ก็นั่นสิ (พอพิมพ์มาถึงตรงนี้ก็แอบอยากจะหัวเราะออกมาหน่อยๆแล้วพูดกับตัวเองว่า "สมน้ำหน้า")
ที่จริงมันไม่ต้องใช้กฎเกณฑ์อะไรในการกันใครออกไปเลยด้วยซ้ำ
แค่เพราะเราเริ่มรู้สึกไม่ดี เราก็มีสิทธิ์ที่จะกันเขาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
ทำไมเราถึงยังปล่อยให้เขาเข้ามาทำร้ายเราซ้ำๆอีกเพียงเพราะเราใช้บรรทัดฐานของเราไปตัดสินว่าเขายังไม่ใช่คนที่แย่ขนาดนั้นกันล่ะ ในเมื่อแต่ละคนก็มีขีดจำกัดหรือจุดที่จะรู้สึกไม่เท่ากัน เพราะถ้าไม่งั้นเราก็คงไม่ต่างอะไรจากเครื่องจักร ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงในเกมจีบสาว ที่พอคุยถึงระดับนึงก็จะเปลี่ยนจากรู้สึกแย่มาเป็นรู้สึกดีได้ คิดแบบนี้แล้วยิ่งตลกเข้าไปกันใหญ่
มีอยู่หนนึงเมื่อสองปีก่อน เราไปหาหมอด้วยความรู้สึกที่ว่าไม่อยากทนแบกหลายๆอย่างไว้แล้ว ตอนนั้นจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องหลักๆคืออะไร แต่ได้ข้อสรุปกลับมาว่า ก็ไม่หนีไปจากเรื่องนี้ ไม่ต่างกันเลย แค่ทุกครั้งต้องรีบรู้ตัวให้ทันว่า "เธอปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกเธอมากเกินไปแล้วนะ"
การที่เราใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ มันถูกแล้ว แต่ว่า เธอต้องแยกให้ออกเธอต้องเข้าใจว่าไม่มีใครที่จะสามารถเป็นคนดีได้ทุกวัน ทุกคนมีส่วนแย่ๆกันทั้งนั้น
และมันไม่ได้แปลกหรือแย่ตรงไหนถ้าเธอจะมีจุดบกพร่อง ผิดพลาด หรือทำตัวแย่ๆออกมาบ้าง
จำได้ว่าหมอเคยให้ออกไปสังเกตคนที่เรารู้สึกว่าเป็นคนดีมากๆที่สุดที่เรารู้จักมาหนึ่งคน ให้สังเกตเขาในระยะเวลาสองสัปดาห์ ต้องเป็นคนที่เรารู้จักและเจอหน้าหรือคุยได้ทุกวัน แล้วกลับมาทบทวนดูว่าคนๆนั้นเป็นคนดีจริงๆมั้ย มีจุดผิดพลาดมั้ย พอครบสองสัปดาห์ หมอให้เราเปลี่ยนใหม่ คือหาคนที่รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วแย่ไปหมด อึดอัด มาลองสังเกตดูในระยะเวลาเดียวกัน (แต่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องคุยนะ แค่สังเกตก็พอ อะไรที่ไม่ทำให้ลำบากใจเกินไป) แล้วมาดูว่าเขาเป็นคนไม่ดีจริงๆมั้ย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in