ชายผู้นั้นนั่งอยู่บนเกวียนเล่มหนึ่งของขบวนการค้าที่ท่องเที่ยวจากดินแดนแห่งทะเลสาบอันอุดมสมบูรณ์ ไปสู่เทือกเขาสูงใหญ่ทางทิศตะวันตกอันเพาะปลูกได้ยากกว่า เขาเป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ รูปร่างไม่ใหญ่ไม่เล็ก และแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของคนต่างถิ่น
ข้างเกวียนที่เขานั่งมานั้นเป็นสตรีบนหลังม้าผู้หนึ่ง นางเป็นสตรีร่างโปร่งผู้มีเรือนผมสีทองสว่าง และมีดวงตาสีฟ้าน่าหลงไหล แต่เกรงว่านอกจากเขาแล้ว ในขบวนการค้าขบวนนี้คงไม่มีใครคิดหลงไหลนางได้อีก เสน่ห์ของดวงเนตรสีฟ้านั้นลบหายไปหมดสิ้นด้วยชุดอย่างนักรบ และสีหน้าอันบึ้งตึงของนาง
"นี่ๆ ท่านผู้คุ้มกัน เหตุใดท่านจึงทำสีหน้าบึ้งตึงเช่นนั้นเล่า?" เขาเอ่ยทัก ส่งรอยยิ้มสดให้อย่างเป็นมิตร
หากนางผู้ขี่ม้าเหยาะย่างอยู่ข้างๆเขานั้นเพียงชายตามองเล็กน้อยด้วยสายตาเหยียดหยาม และไม่ได้กล่าวตอบสิ่งใดต่อนักเล่านิทาน
เออร็อด อาเรียเกาหัวแกรก เขาก็พอจะเคยเจอสายตาแบบนั้นมาบ้างอยู่หรอก ในหลายๆเมือง นักเล่านิทานอย่างเขาก็อยู่ในสถานะที่ไม่ได้ดีไปกว่าขอทานเท่าไรนัก แต่นั่นไม่ใช่รอยเหยียดหยามต่ออาชีพของเขา มันเหยียดหยามโดยตรงมาสู่ตัวตนของเขาเต็มๆ ไม่ได้เผื่อแผ่ไปสู่อาชีพของเขาหรือนักเล่านิทานอื่นใด
ชายหนุ่มรับความหยามเหยียดนั่นไว้ด้วยรอยยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามันไม่ได้หยามอาชีพของตน แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"ท่านไม่ชอบนักเล่านิทานหรือ?" เขาถาม
ผู้คุ้มกันสาวไม่ตอบ แต่การพูดคุยคนเดียวไม่ใช่ปัญหาของนักเล่านิทาน ปากช่างจ้อของชายหนุ่มจึงยังคงจ้อต่อไป โดยรู้แน่อยู่แล้วว่าหญิงสาวไม่อาจหนีเขาไปไหนได้ด้วยตำแหน่งในการอารักขาขบวนของตัวนาง
"ท่านเอาแต่เงียบไม่เบื่อบ้างหรือไง" ชายหนุ่มเอนหลังลงพิงกองสิ้นค้าที่ท้ายเกวียน "ป่านี่ก็มีแต่กิ่งไม้เดิมๆ ใบไม้เดิมๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด" เขาบ่นหงุงหงิง ก่อนอุทานขึ้น
"โอ๊ะ! นั่นนกนี่นา" นักเล่านิทานชี้ไม้ชี้มือไปในอากาศ แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างตื่นเต้น แล้วว่าต่อ "จริงสิ" ดีดนิ้วราวกับนึกอะไรขึ้นได้ "ข้าจะเล่านิทานเกี่ยวกับนกให้ท่านฟังก็แล้วกัน" ชายหนุ่มยืดตัวขึ้น กระแอมเล็กน้อยจากนั้นก็เริ่มเล่านิทาน
"นี่คือเรื่องที่ข้าได้ฟังมา" เขาเกริ่น "นี่คือเรื่องที่ข้าได้ฟังมา...ดังนั้น หากมันจะมีคำโกหกใดปลอมปนอยู่ในสิ่งที่ข้าเล่า ก็ขอให้ท่านรู้ไว้ คำโกหกนั้น ไม่ได้มาจากข้าแต่อย่างใด" กล่าวถ้อยคำอันเป็นธรรมเนียมของพวกนักเล่านิทานจบ เขาเริ่มเล่าเรื่องที่อ้างว่าได้ฟังมา
" เจ้าวิหคผกผินจากถิ่นรัก
ผละมิพักโผบินแปลกถิ่นฐาน
จากบ้านเมืองเคยอยู่คู่ยาวนาน
โผผละผ่านมิอาจนิ่งด้วยลี้ภัย
นกน้อยบินเที่ยวท่องล่องเหนือใต้
มิอาจลงพักได้ด้วยสงสัย
กิ่งไม้แกร่งแหล่งพักอาจคือภัย
มิอาจหาญวางใจใกล้พักพิง
นกน้อยมองไม้สูงแห่งไพรกว้าง
สุดอ้างว้างอยากร่อนลงเกาะนิ่ง
สงบงามไม้ใหญ่น่าแอบอิง
อยากเกาะกิ่งเกี่ยวพักไว้วางใจ
หากวิหคผกนานจนลืมรัก
มิอาจปลงใจพักวางลงได้
จึงได้เพียงโผผินบินกรีดกราย
ท่ามผืนฟ้าเหนือใต้ล่องขึ้นลง"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in