สาบานได้ว่ารูบี้พยายามมองโลกในแง่ดีอย่างที่สุดแล้วว่าทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญผิดพลาด
แต่ก็นั่นล่ะทั้งหนังสือเรียนที่ลงไปอยู่ในอ่างล้างมืออย่างเป็นปริศนา (จะให้เธอคิดว่าใครใจดีพามันไปอาบน้ำได้ยังไงกันล่ะ) หมากฝรั่งเหนียวเหนอะติดผมตอนคาบคณิตศาสตร์ (หรือควรจะมองว่าคนข้างหลังเธอบังเอิญจามจนมันบังเอิญกระเด็นมาอยู่บนผมเธออย่างนั้นรึ ตอนนั้นไม่มีใครไม่สบายสักหน่อย) ถาดอาหารกลางวันอันตรธานหายไปลึกลับเพียงแค่เธอเดินไปคืนเศษเหรียญที่ทอนเกินแป๊ปเดียว (มีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของตัวเองเลยเอาไปกินแทนหรือยังไง) มันก็ทำใจยากอยู่เหมือนกันว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเองเฉยๆ
รูบี้อนุมานเอาว่า เพราะเธอเป็น ‘ยายคนมาใหม่’ แล้วก็ตัวเล็กกว่าเยอะกระมัง จึงหลุดลงไปอยู่ในห่วงโซ่อาหารช่วงต้นโดยปริยาย พวกเขาเลยคิดว่าเธอทำอะไรไม่ได้ ไม่มีปากมีเสียงยกเว้นเวลายกมือตอบคำถามแทบทุกคำถามในชั้นเรียนเหมือนเฮอร์ไมโอนี่ และก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ สิ่งที่เธอพอจะทำได้มีแค่การไปบอกพวกครู แล้วคนพวกนั้นก็ดูจะหาวิธีแกล้งกันโดยไร้หลักฐานยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการบ้านวิชาภาษาละตินหายไปไหน (รายการของหายของเธอเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอีกแล้ว) ไปถามที่ห้องธุรการเผื่อมีใครมาฝากไว้ก็ไม่มี ลองหาในล็อกเกอร์ตัวเองจนทุกคนแทบจะกลับบ้านหมดแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงา
รูบี้นึกอยากเอาหน้าผากแปะกับล็อกเกอร์แก้กลุ้มดูสักที เผื่อว่าทุกอย่างจะเป็นแค่เรื่องฝันไป และในกรณีนี้ความหดหู่เหม่อลอยก็ทำให้เธอทำมันจริงๆ โดยมีล็อกเกอร์ของใครสักคนที่อยู่ระหว่างทางตกเป็นเหยื่อ – ให้ตาย มันเจ็บเอาเรื่องเหมือนกันนะนี่
“ยายแมวขโมย” เสียงใครสักคนดังลั่นจากข้างหลัง สำเนียงไม่พอใจชัดเจน“หยุดยุ่งกับล็อกเกอร์ฉันเดี๋ยวนี้นะ”
พอหันไปก็เห็นว่าเป็นเขา – อลัน เธอไม่คิดว่าจะเจอเขาก่อนวันอังคารหรอก
รูบี้เงยหน้าขึ้นมอง จมูกแดงก่ำ สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ (เมื่อกี้ที่ว่าเจ็บเอาเรื่องนั่นเล่นเอาน้ำตาคลอ ใช่ว่าเธออยากจะปล่อยโฮใส่เขาเสียหน่อย) ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าส่ายหัวยุกยิกบอกว่า ‘ฉันไม่ได้ทำ’ อย่างที่โดนกล่าวหา –ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงจะต้องเจอเขาตอนสภาพกำลังแย่ทุกที
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตาเลย” เสียงเขาเริ่มดังกว่าเดิม เงาทะมึนที่แทบจะบังแสงจากหลอดไฟด้านบนได้มิดพ่วงมากับน้ำเสียงแล้วยิ่งดูน่าหวั่น “ทำลับๆ ล่อๆ แบบนี้จะมาเอาอะไรล่ะสิ”
“ไม่ใช่สักหน่อย” เธอหันไปมองหน้าเขาตรงๆ ก่อนสารภาพเพราะไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ “โอ๊ย ที่ฉันทำก็แค่เอาหัวโขกล็อกเกอร์เธอเนี่ย”
อลันเงียบไปพักใหญ่ จ้องหน้าเธอเหมือนเห็นตัวประหลาดก่อนจะหัวเราะดังลั่น “ให้ตายเหอะ เธอมันตลกเป็นบ้า”
“ฉันไม่ได้ตลก...” พอฝ่ายนั้นจ้องมาเธอก็จ้องกลับ น้ำเสียงหนักแน่นอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ จากนั้นเขาถึงเห็นสภาพเธอแล้วจึงตระหนักได้หรืออย่างไรก็ไม่รู้ ถึงหยุดหัวเราะท้องคัดท้องแข็งแล้วออกปากถามว่ามีอะไร
“แล้วนี่ทำอะไร”
“การบ้านฉันหาย หายังไม่เจอ...” รูบี้เขยิบไปข้างๆ เปิดทางให้เจ้าของล็อกเกอร์จัดการกับธุระของตัวเอง เหลือบมองเจ้าของล็อกเกอร์ที่กำลังก้มๆ เงยๆ จะพูดต่อก็นึกได้ว่าเขาคงไม่อยากฟังปัญหาชีวิตของเธอนักหรอกริมฝีปากเผยอออกนึกอยู่ว่าจะพูดว่าอะไร หรือควรขอโทษเขาเรื่องเมื่อกี้
“ก็เลยเอาคืนพวกนั้นเสียบ้างสิ” อลันแค่นเสียง
“ฉันจะไปทำอะไรไหว” เธอถามกลับทันควัน
“ให้ตายเถอะ ยายคนซื่อบื้อ” เขาทำหน้าเหม็นเบื่อ งับฝาล็อกเกอร์ปิดให้เข้าที่ ใช้นิ้วชี้จิ้มแม่กุญแจเข้ารหัสที่คล้องอยู่พลางยิ้มร้ายกาจ “บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันแค่กำลังหาเรื่องสนุกทำ กล้องวงจรปิดที่นี่ก็ห่วยจนน่าอนาถด้วย ไม่ได้สนใจจะช่วยเธอนักหรอก”
หลังจากนั้นด้วยเหตุผลกลใดก็ดี เธอกับเขาก็เหมือนจะกลายเป็นคู่หูก่ออาชญากรรมชั่วคราว – จริงๆ แล้ว ดูเหมือนว่ารูบี้จะไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรไปมากกว่ามองอลันเดินจัดการเปลี่ยนรหัสแม่กุญแจแต่ละอันท่าทางคล่องมือด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่ใคร่สบายใจนัก ไม่ได้แม้แต่จะเป็นคนชี้เป้าบอกเขาเสียด้วยซ้ำว่าใครที่น่าจะแกล้งเธอบ้าง
ถึงอย่างนั้น...คงต้องบันทึกไว้ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่รูบี้ทำอะไรแบบนี้ด้วยเหมือนกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in