“ไว้เจอกัน”
บอกลาเพื่อนที่เข้าเวรด้วยกันเสร็จก็โบกเรียกรถแท็กซี่ให้พาไปส่งที่คอนโดฯ ความง่วงที่ตกค้างปริมาณมากบวกกับความเบลอทำให้บอกทางผิดๆ ถูกๆ ไปบ้าง แต่คุณลุงคนขับแท็กซี่ก็พามาส่งถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
ม่านหมอก เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 หรือที่เขาเรียกกันว่าเอ็กซ์เทิร์น วันๆ หนึ่งก็จะวนเวียนอยู่แต่กับโรงพยาบาลเนี่ยแหละ ถ้าให้รีวิวชีวิตช่วงนี้ พูดได้แค่อย่างเดียวเลยว่า
เหนื่อยสายตัวแทบขาด
ยิ่งวันที่ต้องอยู่เวร ER นี่ หมอกเหมือนจะตายให้ได้ เวรเยินตลอด ประเด็นคือหมอกเนี่ยแหละตัวการหลักของความเวรเยิน อยู่เวรทีไรความฉิบหายเข้าแทรกตลอด เคสเรียงคิวเข้ามาไม่มีหยุด ทำเอา ER แทบแตก ขนาดเพื่อนกับรุ่นพี่ที่ว่าดวงเย็นมากแล้ว มาเจอดวงเยินหมอกก็ยังยั้งเอาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้ทุกคนเลยมองหมอกเป็นไอ้ตัวซวยประจำเวร ER ไปเลย
แข่งอะไรแข่งได้ แต่อย่ามาแข่งเรื่องดวงเยิน หมอกน่ะอันดับหนึ่งของโลกเห็นๆ
ลากสังขารตัวเองขึ้นมาถึงหน้าห้องได้ก็กดรหัสเข้าไป สะบัดรองเท้าให้หลุดพ้นเท้า ตอนแรกก็คิดว่าจะตรงดิ่งเข้าห้องนอนโถมตัวใส่เตียงทั้งอย่างนั้นเลย แต่กลิ่นหอมเนยที่โชยมาจากครัวล่อลวงเขาจนต้องเปลี่ยนทิศทางอย่างช่วยไม่ได้
ตรงหน้าเตาไฟฟ้ามีคนกำลังวุ่นวายกับการทำอาหารเช้าอยู่ พี่วุ่นวายแฟนหมอกนั่นเอง สวมผ้ากันเปื้อนลายแมวแล้วดูน่ารักไม่หยอก มาบวกกับหัวยุ่งๆ กับกรอบแว่นทรงกลมบนใบหน้ายิ่งน่ารักใหญ่ เฮ้อ ทำไมถึงหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้นะ อิจฉาตัวเองจริงๆ
แต่คนน่ารักคนนั้นไม่สนใจทางนี้เลย มีสมาธิตั้งใจดีมากจนไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของหมอกสักนิด มันน่าน้อยใจนะ
“อ่ะแฮ่ม”
ว่าแล้วก็แกล้งกระแอมไอเสียงดังไปหนึ่งที นั่นแหละถึงยอมเงยหน้ามามองกัน
“กลับมาแล้วเหรอ”
“อือ กลับมาแล้ว เหนื่อยจัง”
เดินเข้าไปเอาหน้าซบกับไหล่ของคนพี่ ความจริงอยากจะกอดอยู่หรอก แต่กลัวทัพพีในมืออีกคนจะลอยมาฟาดเข้าให้
“จะกินข้าวเช้าไหม”
“กินก็ได้”
ตอบขณะเปลี่ยนจากซบไหล่มาเป็นคางเกยไหล่แทน
“จะกินก็ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อน”
“ค่อย”
“ยังจะมาค่งมาค่อยอีก ไม่ได้อาบน้ำมาทั้งวันแล้วนะ”
“น่า ขออยู่แบบนี้ต่ออีกแป๊บนึง”
คล้ายกับจะได้ยินเสียงทอดถอนใจลอยตามลมมา ทว่าไม่มีคำบ่นอะไร แล้วคุณเขาก็ขะมักเขม้นกับการทำไข่ข้นต่อไป
ตอนนั้นเองที่หมอกนึกบางอย่างออกจึงส่งเสียงเรียกพี่วุ่นวาย เจ้าตัวก็หืมรับในลำคอ
“หมอกว่าชีวิตหมอกตอนนี้คล้ายกับเพลง Way Back Home”
“ของ Shuan น่ะเหรอ”
