เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เออร็อด นักเล่านิทานli_li_an
นกกับกิ่งไม้ (จบ)
  •      ชายผู้นั้นนั่งอยู่ริมกองไฟเล็กๆข้างค่ายพักของของเหล่าวณิพกผู้ร่อนเร่ตามงานเทศกาล เขาเป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ รูปร่างไม่ใหญ่ไม่เล็ก และปิดบังดวงตาข้างหนึ่งของตนไว้ภายใต้เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

         ชายผู้นั้นเติมฟืนให้กับกองไปเล็กจิ๋วตรงหน้า ก่อนเอ่ยเชื้อเชิญเงาแปลกหน้าที่จดจ้องเขาอยู่นอกแสงไฟให้เข้ามาร่วมวง

         "ท่านตรงนั้น" เขาเอ่ย "คืนนี้อากาศเย็นไม่น้อย ท่านสนใจขยับออกมาร่วมกองไฟกับข้าหรือไม่" นักเล่านิทานว่า ยิ้มแย้มเป็นมิตร ผายมือออกกว้างเชื้อเชิญ

         ชายผู้หนึ่งเผยตนออกมาจากเงาตอบรับคำเชิญนั้น เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ แต่งกายอย่างสามัญธรรมดา หากห้อยดาบเงาวับอย่างดีไว้ข้างเอว

         เออร็อด อาเรียมองแขกของตน นักเล่านิทานไม่ได้เอ่ยทักใดเรื่องดาบนั้น แม้มันจะเป็นดาบที่หรูหราเตะตาชวนให้ถามไถ่ขนาดไหนก็ตาม ชายหนุ่มเพียงแต่เชิญแขกให้นั่งลงบนขอนไม้ฝั่งตรงข้าม แล้วไถ่ถามความเป็นไปอย่างคนอัธยาศัยดี

         "ท่านไปยืนอะไรในป่ามืดๆคนเดียวน่ะ มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้หรือเปล่า" นักเล่านิทานถามด้วยรอยยิ้ม

         "นิทานของท่าน..."แขกของเขาเปรยขึ้นน้ำเสียงจริง

         นักเล่านิทานเลิกคิ้ว ขยับรอยยิ้มขึ้นกว้างกว่าเดิม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างยินดี

         "โอ้ๆ แฟนคลับนิทานของข้านี่เอง" เขายิ้มร่า แล้วเอ่ยต่อไปอย่างไม่สนใจสีหน้าที่เหมือนจะปฎิเสธของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม

         "ทนรอฟังตอนต่อพรุ่งนี้ไม่ไหวล่ะสิ ได้ๆๆๆ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังก่อนใครเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน" นักเล่านิทานหัวเราะอย่างยินดี แล้วเริ่มเกริ่นนิทานตามธรรมเนียมของตน

         "นี่คือเรื่องที่ข้าได้ฟังมา" เขาว่า "ดังนั้น หากมันจะมีคำโกหกใดปลอมปนอยู่ในสิ่งที่ข้าเล่า ก็ขอให้ท่านรู้ไว้ คำโกหกนั้น ไม่ได้มาจากข้าแต่อย่างใด" นักเล่านิทานเกริ่นเรื่องด้วยความร่าเริงมากกว่าปกติ และก่อนที่ผู้ฟังของเขาจะได้เอ่ยขัดจังหวะใด เขาเริ่มเล่านิทาน

    " นี่คือไพรไพรกว้างอันผันผก
    เปลี่ยนเวียนวกไพรเปลี่ยนเวียนสับสน
    ไม้หนึ่งเฝ้ายืดเหยียดวิถีตน
    นกหนึ่งบินเวียนวนไร้พักพิง

    ในป่าใหญ่หาได้มีเพียงนก
    ยังแมงมุมโผนผกถักใยสิง
    ยึดกิ่งไม้ผูกกับดักถักอ้างอิง
    วางจับเหยื่อช่วงชิงกินชีวา

    วิหกน้อยผู้ผกจนเหนื่อยอ่อน
    ไม่ระวังร่วงร่อนจากเวหา
    ติดกับดักแมมงมุมเฝ้าจับตา
    หมดปัญญาหลบหนีช่วยเหลือตน

    ไม้มองอยู่อยากช่วยเจ้านกน้อย
    หากอ่อนด้อยปัญญาแก้ฉ้อฉล
    ธรรมชาติไม้คือนิ่งแลเติบตน
    ไม่อาจยื่นมือร่นแก้เส้นใย

    นกดิ้นรนหาทางจะหนีหลุด
    หากยิ่งดิ้นยิ่งทรุดพัวพันใหญ่
    ไม้เร่งคิดหาทางช่วยนกพ้นภัย
    แล้วนึกได้ใยเหล่านั้นผูกกับตน

    ไม้ค่อยโยกตัวหนักหวังหักกิ่ง
    จะหักทิ้งกิ่งตนไม่สับสน
    หักพร้อมใยพันอยู่พังบัดดล
    ช่วยวิหคผกพ้นกับดักใย

    นกคืนสู่เวหาระเหหก
    ไม้ไร้กิ่งมองนกผกเผลอไผล
    ป่ายังเปลี่ยนเวียนวกวิถีไพร
    หากสิ้นกิ่งไม้ใหญ่ให้นกอิง "

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in