เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2018ZYRUS
Day 1 - Jazz


  •  

     

    เสียงดนตรีแจ๊สจากนักดนตรีบนเวทีบรรเลงขับกล่อมบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูใจกลางมหานครลอนดอน  ผู้คนชายหญิงในเสื้อผ้าหรูหราล้วนถือแก้วทรงสูงในมือ เดินทักทายสนทนากัน ทุกใบหน้าแต้มรอยยิ้มสดใส

     

    ช่างชื่นมื่นจนน่าสะอิดสะเอียน

     

    หน้าเป็นตีนเลยนะทอมโม่ ยิ้มหน่อยๆ นี่งานของสถานีเลยนะ ของแดกฟรีเพียบ

     

    เสียงทักกลั้วหัวเราะมาพร้อมกับไหล่หนาๆเข้ามาชนต้นแขนเบาๆ เรียกคนหน้าบูดหันไปมองหน้า ฉีกยิ้มแบบเห็นฟันทุกซี่ให้

     

    พอใจยังครับคุณคลิฟฟอร์ด” ถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงใส่มือกีตาร์ผมสีเขียวมะนาว ไหวไหล่ให้เสียงหัวเราะร่วนจากเพื่อนร่วมวงอีกสองคนที่นั่งเอนหลังล้อมโต๊ะตัวเดียวกัน

     

    ให้วงดนตรีร็อคใส่สูทมาร่วมงานแนวคุณหญิงคุณชาย...ไม่รู้พวกตาแก่บนบอร์ดบริหารคิดอะไรอยู่

     

    ลูอิสกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย หันไปถามผู้จัดการวงตัวโตที่เพิ่งปลีกตัวจากวงล้อมของพวกภรรยานักธุรกิจ

     

    เลียม...เมื่อไหร่ถึงจะกลับได้

     

    หัวหน้าวงควบตำแหน่งมือกลองเปิดปากถามเสียงยานคาง มีลูกน้องอีกสามหน่อชะโงกมาด้านหน้าอย่างรอคอย

     

    เลียม เพย์นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ก่อนถอนหายใจยาว

     

    ให้มันไม่น่าเกลียด ก็ซักห้าทุ่มแหละ

     

    นี่นายล้อเล่นใช่ไหม...” เซน มาลิค นักร้องนำครางเสียงหลง ดวงตาสีน้ำตาลคมใหญ่ช้อนมองคุณผู้จัดการอย่างมีความหวังหากเลียมทำลายมันอย่างไม่ไยดีด้วยการส่ายหน้าช้าๆ

     

    อดทนหน่อยน่า แปบเดียวเองคุณพ่อประจำวงปลอบศิลปินในปกครอง วางมือตบบนไหล่เซน ก่อนจะย้ายขึ้นมาลูบผมสีดำตัดสั้นที่จัดทรงอย่างดี

     

    กิริยาเอาใจใส่เป็นพิเศษนั้นทำให้ลูอิสหันไปสบตากับไมเคิลและคาลัม กระตุกยิ้มรู้กัน  ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นชนเบาๆ

     

    ทุกคนต่างรู้...ยกเว้นเจ้าตัว

     

    จากยิ้มๆก็ต้องกลับมาชักสีหน้าเหม็นเบื่อเมื่อคุณผู้จัดการวงไม่ละความพยายามที่จะชักชวนให้มีส่วนร่วมในงานเลี้ยง

     

    เหมือนผู้ใหญ่เอาผักให้กินแล้วบอกว่ามันเป็นเยลลี่สีเขียวอย่างนั้นละ

     

    ใจคอพวกนายจะนั่งอยู่เฉยๆจนกลับเลยหรอ ลุกขึ้นไปทักทายเพื่อนวงอื่นบ้างก็ได้นะ วันนี้ก็มากันเยอะแยะ

     

    พวกนั้นก็นั่งเบื่ออยู่โต๊ะเหมือนกันแหละ” คาลัมแย้ง พยักพเยิดไปโต๊ะที่อยู่เยื้องไปทางขวาซึ่งสมาชิกเป็นชายหนุ่มสี่คนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันพอสมควรเพราะเป็นวงดนตรีประเภทเดียวกัน กำลังนั่งจับเจ่ากับโต๊ะไม่ต่างจากพวกเขา สองคนจับคู่นั่งคุยกัน คนหนึ่งก็นั่งหมุนแก้วไวน์เปล่าอยู่เงียบๆ ส่วนอีกคนกำลังลุกออกไปจากโต๊ะ

