เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Soul Dimension มิติวิญญาณSetthapa Bree Settaphakorn
บทที่ 13 Soul Dimension มิติวิญญาณ ข้อจำกัดในการต่อสู้

  • 'นี่อ่ะนะสระภูติ ทำไมน้ำในสระมันถึงพร่องไปมากขนาดนี้' ติ่ง(ตัวจริง) คิดกับตัวเอง 'ครั้งที่เเล้วจำได้ว่าที่เคยมากับสิทธิ์มันก็ยังมีน้ำเต็มสระ นี่ถ้ามันมีน้ำน้อยขนาดนี้ เเล้วมันจะยังพาเราไปหาหมอเสาได้มั้ยนี่....'

    'เอาวะ เอางัยเอากัน ไม่มีไรจะเสียเเล้วนี่ หากหมอเสาไม่รู้ว่าคนที่พาไปด้วยไม่ใช่เราอาจเกิดอันตรายกับหมอก็ได้ ช่วยหมอนี่ก็ไม่เเน่ใจหรอกว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ รู้เเต่เพียงว่าต้องช่วย ตอบเเทนน้ำใจของหมอ'

    คิดได้ดังนี้ ติ่ง(ตัวจริง)ก็กระโดดลงไปในสระภูติ เเล้วหายวับลงไปในสระ

    -------------------------------------------------------------------------

    "ดีมาก ขณะนี้พวกเจ้าเรียนรู้การดึงพลังงานธาตุทั้ง 5 อันได้เเก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เเละ ธาตุเเสงมาใช้ได้เเล้ว จากการใช้พลังของผลึกปีศาจ" ไตฮิมเอ่ยขึ้น

    จากการสังเกตุของไตฮิม ทั้งเสาเเละติ่ง(เรนกา) นับว่ามีพัฒนาการที่น่าตกใจ ทั้งสองสามารถดึงเอาพลังงานธาตุในโลกวิญญาณมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว เเม้พลังจะยังไม่กล้าเเข็งเเต่ก็นับว่าดีทีเดียว

    "ทีนี้พวกเจ้าก็ต้องมาเรียนรู้ข้อจำกัดในการใช้มนต์ปีศาจในการต่อสู้ ซึ่งอย่างที่เจ้าได้เรียนรู้ไปก่อนหน้านี้ว่าในการจัดการกับคานส์ พลังของคานส์คือประจุพลังอาฆาตสีม่วงที่ใช้สะกดสสารอันมีต้นกำเนิดมาจากธาตุลมเเละธาตุมืด การที่จะต้านพลังการสะกดของคานส์จำเป็นต้องใช้ พลังของธาตุไฟ เเละธาตุเเสง โดยเจ้าติ่ง(เรนกา) เจ้าจะต้องดึงพลังงานของธาตุไฟ ส่วนเจ้าเสาเจ้าตัองดึงเอาพลังงานธาตุเเสงออกมา....

    ไตฮิมอธิบายพร้อมจำเเนกเเผนภูมิพลังธาตุประกอบการบรรยาย

    พลังธาตุในโลกวิญญาณ เเละธาตุคู่ปรับ

    ธาตุเเสง ชนะ> ธาตุมืด ชนะ >ธาตุน้ำ ชนะ> ธาตุไฟ ชนะ > ธาตุลม ชนะ > ธาตุดิน ชนะ> ธาตุเเสง


    เพราะพวกเจ้าเป็นมนุษย์ซึ่งเเม้มีผลึกปีศาจคอยช่วยเจ้าก็ยังไม่สามารถดึงพลังงานธาตุสองชนิดมาพร้อมๆกันด้วยตัวคนเดียวได้ ด้วยข้อจำกัดนี้เป้าหมายของเราจะไม่ใช่การเอาชนะคานส์เพราะไม่มีทางที่เราจะเอาชนะได้ เเต่เป้าหมายของเราคือวิญญาณอาฆาตที่กินพลังของมอคจาเข้าไป เราจะต้องสะกดวิญญาณของมันเเล้วรีดเค้นเอาพลังของมอคจาคืนมาโดยเร็วที่สุดก่อนคานส์จะลงมือ"

    ไตฮิมกล่าวต่อ

    "การจะรีดเค้นเอาพลังของมอคจาคืน เจ้าจะต้องสะกดวิญญาณตนนั้นที่ใช้พลังของมอคจาอันมีธาตุลมเเละน้ำเป็นจุดกำเนิดพลัง. เราต้องใช้ธาตุไฟเพื่อสะกดธาตุลม เเละธาตุดินเพื่อสะกดธาตุน้ำ เพื่อให้สำเร็จเป้าหมายข้าได้เตรียมเเผนการอันพอจะสรุปย่อยๆได้ดังนี้...."

    " ขั้นเเรก เราจำเป็นที่จะต้องมีคนที่จะต้องเเยกคานส์ เเละวิญญาณอาฆาตที่ดูดพลังมอคจาไปออกจากกัน เพราะหากทั้งสองคนโจมตีใส่พวกเจ้าพร้อมๆกัน ลำพังเจ้าสองคนจะไม่สามารถเรียกพลังงานธาตุที่ต้องใช้มาทั้งหมดได้"

    "ขั้นที่สอง เมื่อเจ้าสองคนล่อวิญญาณอาฆาตที่กินพลังของมอคจาออกมาได้เเล้ว ห้ามให้มันรู้เด็ดขาดว่าเจ้าใช้มนต์ปีศาจได้จนกว่ามันจะลงมือ เพราะหากมันรู้ตัวมันเรียกคานส์ให้ตามมาก็จบกัน"

