ผมเป็นโรคประหลาด
ศัพท์ทางการแพทย์เรียกมันว่า ‘ภาวะเสียความระลึกรู้ใบหน้า ’ ผมไม่สามารถจําหน้าใครได้เลย แม้ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในวันที่ผมกําลังกลับจากงานรับปริญญา รถมอเตอร์ไซค์คันสวยที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงหักหลบหลุมกลางถนน ก่อนตรงดิ่งเข้ามาหาผมที่ยื่นรอรถแท็กซี่อยู่ข้างฟุตบาต
ผมเฝ้าถามกับตัวเองว่าผมผิดอะไร ทําไมพระเจ้าถึงต้องพรากทุกอย่างไปจากผมเร็วขนาดนี้ ผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนนึง
ทําไม...
ทําไมกัน...
แต่ไม่นานผมก็รับรู้ได้ว่านอกจากการที่พระเจ้าพรากสิ่งนั้นไปจากผม ถึงมีดวงตาคู่สวยแต่กลับใช้มันอย่างที่ใจต้องการไม่ได้ กระนั้นพระเจ้ากลับให้สิ่งที่คนอื่นไม่มีกับผมแทน
ผมรับรู้ได้ว่าแต่ละคนมีกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป
ไม่ใช่กลิ่นนํ้าหอมหรือกลิ่นตัวอย่างที่ใคร ๆ ได้กลิ่น แต่เป็นกลิ่นเฉพาะของแต่ละคนที่ต่อให้จะฉีดนํ้าหอมหรือทําอะไรมา ผมก็ยังได้กลิ่นเหล่านั้นอยู่ดี
ผมเริ่มทดลองกลับคนใกล้ตัว
คุณพยาบาลกลิ่นชีสเค้กร้อน ๆ ที่ออกมาจากเตาอบใหม่ ๆ ที่ให้ความรู้สึกหิวทุกครั้งที่เข้ามาถามอาการ
คุณหมอกลิ่นทะเลยามเย็น ที่ทําให้รู้สึกผ่อนคลาย คล้ายจะทําให้ได้ยินเสียงคลื่นกระทบหาดทรายอยู่ตลอดเวลา
ใช่ ผมแยกใบหน้าไม่ออก แต่ผมสามารถรับรู้ว่าใครเป็นใครโดยการแยกกลิ่น
“คุณเป็นใคร?”
กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยเป็นตัวบอกกับผมว่าคนที่กําลังเปิดประตูห้องพัก และก้าวเท้าตรงมาที่เตียงที่ผมนอน ไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก
ไม่ใช่คุณพยาบาลกลิ่นชีสเค้ก ไม่ใช่คุณหมอกลิ่นทะเลยามเย็น
คุณคนใหม่ที่มาพร้อมกลิ่นเค้กไอศกรีมชานมรสนุ่ม คล้ายกลับว่าหากได้ลองสัมผัสก็จะละลายหายไปในทันที ทิ้งไว้แต่ความหวานละมุนที่ปลายลิ้น ย้อนให้นึกถึงความหวานที่ทําให้อยากลิ้มรสมันไปเรื่อย ๆ
“คุณไม่รู้จักผมหรอก รู้แค่ว่าผมจะมาดูแลคุณแทนพยาบาลคนเก่าก็พอ”
“ผมจะไว้ใจคุณได้ยังไง”
“ใช้ใจของคุณก็พอแล้ว”
เขากล่าวเช่นนั้นก่อนปรับเตียงขึ้นให้ผมนั่งก่อนเดินไปหยิบเก้าอี้ที่วางอยู่ไม่ไกลมานั่งประจันหน้ากับผม
ผมควรจะระแวงเขา แต่ใจผมกลับสงบเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขา
กลิ่นของเขา เค้กไอศกรีมรสชานมกลิ่นหอมหวานคล้ายคลึงกับกลิ่นในความทรงจําของผมบอกผมว่า ผมสามารถเชื่อใจเขาได้
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
“คุณชื่ออะไร”
“คุณจะเรียกอะไรก็แล้วแต่คุณเถอะ”
“งั้น... ชานม ผมจะเรียนคุณว่า ‘ชานม’ ”
“สักวันคุณจะบอกผมใช่ไหม ว่าคุณคือใคร”
“...”