     

    คนนั้นชื่ออะไรนะที่เชิ้ตขาวมือเบสสะกิดถามเขา ลูอิสเหลือบมองตาม

     

    แอชตัน ตีกลอง ที่คุยกันอยู่ก็ไนออล กีตาร์ เหม่อๆหมุนแก้วนั่นลุค เบส แล้วตัวใหญ่ๆที่เพิ่งลุกไปก็แฮร์รี่ ร้องนำแล้วก็กีตาร์อีกคนคนเป็นหัวหน้าวงแจกแจงละเอียด  เอนหลังพิงพนักละเลียดไวน์อย่างเบื่อๆเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือของคาลัมแทบจะทุกหนึ่งนาที

     

    เขาอยากไปจากที่นี่เต็มที

     

    เสียงเพลงแจ๊สบรรเลงต่อเนื่องคาดว่าคงมาจากรสนิยมส่วนตัวของเจ้าภาพงาน

     

    คิดแล้วน่าขันดีแท้...ดนตรีที่ทาสผิวดำเล่นในแหล่งเสื่อมโทรม คลายความทุกข์จากการถูกกดขี่โดยคนขาว แต่วันนี้กลับเป็นคนขาวนำเพลงเหล่านี้มาบรรเลงในงานเลี้ยงสวมหน้ากากของตน

     

    เดี๋ยวมานะไปห้องน้ำแปบนึงกระซิบบอกเพื่อนร่วมวง ลุกเดินไปยังประตู ก้าวตามป้ายบอกทางจนถึงห้องน้ำ เสร็จกิจก็ถอนหายใจยาว เมื่อนึกถึงความเบื่อหน่ายอันต้องกลับไปเผชิญอีกกว่าชั่วโมงในห้องจัดเลี้ยง

     

    ชะงักเท้าครั้นเห็นม่านรูดเปิดอยู่ เผยประตูกรุกระจกเปิดออกไปสู่ระเบียงกว้างด้านนอก...ที่มีแผ่นหลังกว้างคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นเจ้าของมันเดินออกไปจากงานจับจองอยู่ก่อนแล้ว

     

    แฮร์รี่ สไตลส์...

     

    ลูอิสหันซ้ายมองประตู สลับกับหันขวาที่เป็นทางเดินปูพรมกลับไปยังห้องจัดเลี้ยง ลังเลอยู่ครู่ใหญ่

     

    แล้วตัดสินใจเปิดประตูก้าวออกไปยังระเบียง

     

    เหมือนเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นหินอ่อนจะรบกวนคนยืนตรงระเบียง ทอดสายตามองสวนแบบบาโรคเบื้องล่างอยู่ตามลำพัง นัยน์ตาคมใหญ่สีมรกตผินมา

     

    ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่...ที่แววกร้าวในดวงตาคู่นั้นอ่อนลงเมื่อเห็นว่าเป็นเขา มุมปากหยักเต็มเหมือนบรรจงตวัดวาดยกยิ้มน้อยๆ

     

    เบื่อเหมือนกันหรอครับลูอี

     

    เสียงทุ้มต่ำนั้นทำให้เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว

     

    คุณรู้จักชื่อผมด้วยหรอครับ

     

    ต้องรู้จักอยู่แล้วสิครับ วงเราเปิดตัวปีเดียวกันนะ

     

    คำตอบฟังหยอกเย้าลูอิสคลี่ยิ้มรับ รู้สึกว่ามันเริ่มดูแห้งแล้งเมื่อเอ่ยปากขอ

     

    “ขอโทษที่มารบกวนนะครับ แต่ผมขอหลบอยู่ตรงนี้ด้วยแปบเดียวนะ เดี๋ยวก็ไปแล้ว

     

    เงยหน้าขึ้นสบสานสายตาสีสวย ดวงตาคมนั้นพราวระยับ รับกับริมฝีปากยกยิ้ม เผยรอยบุ๋มข้างแก้ม

     

    เสียงเพลงแจ๊สจากภายในงานดังลอดออกมา จังหวะของมันเร่งขึ้น

     

    แต่มันยังเทียบไม่ได้กับจังหวะหัวใจของเขา  เมื่อเสียงทุ้มพร่าทอดตอบนุ่มเบา

     

    หลบอยู่ด้วยกันนานๆก็ได้ครับ

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in