เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เมื่อฉันติดโควิดเมื่อฉันรีวิวหนังสือ
Day 3
  • Day 3


    เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยเสียงโทรศัพท์แสนน่ารำคาญ มีพยาบาลโทรมาหาฉันบอกให้ฉันลงไปเจาะเลือดกับ X-Ray ปอด พูดจบก็วางสายไป ฉันหยิงโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา 

    6.30 น.

    หกโมงครึ่ง!

    ปลุกให้ฉันลงไป X-Ray กับเจาะเลือดหกโมงครึ่ง! 

    ก็รู้อะนะว่าเราก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเวลาของตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ควรบอกกันตั้งแต่เมื่อคืนไหม ว่าเดี๋ยวตอน 6 โมงครึ่งจะมีคนมาเรียกไปตรวจนะคะอะไรแบบนี้จะได้เตรียมตัวไว้ก่อน แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเมื่อคืนนอนไว ฉันคิดพลางหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกจากห้องไป (ก็คือไม่ได้เปลี่ยนชุดด้วยเพราะชุดที่ใส่มันเป็นได้ทั้งชุดนอนกับชุด private) แต่เดินไปไม่กี่ก้าวฉันก็พึ่งนึกออกว่า 

    ‘กูลืมใส่แมส’ - เนี่ยแหละผลของการโดนปลุกตอนเช้า

    แต่ตอนที่รู้สึกตัวมันก็สายไปแล้วเพราะประตูห้องได้ปิดไปแล้วแถมฉันก็ไม่มี keycard ห้องอีกด้วย ฉันจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้อง และเคาะประตูเพื่อหวังว่าพี่โอ๋ไม่ก็พี่น้องจะลุกขึ้นมาเปิดประตูให้ฉัน 

    เคาะครั้งที่หนึ่ง - ไม่เปิด เออ สงสัยฉันเคาะเบาไปมั้ง งั้นเอาใหม่

    เคาะครั้งที่สอง - เอิ่มก็ยังไม่มาเปิด หรือพี่น้อยกับพี่โอ๋หลับไปแล้วจริงๆ วะ อะลองดูอีกที

    เคาะครั้งที่สาม - ก็ยังไม่มีคนมาเปิดให้ โอเคชิบหายแล้ว พี่น้อยกับพี่โอ๋หลับไปแล้วชัวร์แล้วฉันควรทำอย่างไงดี 

    ทางเดียวที่ฉันคิดออกคือไปขอแมสจากพี่พยาบาล เอาวะ ลงๆ ไปก่อนแล้วกัน พี่พยาบาลเขาคงเห็นใจ แต่เมื่อฉันเดินลงไปด้านล่างเพื่อรอตรวจ สิ่งที่ฉันเจอกลับเป็นความว่างเปล่า แบบไม่มีใครเลย ไม่มีแม้แต่พี่พยาบาล เอาหละ ฉันโดนคนหลอกมาหรือเปล่าวะ แต่ฉันอาจจะมาไวเกินไป ฉันก็เลยไปนั่งรอก่อน แต่จนแล้วจนรอด 5 นาทีผ่านไปก็ยังไม่มีใครมา โอเค ฉันอาจจะผิดเองที่มาไวเกินไป แต่พยาบาลเขาก็ไม่ได้บอกปะวะว่าจะตรวจกี่โมง ฉันก็คิดว่าตรวจตอนนี้ก็เลยรีบมาไงโว๊ะ!

    สุดท้ายฉันก็เลยถอดใจเรื่องที่จะขอแมสจากพยาบาล และตัดสินเดินกลับไปที่ห้องเพื่อไปหยิบแมสที่ห้องแทน (ระหว่างทางก็บ่นไปว่าบ้าบอระยะทางระหว่างห้องฉันกับห้องตรวจมันก็ไม่ได้เดินใกล้ๆ นะโว้ย) พอถึงห้องก็โชคดีที่รอบนี้พี่น้อยตื่นมาเปิดประตูที่ฉัน ฉันจึงหยิบแมสแล้วเดินกลับไปรอตรวจเหมือนเดิม คราวนี้หลังจากที่ฉันกลับไปนั่งเก้าอี้ประจำที่ไม่นานคนที่มีรอบตรวจรอบเดียวกับฉันก็เริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ ระหว่างนั้นฉันก็เล่นโทรศัพท์รอ ทั้งเล่น FB, IG, Twitter, อ่านนิยาย, อ่านการ์ตูน ทำทุกอย่างก็แล้ว แต่พยาบาลก็ยังไม่มา เอาแหละ อี hospitel นี่เล่นฉันอีกแหละ! พร้อมให้ฉันมารอเก้ออีกแล้ววว 

    สุดท้ายพยาบาลก็มาอีก 40 นาทีให้หลังนับตั้งแต่ฉันลงมานั่ง โถ่แม่คุณก็รู้นะว่าหมอพยาบาลทำงานหนัก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้คนมานั่งรอไหมอะ hospitel เขาควรจัดระบบให้ดีกว่านี้จริงๆ นะ หลังจากนั้นไม่นานพยาบาลก็เริ่มเรียกให้คนมาเจาะเลือด พอเจาะเสร็จก็ให้คนมารอ X-Ray ซึ่งเหตุการณ์มันก็จะไม่เป็นอะไรเลยถ้าไม่มีคนเป็นลม!! 

