เขาควักเงินซื้อตั๋วหนีฝนที่ตกเหมือนเทพเจ้าหลั่งน้ำตาตลอดเวลาจากลอนดอนมาโตเกียว...เพื่อจะพบกับสภาพอากาศที่ไม่ต่างกัน
ไหนว่าเป็นแดนอาทิตย์อุทัย ตั้งแต่ก้าวออกมาจากสนามบินนาริตะก็มองไปทางซ้ายเจอสายฝนกระทบกันสาด หันไปทางขวาเจอร่มหลากสีเกาะเป็นกระจุกใต้ม่านฝน ชวนให้นึกถึงแมงกะพรุนในสารคดีสัตว์โลกน่ารัก
ไม่แปลกใจที่เช้าวันแรกในโตเกียว จะตื่นขึ้นมาพบว่ามีน้ำมูกใสๆคั่งอยู่ภายในโพรงจมูก ก่อนจะจามออกมา
เจออากาศชื้นๆทีไร...ภูมิแพ้กำเริบทุกที
แล้วมันจะมีวิวัฒนาการไปสู่ขั้นกว่าที่เรียกว่า 'หวัด'
ลูอิสถอนหายใจ ลุกจากเตียงไปทำธุระส่วนตัวยามเช้า เตรียมตัวออกไปเที่ยวตามแผนที่ได้วางไว้
วันนี้เขาจะเดินเล่นย่านชิบุย่า ก่อนจะขึ้นรถไฟไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโตในช่วงบ่าย และจะอยู่ที่นั่นยาวจนถึงวันกลับไปเผชิญหน้ากับชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสุดท้ายที่ลอนดอน
คว้ากระเป๋ากล้องตรวจดูความเรียบร้อย รูดซิปช่องด้านหน้าจะหยิบผ้าเช็ดเลนส์ออกมา ก็สะดุดกับซองพลาสติกแบนๆที่อยู่ในนั้น หยิบออกมาพบว่ามันคือซองบรรจุหน้ากากอนามัยที่มีแผ่นโน้ตสีเหลือง เขียนด้วยลายมือหวัดๆคุ้นเคยแปะอยู่
'ภูมิแพ้ขึ้นหรือหวัดกินอย่าลืมใส่นะ ความนิปปอนเขาเซนซิทีฟ'
ลูอิสกระตุกยิ้มกับข้อความนั้น ไม่รู้ว่าไมเคิลใส่มันเข้ามาตอนไหน
คิดว่าน่าจะเป็นตอนนั่งเฝ้าสัมภาระระหว่างเขาไปเข้าห้องน้ำที่สนามบิน
แกะหน้ากากในซองออกมาใส่ ถ่ายรูปตัวเองส่งให้ไมเคิล วางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง หัวเราะกับตนเองเมื่อเห็นรุ่นน้องรัวข้อความตอบกลับมา
เพราะมันทำแบบนี้...เขาเลยไม่มีแฟนสักที ด้วยเข้าใจว่ามีเจ้าของแล้วก็คือมัน
ทั้งที่ความจริงคือบ้านอยู่ข้างกัน เห็นกันมาตั้งแต่จำความได้เท่านั้นเอง
แน่นอนว่าโดนบ่นจนลืมว่าใครกันแน่ที่แก่กว่า ตอนไมเคิลรู้ว่าเขาจองตั๋วมาเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว
รอจนวัตถุสี่เหลี่ยมหยุดสั่นแจ้งเตือนข้อความจากอีกฝั่งหนึ่งของโลก จึงจะหยิบมันขึ้นมาพิมพ์ตอบ
:บ่นพอใจแล้ว?
:กูไปเที่ยวละนะ
:ที่โน่นก็ดึกแล้ว นอนเว้ย โต้รุ่งดูอนิเมะมากี่คืนแล้วมึง
กดส่งแล้วปิดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
แล้วพาตัวเองออกไปสู่โลกที่เคยรับรู้เพียงผ่านอินเตอร์เน็ต
.
.
.
เกียวโตต้อนรับเขาด้วยพู่สีแดงส้มโบกไปมาอย่างร่าเริงบนคบไม้ตามแรงลมปลายฤดูใบไม้ร่วง ตัดกับสีเข้มของอาคารบ้านเรือนแบบเก่าอย่างน่ามองจนต้องยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพตลอดเวลาที่ก้าวไปตามถนนในเมือง แม้อาการคัดและแสบจมูก จามออกมาเป็นระยะจากภูมิแพ้จะทำให้หงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ความสวยงามของบรรยากาศรอบตัวก็ทำให้คลี่ยิ้มออกมาอยู่ใต้หน้ากาก
หยุดตรงสะพานไม้ทาสีแดงที่มีหยดน้ำเกาะพราวจากฝนตกเมื่อคืนวาน เปิดหนังสือนำเที่ยวที่พกติดตัวตลอดเวลาออกดู อ่านประวัติของศาลเจ้าที่จะเข้าไปเงียบๆ กระทั่งได้ยินเสียงหนึ่งเอ่ยทัก ดังขึ้นข้างตัว
"ลูอี?"