ในทุกวันที่ผมนอนอยู่ที่โรงพยาบาล กลิ่นเค้กไอศกรีมรสชานมไม่เคยห่างหายไปจากห้องพักของผม จนกระทั้งวันที่ผมอนุญาตให้กลับคอนโดในทุกๆวันก็จะมีกลิ่นเค้กไอศกรีมรสชานมลอดผ่านช่องประตูเข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดประตูเข้ามาอยู่เสมอ
“ไม่เบื่อบ้างหรือไง”ผมถาม
“เบื่ออะไร”
“ทําอย่างนี้ทุกวันไม่เบื่อบ้างหรือไง”
“ไม่นะ ผมเต็มใจ”
เขานําอาหารที่ซื้อมาแกะลงใส่จานก่อนยกมาวา่งไวท้ี่โต๊ะข้างหน้าผมโตะ๊หน้าทีวีอย่างเช่นทุกวันทุกวันตลอดสามเดือนทผี่่านมา...
“รู้ไหมทําไมผมถึงเรียกคุณว่าชานม”
ผมเปิดประเด็นขึ้นระหว่างที่เรากําลังนั่งดูหนังข้าง ๆ กัน ผมรู้สึกว่าเรื่องต่าง ๆ มันค้างคามานานเกินไป ยิ่งนานเท่าไหร่ ระยะห่างระหว่างเรายิ่งน้อยลงเท่านั้น ผมควรจะต้องทําอะไรสักอย่างเสียที
“ไม่รู้สิ”
“เพราะกลิ่นของคุณ”
“กลิ่น?”
เขาหันมองหน้าผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคําถาม
“กลิ่นของคุณเหมือนเค้กไอศกรีมรสชานมจากร้านหลังโรงเรียนสมัยมัธยมของผม”
“...”
“ผมไม่รู้ว่าคุณรู้สึกยังไงที่ได้ยินผมพูดแบบนี้ แต่ตั้งแต่วันที่ผมประสบอุบัติเหตุคุณคงจะรู้จากหมอแล้วว่าผมเป็นโรคภาวะเสียความระลึกรู้ใบหน้า ผมไมส่ามารถแยกใบหน้าใครออกได้เลย แตส่ิ่งที่ผมได้มาทดแทนสิ่งที่หายไป คือการที่ผมสามารถรับรู้ได้ว่าใครเป็นใครจากการได้กลิ่น ไม่ใช่กลิ่นนํ้าหอมหรือกลิ่นเหงื่อ แต่เป็นกลิ่นเฉพาะบุคคล ที่คนอื่นไม่ได้กลิ่น”
“...”
“คุณอาจมองว่าผมบ้า แต่ผมยืนยันได้ว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับผมจริงๆ”
“ผมเชื่อคุณ” เขาตอบออกมาอย่างไม่ลังเล
“และเมื่อไม่นานมานี้ผมกร็ู้ว่ากลิ่นต่างๆที่ผมได้กลิ่น เป็นกลิ่นที่ติดอยู่ในความทรงจําที่สําคัญอันแสนมีค่าของคนๆนั้นคุณพยาบาลมีกลิ่นชีสเค้กเพราะชีสเค้กเปน็เคก้ก้อนแรกที่ลูกชายของเขาซื้อให้ก่อนที่จะเสียชีวิตคุณหมอกลิ่นทะเลยามเย็น เพราะเป็นสถานที่ที่เขาขอภรรยาของเขาแต่งงาน
“...”
“และกลิ่นเค้กไอศกรีมรสชานมของคุณ เพราะมันเป็นเมนูสุดท้ายของเราในวันที่คุณบอกเลิกผม”
“ ‘ภัทร’ คุณรู้...”
“ใช่เรารู้ เรารู้มาตลอดว่าคือเธอ เป็นเธอที่ทําลายความรู้สึกที่เรามีให้ เป็นเธอที่ขับรถชนเราในวันนั้นจนเราต้องเป็นแบบนี้ เธอไม่น่ากลับมาเลย ‘เวย์’ กลับมาในวันที่เรากําลังจะลืมเธอได้แล้ว”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in