    คนแรกเป็นพี่ผู้หญิงอายุประมาณ 20 ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นลมตอนที่เจาะเลือดหรืออะไร แต่เห็นอีกทีก็คือพี่พยาบาลมารุมพี่เขาแล้วก็ใส่เครื่องวัดชีพจร การเต้นของตัวใจ แล้วก็เครื่องวัด Oxygen ให้พี่เขาไป สิ่งที่ฉันเห็นคือชีพจรของพี่เขาลงไปต่ำมากก จากปกติที่ชีพจรของคนควรจะอยู่ที่ประมาณ 100 แต่ที่ฉันเห็นคือชีพจรของพี่เขาลดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึง 40! หลังจากนั้นพี่พยาบาลก็เอาถุงพลาสติกมาเพื่อช่วยพี่เขาในการหายใจแล้วก็ให้พี่เขากินน้ำแดง ทุกอย่างก็ดูดีขึ้น แต่แล้วก็มีคุณป้าอายุประมาณ 50 อีกคนเดินมาบอกพยาบาลว่าเขารู้สึกจะเป็นลม พยาบาลจึงช่วยพยุงคุณป้าเขาไปนอนราบกับพื้นก่อนช่วยกันพัดให้ป้าเขาและเอาน้ำแดงมาให้ป้าเขากิน ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ห่างจากเหตุการณ์ของป้าไปไม่นานคนที่กำลังเจาะเลือดอยู่ อยู่ดีๆ ก็บอกพยาบาลว่าเขารู้สึกจะเป็นลม เอาจริงๆ วันนี้คงเป็นวันที่ฉันเห็นคนเป็นลมมากที่สุดในชีวิต ซึ่งมันไม่น่าอภิรมย์เสียเลย ร่างกายของพวกเขาเหมือนสูญเสียการควบคุม เขาไม่สามารถยืนด้วยตัวเองได้ แถมภาพของชีพจรที่ลดลงเรื่อยๆ ก็ยังตราตรึงในใจของฉันอยู่ ให้ฉันพูดเองก็อาจจะแปลกๆ แต่ว่าจากเหตุการณ์นี้มันทำให้ฉันคิดว่าความตายเนี่ยใกล้ตัวกว่าที่ฉันคิดอีกนะเนี่ย 

    แต่จะว่าไปมันก็น่าคิดนะว่าสาเหตุคืออะไร ถ้าคนที่เขาเจาะเลือดแล้วเป็นลมอันนี้ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะเป็นคนที่เป็นความดันต่ำไม่ก็โลหิตจาง แต่บางคนยังไม่ได้เจาะก็จะเป็นลมแล้ว อย่างเคสของคุณยายคนที่สองนั้นหนะ ถ้าให้ฉันลองวิเคราะห์นะ ฉันว่าเรื่องสถานที่กับเวลาก็เป็นหนึ่งในสาเหตุได้เหมือนกัน เพราะสถานที่ที่คุณพยาบาลให้เรามานั่งรอเป็นบริเวณที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งก็ไม่ได้มีลมโปร่งมาก แถมบริเวณนั้นยังมีคนจำนวนมากนั่งอยู่ด้วย การที่ผู้หญิงแก่อายุ 50 กว่าที่ใส่แมสสองชั้น (ฉันเห็นตอนคุณพยาบาลถอดแมสให้คุณป้า) มานั่งรอในบริเวณที่ไม่ค่อยมีลม แถมมีคนอยู่หนาแน่น ถึง 40 นาที ก็ไม่แปลกที่คุณป้าจะหน้ามืดเป็นลมได้ แต่อย่างที่ฉันบอกไป ฉันว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณป้าเป็นลมคือการจัดระบบที่แย่ของ hospitel คือฉันก็ไม่ได้หวังว่าระบบการจัดการทุกอย่างมันต้องออกมาดี perfect นะ เพราะฉันก็เห็นใจคุณหมอกับพยาบาลที่ทำงานหนักเหมือนกัน แต่ฉันก็ยังรู้สึกอยู่ว่าหลายๆ อย่างมันก็ควรจะเปลี่ยนเพื่อให้ระบบมันดีขึ้น ตัวอย่างเช่นวันนี้ตอนที่พยาบาลจะเรียกชื่อคนเพื่อให้ไปเจาะเลือด สิ่งที่พยาบาลต้องทำคือการตะโกนเรียกชื่อคนทีละคน ซึ่งบอกตรงๆ ว่าโคตรไม่ effective แบบว่าหนึ่งเสียงที่ออกมามันเบาเพราะคุณพยาบาลทั้งใส่แมสสองชั้นแล้สยังมี face shied อีกและสองคือคนค่อนข้างนั่งกระจายกัน ดังนั้นคนที่นั่งหลังๆ อาจจะไม่ได้ยินเสียงของคุณพยาบาล เอาจริงๆ วิธีแก้มันง่ายมากเลยนะ แค่หาใครสักคนไปซื้อโทรโข่งให้อะไรแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะพยาบาลอาจมี constraint อะไรสักอย่างที่ทำให้ไม่สามารถซื้อโทรโข่งมาใช้ได้ก็ได้ ฉันก็ได้แต่หวังว่ารอบหน้าทางทีมพยาบาลจะมีวิธีที่สะดวกและดีกว่านี้ใจการจัดระบบการตรวจผู้ป่วยและต่างๆ อีกมากมายแล้วกันนะ

