เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
PARIS IS ALWAYS A GOOD IDEABUNBOOKISH
คำนำ






  • เคยได้ยินคนพูดว่า อยากเขียนหนังสือให้ออกเดินทาง หรือถ้าไม่รู้จะเขียนอะไรก็ให้ออกไปเที่ยว เดี๋ยวก็มีเรื่องให้กลับมาเขียนเอง ความคิดนี้อาจจะใช้เป็นแรงตั้งต้นที่ดีสำหรับนักเขียนหลายคน แต่ป่าน—ฉัตรรวี อาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะป่านน่าจะอยากออกเดินทางเพื่อให้ได้อยู่ห่างจากการเขียนและทำหนังสือบ้าง

    ส่วนตัว—เราคิดว่าปารีสช่างดูเหมาะกับ ‘ฉัตรรวี’ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร และไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับที่เคยได้ยินว่าภาษาฝรั่งเศสนั้นมีการระบุเพศให้กับคำนามหรือเปล่า แต่ในความรู้สึกเรา ปารีสเป็นเมืองหญิงสาว 
    เราเห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่อยากจะออกไปหาและทำความรู้จักกับเพื่อนสาวในต่างแดน และเธอก็หวังว่าเพื่อนสาวคนนั้นน่าจะเป็นที่หย่อนใจที่ดีสำหรับคนที่หอบหิ้วความเหนื่อยล้าจากเมืองไทยไประบายที่นั่นอย่างเธอ

    ปารีสในการรับรู้ของเราคือเมืองแห่งความรัก เมืองแสนโรแมนติก ก็ภาพในหนังอย่าง Midnight in Paris และ Before Sunset ทำให้รู้สึกอย่างนั้น และปารีสยังเป็นเมืองของสาวช่างฝันอย่างเอมิลี่ (Amelie) เมืองที่มีภัตตาคารและอาหารดีๆ อย่างในแอนิเมชั่น Ratatouille... ภาพจำเกี่ยวกับเมืองนี้จึงค่อนข้างรื่นรมย์

    แต่พอมานึกจริงๆ แล้ว ปารีสก็มีมุมที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าโรแมนติกเท่าไรนัก หนังอย่าง Inception หรือ Taken 2 ก็พอจะทำให้เห็นภาพอีกด้านนึงของเมืองนี้ได้อยู่ (แต่ก็ไม่ได้เป็นที่น่าจดจำมากพอจะลบความโรแมนติกที่ปารีสสั่งสมมา)

    และแม้จะคิดเอาเองว่าป่านออกเดินทางเพื่อให้ได้พักจากการทำงานหนังสือ แต่ก็เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าโดยสัญชาตญาณนักเขียนแล้ว เธอคงไม่กลับมามือเปล่า

    มานึกดูตอนนี้ ประโยคเด็ดของออเดรย์ เฮปเบิร์นที่เคยกล่าวไว้ว่า “Paris is always a good idea.” เห็นทีจะจริง


    BUNBOOKS



  • ในฐานะกองบรรณาธิการคนหนึ่งที่ดันทะลึ่งออกหนังสือไปด้วย คล้ายจะรู้ล่วงหน้าว่า เมื่อต้องทำสองหน้าที่ในเวลาเดียวกัน ช่วงเวลาแห่งการปิดเล่มให้ทันงานสัปดาห์หนังสือฯ เดือนมีนาคมนั้นจะหนักหนาเอาการ เลยวางแผนเยียวยาจิตใจตัวเองล่วงหน้าด้วยการหาโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาดีๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ช่วงวิกฤติ 

    ฉันกำหนดจุดหมายปลายทางอย่างเลื่อนลอย—ที่ไหนก็ได้ที่ไกลออกไป  

    หนึ่งปีก่อนหน้านั้น เพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉันเพิ่งกลับจากปารีส พร้อมพร่ำเพ้อว่าอยากไปที่นั่นอีกครั้งให้ได้ กล่าวถึงเพื่อนคนนี้ เขามีบุคลิกของความเป็นศิลปินที่ไม่ใคร่จะนิยมความแมสใดๆ แต่กลับรักเมืองที่ใครๆ ก็ไปกันอย่างปารีส เพื่อนบอกว่าเป็นเพราะแง่งามอื่นๆ อันนอกเหนือจากหอไอเฟล ลูฟวร์ และแม่น้ำแซน ดังนั้น เมื่อฉันบอกแผนการท่องเที่ยวหลังปิดเล่ม เขาจึงเอ่ยปากชวนซึ่งฉันตอบตกลงทันที ด้วยหวังจะเห็นแง่งามอันนอกเหนือจากสถานที่ยอดนิยมเหล่านั้นบ้าง

    น่าเสียดาย สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปด้วยกันเพราะว่างคนละเวลา แต่ฉันยังคงวางปารีสเป็นจุดมุ่งหมายเหมือนเดิม โดยมีเพื่อนร่วมทางเป็นพี่ปลารี่ (Plariex) นักเขียนการ์ตูนร่วมสำนักพิมพ์ ที่ฉันเชื่อว่า เราสองคนจะต้องเผชิญพิษปิดเล่มเข้าไปเต็มรักพอกัน

    เราบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปปารีสโดยสายการบินโลว์คอสต์จากตะวันออกกลาง ถึงที่หมายในวันที่ 29 เมษายน เดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันที่ 8 พฤษภาคม เป็นอันจบทริป

    ระยะเวลาเพียงสิบวันที่สรุปสั้นๆ ได้ดังย่อหน้าด้านบนนี้ คือรางวัลก้อนโตสำหรับชีวิตที่เชื่อเอาเองว่ากำลังพบเจอกับ Midlife Crisis แม้มันไม่ได้ทำให้ค้นพบอะไรมากนักในแง่การตอบคำถามชีวิต แต่ก็มากพอที่จะเกิดเป็นหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาได้
      
    เหมือนอย่างที่ออเดรย์ เฮปเบิร์นได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “Paris is always a good idea.” ฉันคิดไม่ผิดที่เลือกมาที่นี่ และฉันคงเสียดายนัก ถ้าไม่ได้เล่าออกมา


    ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์
    14 กรกฎาคม 2558
    (อายุ 25 ปี)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in