    "ขั้นที่สาม เมื่อวิญญาณตนนั้นลงมือ ให้เจ้าเสาเรียกพลังธาตุไฟออกมา เเละเจ้าติ่ง (เรนกา) เรียกพลังงานธาตุมืดออกมา เพียงเจ้าเค้นพลังงานธาตุออกมาสะกดมันได้ เเละคนที่ล่อคานส์ออกไปสามารถถ่วงเวลาได้นานพอที่เจ้าสะกดมันสำเร็จ ทุกอย่างก็จะลุล่วง"

    "ท้ายสุด ข้อควรระวัง!! พวกเจ้าต้องระลึกไว้เสมอว่าเจ้าจะต้องหนีทันที หากเจ้าทั้งสองเจอเหตุการณ์ดังต่อไปนี้"

    เสาเเละติ่ง (เรนกา) ตั้งอกตั้งใจฟังคำสั่งของไตฮิมเเละมีการจดลงในสมุดอย่างละเอียด

    "กรณีที่ 1 คือกรณีที่ทั้งคานส์ เเละ วิญญาณอาฆาตที่ได้พลังของมอคจาไป เข้ามาโจมตีพวกเจ้าพร้อมๆกัน"

    "กรณีที่ 2 กรณีที่วิญญาณอาฆาตกลับสู่ร่างเดิมเเละพยายามกินเจ้า...เสา"

    เสาเริ่มทักท้วงขึ้น " เราเข้าใจหมดทุกอย่างเเล้วค่ะท่านไตฮิม เเต่เรามีเเค่สองคน ท่านก็เคยบอกเองว่าท่านไม่ไปกับพวกเรา เเล้วใครจะทำหน้าที่ล่อคานส์ให้เเยกออกจากวิญญาณอาฆาต"

    "ข้าไม่ไปเพราะข้ามีเหตุผล อีกอย่างพวกเจ้าไม่ต้องกลัว สิ่งที่จะล่อให้คานส์เเยกตัวออกมา คือเจ้านี่" ไตฮิมพูดพลางมองเหลือบไปยังปลาบู่ของตน ปลาบู่ซึ่งเเหวกว่ายไปมาในห้อง บัดนี้ปลาค่อยๆกลายร่างขยายใหญ่ขึ้น เเขนเเละขาค่อยๆงอกออกมา ในที่สุดปลาบู่ก็เเปลงกายเป็นมอคจา!!

    เสา อ้าปากค้าง .....

    "ข้าเคยบอกเเล้วว่าข้าคืออาจารย์ของผู้ดูเเลมิติทั้ง 6 มนต์เเปลงกายของเรนกาอันเป็นการใช้พลังธาตุดิน ข้าก็เป็นผู้สอนนาง" ไตฮิมพูดไปพร้อมอมยิ้ม "ตอนนี้พวกเจ้าก็พร้อมเเล้ว เเผนการของเราก็พร้อมเเล้ว ข้าคิดว่าถึงเวลาเเล้วที่พวกเจ้าจะต้องออกเดินทางไปช่วยมอคจา"

    ติ่ง (เรนกา) เเละเสา พยักหน้ารับคำไตฮิมเเละต่างพากันเเยกย้ายเตรียมพร้อมออกเดินทางไปช่วยมอคจา

    --------------------------------------------------------------------------

    ก่อนออกเดินทางเสาเเวะเข้ามาหามอคจาที่กำลังหลับอยู่ในห้องนอน

    "มอคจา ชั้นไม่รู้ว่าคุณได้ยินชั้นมั้ย ชั้นเเค่อยากจะบอกว่า ที่ชั้นกำลังจะออกเดินทางครั้งนี้ ชั้นตั้งใจอยากช่วยคุณให้ได้ ชั้นอยากบอกขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตชั้นไว้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ถึงเเมัชั้นจะรู้ว่ามันเสี่ยงมาก เเละก็ไม่เเน่ว่าชั้นจะช่วยคุณได้หรือไม่ เเต่ชั้นก็จะเสี่ยง....ถ้าชั้นไม่ได้กลับมาหรือเป็นอะไรไป ชั้นไม่อยากให้คุณคิดมาก เเต่ชั้นอยากบอกว่านี่คือทางเลือกที่ชั้นเลือกจะทำด้วยความสมัครใจ .... ชั้นดีใจที่ได้รู้จักคุณนะมอคจา... ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกอย่าง... ก่อนไปชั้นมีของที่ระลึกอย่างนึง มันเป็นสร้อยข้อมือเครื่องรางของชั้นเอง ชั้นใส่มันมาตั้งเเต่ชั้นเด็กๆมันช่วยให้ชั้นเเคล้วคลาดปลอดภัยเสมอมา...ชั้นให้คุณ....ขอให้คุณกลับมาเเข็งเเรงเหมือนเดิมเร็วๆ...ชั้นไปนะ...." เสาพูดจบก็ลุกขึ้นออกจากห้องไป

    หากเสาเพียงหันกลับมามองดูมอคจาจะเห็นว่า

    มอคจาลืมตาขึ้น...พยายามลุกขึ้นเเละพยายามร้องเรียก "...อย่า...ไป" มอคจาฝืนเเรงลุกขึ้นไม่ไหว เขาล้มตัวลงนอนตามเดิมพร้อมหลับตา.....น้ำตาของมอคจาไหลออกมาข้างเเก้มหนึ่งหยด....มอคจากลับเข้าสู่การหลับไหลอีกครั้ง

    -----------------------------------------------------------------------
    จบบทที่ 13 ติดตามต่อตอนหน้านะคะ
    บรีบรี








เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in