“ใช่ แต่เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะ”
คำถามต่อมาจากพี่วุ่นวายคือทำไมถึงคิดอย่างนั้น เลยอธิบายไปว่าตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตเอ็กซ์เทิร์น เขาทิ้งให้พี่วุ่นวายอยู่คนเดียวเกือบทุกวัน วันไหนที่หยุดก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน เพราะเอาเวลาไปนอนทั้งวัน ที่เป๊ะสุดก็น่าจะเป็นท่อน I’ ll find my way back home เหนื่อยสุดขีดเมื่อไรก็อยากจะหาทางกลับมากอดพี่วุ่นวายเร็วๆ ทุกที ซึ่งหมอกก็ทำได้แค่คิด
เท่านั้นเลยจริงๆ
พี่วุ่นวายได้ฟังแล้วก็เงียบไปหน่อย ย้ายไข่ข้นบนกระทะไปวางบนจาน ปิดเตาไฟฟ้าเสร็จก็หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับหมอก ยกมือตบสองข้างแก้มเขาแปะๆ อีกต่างหาก
“ไหวหรือเปล่า”
“ไหวครับไหว วายห่วงหมอกน้อยๆ ได้เลย”
ทำมือโอเคแถมไปด้วย ส่วนคำว่าห่วงน้อยๆ เป็นคำที่หมอกชอบพูดติดปาก รู้หรอกว่าจะห้ามไม่ให้ห่วงไม่ได้ ดังนั้นก็เลยยอมให้เป็นห่วงได้ แต่แค่น้อยๆ พอ ห่วงเยอะเกินเดี๋ยวไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี
“บอกสักคำหรือยังว่าห่วง คิดไปเองเก่ง”
“อ้าวคุณ”
หน้าบูดสิจังหวะนี้
“ก็ห่วงนั่นแหละ”
“เหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลังชอบกล”
บ่นอุบอิบไปหน่อย แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น ก่อนที่หมอกจะโดนแมวตัวโตสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรกอดหมับ พี่เขาว่าหมอกเก่งแล้ว ทำได้ดีมาก พร้อมกับตบหลังเบาๆ
“ต่อให้หมอกจะต้องทำงานนานๆ หรือไปที่ไกลๆ ตามที่เพลงว่าจริง เราก็จะอดทน เพราะเรารู้ดีว่ายังไงหมอกก็จะกลับมาหาเราอยู่แล้ว จริงไหม”
จริงที่สุด
เขาอมยิ้ม โอบหลังกอดตอบอีกคนแน่นหวังจะชาร์จพลังเข้าตัว ระหว่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเนื้อเพลง
Remember when I told you
“No matter where I go
I’ ll never leave your side
You will never be alone”
Even when we go through changes
Even when we’ re old
Remember that I told you
I’ ll find my way back home
อาจจะต้องเหนื่อยมากหน่อยกับการทำงานในโรงพยาบาล ไหนจะต้องไปใช้ทุนสามปีหลังเรียนจบ ถ้าจับฉลากได้ไปต่างจังหวัดก็จะต้องห่างกันกว่านี้อีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคตล้วนๆ ให้เขามาคิดเอาตอนนี้ก็ปวดหัวเปล่าๆ ถึงต้องห่างกันจริงก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเลย มันก็อย่างที่พี่วุ่นวายพูด
ต่อให้ห่างกันไปสุดขอบจักรวาล ยังไงหมอกก็จะหาทางกลับมาเจอพี่วุ่นวายให้ได้อยู่ดี
to be continued.
#playlistno96
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in