เสียงนั้นทุ้มพร่า...ถึงจะเบาค่อยกว่าปกติคล้ายเจ้าตัวไม่แน่ใจ
แต่ลูอิสก็จำได้ดี...แม้เขาจะจำไม่ได้ แต่อวัยวะใต้อกเบื้องซ้ายที่เต้นรัวก็ยืนยันได้อย่างดี
เสียงพูดที่เพียงเปล่งคำเดียวก็สั่นหัวใจ สำหรับเขามีเพียงเสียงเดียว
เสียงของแฮร์รี่ สไตลส์ รุ่นน้องร่วมคณะที่เขาแอบมองมาตั้งแต่ฝ่ายนั้นเข้าปีหนึ่ง...ไม่ผิดแน่
ซ้ำยังเอ่ยชื่อของเขา
ลูอิสสูดลมหายใจลึก ค่อยหันหน้าไปมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
แฮร์รี่ดูดีเหมือนเคยในชุดเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีสด สะพายกล้องถ่ายรูปแบบเดียวกับเขาที่สามารถประคองมันไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว กลับกันกับลูอิสที่ต้องใช้ทั้งสองมือ
พยายามสบนัยน์ตาสีเขียวหยกคมใหญ่นั้น ส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงถาม สะกดอาการประหม่าไว้ใต้ท่าทางแบบรุ่นพี่ทั่วไปพึงทำเวลาบังเอิญเจอกับรุ่นน้องที่รู้จักกันผิวเผิน
คนเด็กกว่าเมื่อเห็นว่าตนทักไม่ผิดก็ยิ้มบาง เผยลักยิ้มข้างแก้มที่ทำให้เขาต้องจับกล้องแน่น ยึดเป็นที่พึ่ง
ทักเสร็จก็เลิกสนใจได้แล้ว...อย่าทำให้รู้สึกเหมือนจะระเบิดไปมากกว่านี้เลย
"ผมเดินผ่านก็คุ้นๆ เกือบจำไม่ได้" ว่ายิ้มๆ ดวงตาเป็นประกายนั้นทำให้ลูอิสต้องหลุบมองเท้าตนเอง
ไม่ไหวแล้ว...
"ไม่สบายหรอครับ"
ไม่เพียงยังอยู่ตรงหน้า หากยังถามต่อ
"อ่า..." ลูอิสพยายามหาเสียงของตนเอง ทว่าที่ออกมามีเพียงเสียงสูดน้ำมูก รู้สึกนานนับชั่วโมงกว่าจะรวบรวมคำพูด ตอบออกไปได้
"ภูมิแพ้กำเริบนิดหน่อย เจอฝนน่ะ มันชื้น"
แฮร์รี่โคลงศีรษะ
"แล้ว..." เอ่ยออกมาคล้ายจะเกริ่นอะไรสักอย่าง แต่ก็หยุดแค่นั้น ยกนิ้วขึ้นเกาแก้มเบาๆ
ลูอิสเลิกคิ้ว เอียงคอน้อยๆอย่างฉงน
"แล้ว....อะไรหรอ"
"มาเที่ยวคนเดียวหรอครับ" ถามออกมาได้ในที่สุด ดวงตาสีสวยจับนิ่งยังเขาอย่างรอคอย
อย่ามองแบบนั้น...เขาแทบจะระเหยแล้ว
ลูอิสก้มหน้างุด นิ้วเขี่ยหน้ากากตรงปลายคางไปมา
"อืม" คนเป็นรุ่นพี่พยักหน้า "มาคนเดียว แล้วนายล่ะ"
"ผมก็มาคนเดียวครับ"
ไม่รู้จะตอบอย่างไรนอกจากพยักหน้าน้อยๆ เป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่ทำเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง
และก็เป็นอีกครั้งที่ลูอิสรอ
ไม่รู้ร่างสูงตรงหน้าจะเดินแยกไปเมื่อไร เขาก็แค่อยากจะยื้อเวลาอยู่กับคนที่ชอบ ในบรรยากาศแสนดีเช่นนี้
"แฟนคุณไม่มาด้วยหรอครับ เอ่อ...คนที่ผมสีชมพูคนนั้น"
รุ่นพี่ตัวเล็กชะงัก...กะพริบตาปริบ
"ไมเคิลหรอ? ไม่ใช่นะ"
สบสายตากังขาทอดมองลงมา สำทับให้มั่นใจ
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมแฮร์รี่ถามถึงไมเคิล
"ฉันยังไม่มีแฟน"
ดวงตาเป็นประกายคล้ายโล่งใจและดีใจทำให้เขาคิดเข้าข้างตนเองขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็รีบปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว
พูดคุยกันแบบจริงจังก็คราวนี้ครั้งแรก คนดังในมหาวิทยาลัยอย่างแฮร์รี่ สไตลส์มีหรือจะสนใจคนที่วันๆขลุกอยู่แต่กับกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นไม่ก็เพื่อนร่วมวงดนตรีอย่างเขา
ก่อนประโยคจากริมฝีปากหยักเต็มจะทำให้ชะงักไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่
"ดีจังครับ"
แล้วประโยคถัดมาพร้อมกับนัยน์ตาสีหยกแววอ่อนโยนก็ตรึงเขาไว้ตรงนั้น แก้มร้อนผ่าวเหมือนจะไหม้อยู่ใต้หน้ากาก สมองมึนอื้อที่มั่นใจว่ามันไม่ได้มาจากอาการภูมิแพ้กำเริบ
"แบบนี้...ผมก็มีหวังแล้วสิครับ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in