เกิดคิดถึงขึ้นมาเลยขอย้อนกลับไปดูสักหน่อย
.
ปรากฎว่านอกจากความทรงจำในวัยเด็กที่หวนคืน เสียงเพลงเพราะๆ ที่ฟังรู้เรื่องมากกว่าเดิม ยังมีอะไรอีกมากที่ตัวฉันได้ค้นพบใหม่ในหนังเรื่องเก่า
เรื่องราวของกลุ่มเด็ก high school ที่มีตัวตนเล็กๆ เก็บซ่อนไว้ในใจ ไม่กล้าเปิดเผยออกมาเพราะสังคมรอบข้างและ 'ภาพจำ' ที่คนอื่นมีต่อตนเอง ถ่ายทอดผ่านเสียงเพลง เรื่องราวในฉบับแบบ disney ที่จบด้วยคำว่า happy ending
ตอนเด็กๆ ดูไปก็คิดว่า 'เพลงเพราะจัง', 'กาเบรียลลาน่ารัก', 'ทรอยก็หล่อ'
กับอีกหนึ่งความคิด
'แค่ร้องเพลงเอง บอกไปไม่เห็นเป็นไรนี่นา'
แค่ร้องเพลงเอง... ใช่หรือ?
โตมาก็เข้าใจ มันไม่ใช่แค่ร้องเพลง มันคือตัวตนของเราอีกด้านที่ทุกคนไม่เห็น ซึ่งความกล้าที่จะผลักดันตัวตนนั้นออกมาสู่ทุกคนก็มีน้อยมากเหลือเกิน
เอาจริงนับถือใจกาเบรียลลามากที่กล้าออกไป casting ละครเวทีในวินาทีสุดท้าย เป็นเราคงปล่อยให้ความกลัวนั้นชนะไปแล้ว
กับสายตาของเพื่อน ของพ่อ ความคาดหวังทีม ไม่แปลกที่ทรอยจะปฎิเสธตัวเองขนาดนั้น คนรอบข้างมองภาพเราไว้สูง แต่จริงๆ เราแค่อยากเป็นแค่คนๆ นึงที่ได้ทำอะไรแบบที่ตัวเองชอบ
เออ แกก็เก่งเหมือนกันทรอย แต่น้อยกว่ากาเบรียลลานิดนึงนะ
.
ฉากที่พ่อของทรอยรู้ว่าลูกตัวเองไป casting ละครเวทีแล้วหลุดปากพูดออกมาว่า 'ทรอยเนี่ยนะ? เค้ายังร้องเพลงไม่เป็นด้วยซ้ำ' ทำเราจุกในอก
แม้แต่คนใกล้ตัวยังมองภาพเราไม่ชัดเลย
แต่ก็นะ คนเรามีหลายด้าน ไม่ผิดที่พ่อของทรอยจะไม่รู้ คนที่รู้จักเราดีที่สุดมีแค่ตัวเรานั่นแหละ
อีกฉากนึงที่ให้ฉุกคิดคือตอนร้องเพลง 'Stick to the Status Quo' ในโรงอาหาร บอกความลับที่ซ่อนไว้ของตัวละคร
การตีกรอบความเป็นตัวตนของคนๆ นึงไว้ภายใต้ความต้องการของสังคม
' เธอไม่ควรทำขนม เธอต้องเล่นบาส '
' เธอไม่เหมาะกับฮิปฮอป อ่านหนังสือไปเถอะ '
' เล่นเชลโล่เหรอ? ไร้สาระ เล่นสเก็ตแบบที่เธอเคยทำน่ะก็ดีอยู่แล้ว '
เด็กไทยต้องเจอกับอะไรแบบนี้อยู่ตลอดเวลารึเปล่า?
เราเชื่อว่าทุกคนมีคำตอบนั้นอยู่ในใจ
.
ฉากที่ไม่ประทับใจที่สุดของเรื่องนี้คือตอนทรอยพูดจาใจร้ายถึงกาเบรียลลาต่อหน้าเพื่อน
โทษเพื่อนทั้งหมดไม่ได้นะ ไม่มีใครบังคับให้พูดออกมาซะหน่อย แกพูดออกมาเองทั้งนั้นทรอย
ถ้าจะให้คนอื่นยอมรับ ต้องยอมรับในตัวเองให้ได้ก่อนนะ
ตามมาด้วยฉากที่ประทับใจที่สุดในเรื่อง
ตอนพระนางร้องเพลง 'Start of something new' ในตอนแรก
สุดแสนจะโรแมนติก
นอกเหนือจากนั้น นี่มองว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เหมือนชื่อเพลงเลย
เพราะได้เจอกันและกัน ได้เปิดเผยมุมที่ไม่เคยเปิดเผยกับใครมาก่อน เริ่มทำอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน มีความกล้าไปด้วยกัน
บางทีความสัมพันธ์ของคนสองคนก็ต้องการแค่นี้รึเปล่านะ
.
คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรอกที่เราจะดูเรื่องนี้ บางทีเขียนบล็อกนี้จบก็คงจะไปเปิดดูอีกรอบ หนังเรื่องเดิมกับมุมมองที่ต่างไป มันสนุกจริงๆ ที่ได้ดูแล้วพบว่าเราคิดไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา
บางทีตัวเราในวัย 50 กว่าอาจจะมองว่าที่เราเขียนในตอนนี้มันไร้สาระทั้งหมดก็ได้
แต่นั่นก็เป็นสเน่ห์ของความรู้สึกนึกคิดคนมิใช่หรือ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in