เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyตะกอนดิน
สายธารแห่งความคิด
  • คุณเคยรู้หรือไม่ว่าในวัน ๆ หนึ่ง มีความคิดมากมายเท่าไรที่ไหลเข้ามาในสมองของเราโดยที่เรารู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง  ความคิดนั้นเดินเข้ามาแล้วก็เดินออกไป  วิ่งเข้ามาแล้วก็วิ่งออกไป คลานเข้ามาแล้วก็คลานออกไป และบางครั้งมันวิ่งเข้ามาแต่กับคลานออกไป ฮ่าๆๆ อันนี้ยากเลยถ้าความคิดนั้นเกี่ยวกับสิ่งที่เราไม่อยากคิด เหมือนสายธารที่ไหลไปในธารา ยิ่งทุกวันนี้แล้วเราชาวคนรุ่นใหม่เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น โซเชียลมีเดียต่างๆ (Line, Facebook, Instragram, Whatsapp, Snapchat) เล่นกันทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง ทำให้คนเราเสพข้อมูลในแต่ละวันมากขึ้น ทำให้เกิดความคิดต่างๆ หลั่งไหลกระโจนเข้ามาในสมองของเรามากขึ้นไปอีก

    ผมพึ่งจะสังเกตความคิดของตัวเองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยความบังเอิญ โดยตอนแรกนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวโปรดเพื่อที่จะทำสมาธิก่อนทำงาน แต่ก็พบว่าขณะที่เรานั่งเพื่อทำสมาธิอยู่นั้นก็มีหลายๆ ความคิดไหลเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องเที่ยวกับเพื่อนๆ ความวุ่นวายที่เจอมาทั้งวัน และอีกมากมาย ทำให้ผมทำสมาธิไม่ได้สักทีหรือในบางครั้งเวลานั่งทำงานหรือคิดงาน ความคิดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องก็เข้ามาแทรกแซงแบบไม่มีเหตุผล จนบางครั้งเผลอลืมเรื่องงานไปเลยก็มี (ผมจึงคิดได้ว่าเพราะอย่างนี้นี่เองหนังสือธรรมะหลายๆ เล่มจึงแนะนำให้เวลานั่งทำสมาธิจึงต้องกำหนดจิตให้อยู่ที่ลมหายใจเข้าและออก เพราะจะไม่ทำให้เราไขว้เขวไปกับความคิดอื่นๆ ที่ไหลผ่านเข้ามาเรื่อยๆ) รู้หรือไม่ความคิดนั้นมักพาเพื่อนสนิทมาด้วยเสมอนั่นคืออารมณ์ ไม่ว่าเราจะคิดถึงเรื่องอะไรอารมณ์มักเป็นส่วนผสมที่สำคัญในเรื่องนั้นๆ เสมอไม่ว่าจะเป็นเป็นอารมณ์ดีใจ หรือมีความสุขเมื่อเราคิดถึงเรื่องดีๆ ทีี่ผ่านเข้ามา  ไปจนถึงโกรธ และโมโห เมื่อเราต้องคิดถึงเรื่องที่ไม่อยากคิด ดังนั้นผมจึงพยายามค้นหาวิธีที่จะจัดการกับความคิดของตนเองให้ได้ นั่นคือการรู้เท่าทันความคิด และจัดการกับมันอย่างถูกต้องเหมาะสม
    Pic from : Gordon Johnson ,USA

    ความคิดก็เหมือนสายน้ำ คือ ยิ่งกวน ยิ่งขุ่น ยิ่งวุ่น ก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งนิ่ง ก็ยิ่งใส    ยิ่งสงบได้ ก็ยิ่งสุข


    วันนี้ผมจึงจะมาแนะนำวิธีที่ทำให้เรารู้ทันความคิด และวิธีการจัดการกับมัน >>>
    ...
    1. อยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดสิ่งอื่นเวลาทำสิ่งนั้นอยู่ เช่น เวลาทานข้าวคุณควรมีจิตใจจดจ่ออยู่กับการทานข้าว ไม่ใช้เอาเรื่องงานหรือเรื่องเงิน (เรื่องเงินนี่คิดหนักเลย ฮ่าๆๆ) หรืออื่นๆ มาคิดเวลาทานข้าว หรือเวลาเราอ่านหนังสือควรมีจิตใจจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือไม่ควรคิดถึงสาวๆ หรือสิ่งอื่นฮ่าๆๆ
    2. จงตระหนักรู้ตัวเองอยู่เสมอ เช่น เวลาที่คุณอ่านหนังสืออยู่แล้วมีความคิดอื่นเข้ามา เช่น อยากไปดูหนัง อยากไปเที่ยวกับเพื่อน คุณควรตระหนักรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วตอนนั้นคุณควรทำอะไร อย่าพยายามผลักไสความคิดนั้นออกจากสมอง เพียงแต่เราต้องรู้หรือตระหนักอยู่เสมอว่าเราคิดอะไร แล้วค่อยๆ ปล่อยให้ความคิดนั้นจางหายไปเอง
    3. ฝึกทำสมาธิ บางคนอาจคิดว่าการทำสมาธิต้องเสียเวลานั่งสมาธิกันเป็นครึ่งชั่วโมง หรือหนึ่งชั่วโมง แต่ความจริงแล้วเราสามารถฝึกสมาธิได้จากกิจวัตรประจำวันของเรา เช่น เวลาเราล้างจานก็ทำสมาธิไปด้วยให้จิตใจจดจ่ออยู่กับจานที่ล้าง ไม่วอกแวก เวลาคุณเดินหรือขี่จักรยานไปทำงานก็ให้จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น หรือการออกกำลังกายก็สามารถฝึกสมาธิได้ดีมาก เช่น ขณะที่คุณกำลังวิ่งก็ลองมีสมาธิจดจ่อกับทุกย่างก้าว หรือทุกลมหายใจเข้าออก เป็นต้น แค่นี้ก็ฝึกสมาธิได้แล้ว ซึ่งมันจะส่งผลให้เรารู้ทันความคิดของเรามากขึ้น และจัดการกับมันอย่างถูกวิธี
    4. หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ โดยสุดท้ายแล้วคุณจะจัดการกับความคิดไม่ได้เลยถ้าคุณไม่หมั่นฝึกฝนให้ตระหนักรู้อย่างต่อเนื่อง เพราะการฝึกฝนจะทำให้เรารู้ทันความคิดของเราได้ดียิ่งขึ้น และจัดการกับมันได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

    Keep calm and stop thinking too much !

    จากใจนักเขียน
    ...บทความชิ้นนี้เป็นเรื่องแรกของผู้เขียน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ได้ไม่มากก็น้อย ฝากให้กำลังใจด้วยนะครับ >>> ขอใช้นามปากา : ตะกอนดิน นะครับ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in