    หลังจากนั้นฉันก็ไป X-Ray ปอด ซึ่งเอาจริงๆ ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก จนฉันไม่รู้จะเขียนอะไร 555 แต่สิ่งที่อยากจะพูดก็คือเรื่อง no bra เนี่ยแหละ เป็นอันรู้กันว่าถ้าจะ X-Ray ปอด ผู้หญิงจะต้องไม่ใส่ชุดชั้นใน ซึ่งตอนฉันออกมาจากห้องฉันก็ไม่ได้ใส่อยู่แล้วเพราะรู้ว่าเดี๋ยวหมอก็ต้องบอกให้ถอดออก แต่สิ่งที่ฉันอยากพูดคือเรื่องของความไม่มั่นใจเวลาต้อง no bra 

    คือเอาจริงตอนอยู่ที่ห้องฉันก็ no bra ทั้งวันเพราะพี่น้อยกับพี่โอ๋ก็เป็นผู้หญิงกันหมดไม่ต้องอายอะไร แต่ที่ไปลงไปตรวจเนี่ยมันมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายไง ซึ่งก็กลายเป็นว่าฉันต้องพกเสื้อกันหนาวอีกตัวเพื่อบังตัวเองไว้เพราะกลัวว่าจะเกิด accident แบบว่าจุกนมโผล่ ซึ่งเอาจริงฉันก็รำคาญอะไรแบบนี้เหมือนกันนะ แบบว่าทำไมผู้หญิงต้องต้องกลัว ต้องคอยปกปิดหน้าอกตัวเองด้วยวะ ทั้งๆ ที่ผู้ชายไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย หน้าอกก็มีเหมือนกัน จุกนมก็มีเหมือนกัน แต่ทำไมผู้หญิงถึงเป็นฝ่ายเดียวที่ต้องพยายามปิดมันด้วย เพราะถ้าผู้ชายเห็นจุกนมผู้หญิงแล้วจะรู้สึกเงี่ยนไรงี้อ้อ โคตร nonsense ผู้ชายเงี่ยนก็จัดการตัวเองสิค้าบบบ จะมาบอกให้ผู้หญิงปิดหน้าอก ใส่บรา ทำไม เอาจริงฉันหวังว่าในอนาคตของเรา คนจะตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้มากขึ้น และฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสักวัน ฉันจะสามารถ no bra ออกจากบ้านได้โดยไม่ต้องมานั่งกังวลว่าใครจะมองฉันว่าไม่ดี 

    โอเค story วันนี้กลายเป็นการบ่นระบบการทำงานของ hospitel กับเรื่อง no bra ไปซะงั้น 5555 แต่ที่บ่นพวกนี้มากๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับวันนี้ดีเพราะหลังจากที่ X-Ray เสร็จขึ้นมาฉันก็กินข้าวเช้า เล่นโทรศัพท์ สักพักก็ไปนอนต่อ อ้อ ใช่ วันนี้พ่อกับแม่ฝาก line man เอาของมาให้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าของที่ฉันตั้งตารอที่สุดก็จะต้องเป็น หนังสือ อย่างไรหละ แต่ทันทีที่เปิดฉันก็ต้องช็อค! Wtf ป๊าม๊าใส่หนังสืออะไรมาเนี่ยยยย มันเป็นหนังสือเก่าที่ฉันได้จากญาติที่ฉันโยนทิ้งไปนานแล้วเพราะไม่สนใจ ฮืออ ป๊าม๊าหยิบหนังสือมาผิดเล่มทุกคน (ตอนเห็นเล่มที่ส่งผิดมา ผมนี้รู้สึกใจสลายเลยครับ) แต่ก็ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่เพราะเขาก็อุตส่าห์สละเวลาชัดมาให้อะนะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะซื้อ e-book ไม่ก็สั่งหนังสือมาแทนแล้วกัน เรื่องวันนี้ก็มีประมาณนี้แหละ (อ้อมีตบตีกับเรื่องแลกเปลี่ยนนิดนึงด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี แต่ก็นั้นแหละ เรื่องในอนาคตก็ให้ตัวฉันในอนาคตจัดการไปแล้วกัน) 

    สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน บรัยๆ


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in