้กับน้องๆและถ่ายภาพที่ระทึกแล้วก็เดินทางกลับเชียงใหม่
และนั่นคือการบอกลาและเดินทางออกจากบ้านห้วยแห้งจริงๆของเราทั้งสองคน สายลมและพี่เย
ภาพสุดท้ายคือการส่งเราของครูพริ้วและเด็กๆ เราอยู่ที่รถและมองรถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in