พ่อเป็นหัวหน้าคณะ ดูแลความเป็นอยู่ของพวกเรา เป็น ผู้ฝึกสอนตลกใหม่คู่กับน้านวย และเป็นมือกลอง ดังนั้นพ่อรู้จักและเข้าขากับพวกเราทุกคน และเป็นพ่อนี่แหละที่ดึงผมกลับมาจากการเป็นเด็กเดินโพยโต๊ะบอล สอนให้ผมเป็นตัวปูในคณะตลกเพื่อสานต่อกิจการคณะตลกที่พ่อเริ่มมา
อย่างที่บอกไปว่ายิ่งปล่อยไว้เนิ่นนานเราก็ยิ่งลำบาก การไม่มีมือกลองทำให้คณะของเราไม่สามารถทำการแสดงได้ แม้น้านวยจะเสนอว่า ให้ลองเล่นไปทั้งที่ไม่มีคนตีกลอง แต่หลังจากที่เราลองทำตามข้อเสนอของน้านวยไปหนึ่งครั้งในร้านหมูกระทะของเฮียแอ๊ด
เราก็ได้ข้อสรุปว่ามันไม่เวิร์ก คนดูไม่รู้ว่ามุขจบตอนไหน หรือจะขำ ได้หรือยัง จนเข้าสู่สัปดาห์ที่สามของการไม่มีมือกลอง เฮียแอ๊ด เจ้าของร้านหมูกระทะ ‘อร่อยจังแอ๊ด’ (ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแกถึงตั้งชื่อร้านชมตัวเอง) ซึ่งเป็นที่ที่เราไปเล่นให้ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และเป็นเพื่อนเก่าของพ่อกับน้านวย แนะนำไอ้หม่องให้กับเราไอ้หม่องเป็นเด็กเสิร์ฟในร้าน ชื่อ ‘ไอ้หม่อง’ เป็นชื่อที่เฮียแอ๊ดและใครต่อใครในร้านเรียกมัน ไอ้หม่องเป็นคนพม่า จริงๆ มันมีชื่อพม่าแต่ผมก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร พวกเราก็เรียก ‘ไอ้หม่อง-ไอ้หม่อง’ ตามเฮียแอ๊ดจนติดปากเหมือนทุกคน ไอ้หม่องก็ดูเหมือนจะเลยตามเลยกับชื่อนี้ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร หรืออาจจะเดือดร้อนใจจนอยากด่าบุพการีพวกเราก็ได้ แต่มันก็ไม่พูดออกมา หรืออาจเพราะมันพูดไทยไม่ชัดก็เลยไม่ค่อยอยากพูดก็ไม่รู้
“ไอ้หม่องมันเคยเล่นดนตรี ตีกลอง ตอนอยู่ที่บ้านที่พม่าน่ะ มันเคยเล่าให้เฮียฟัง” เฮียแอ๊ดบอกผม
“ทำไมเฮียคิดว่ามันจะมาตีกลองตลกได้ล่ะ”
“เฮ้ย ผลึกคงไม่เคยสังเกตสินะ”
“สังเกตอะไรเฮีย”
“ก็ไอ้หม่องน่ะ เวลาที่มันเดินเสิร์ฟอาหารอยู่ใช่ไหม แล้วอีตอนที่พวกเอ็งกำลังเล่นตลกกันน่ะ มันจะสะดุ้งไม่ก็ทำคอย่นเวลาพี่ปลกแกตีกลองรับมุขพวกเอ็งทุกทีเลย เฮียสังเกตมานานแล้ว”
พี่ปลกที่เฮียแอ๊ดพาดพิงนั้นคือพ่อผมเอง พ่อผมชื่อนายปลก น้านวยเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกปู่ผมตั้งชื่อพ่อว่า ‘แปลก’ ตามชื่อผู้นำประเทศในตอนนั้น แต่พ่อเกลียดชื่อนี้ พ่อเลยไปเปลี่ยนชื่อที่อำเภอ ตัดสระแอออกในภายหลัง
“เหรอ เฮียว่ามันจะทำได้จริงๆ เหรอ”
“ผลึกก็ลองให้โอกาสมันหน่อยสิวะ นี่ถ้าพี่ปลกอยู่นะ พี่ปลกแกคงให้ไอ้หม่องมาลองดูแน่ๆ แกชอบให้โอกาสคนนะ พ่อของผลึกน่ะ” เฮียแอ๊ดว่า
ผมต้องบอกเป็นพื้นเสียก่อนว่า เฮียแอ๊ดน่ะแกรักพ่อผมมาก แกเคยเป็นลูกน้องพ่อในคณะตลกมาก่อน และเป็นตลกที่มีคนติดมากเสียด้วย คนชอบแกเยอะ แกเลยดังเกินคนอื่นๆ เฮียแอ๊ดดังถึงจุดสูงสุด ได้เล่นหนัง เล่นละคร เป็นผู้ช่วยพิธีกรเกมโชว์ทางทีวี เรียกว่าเฮียแอ๊ดแกดังเกินกว่าคณะตลกเล็กๆ ของพ่อก็ว่าได้
วันที่เฮียแอ๊ดมากราบลาพ่อขอออกจากวงไปทำงานบันเทิงเต็มตัว พ่อก็ไม่ขัดแม้สักคำ แถมยังอวยพรส่งท้ายอีกว่า ถ้าตกอับหรือไม่ดังแล้ว อย่ากลับมาอยู่คณะของพ่อเด็ดขาด มันต๊อกต๋อยเกินไปให้เฮียแอ๊ดไปทำธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมันก็เป็นจริงดังพ่อทำนายไม่นานคนก็เบื่อมุขตลกของเฮียแอ๊ด เฮียแอ๊ดค่อยๆ เดินออกจากวงการบันเทิงอย่างเงียบเชียบและหันมาเปิดร้านหมูกระทะ
“พ่อผลึกน่ะ เขาชอบให้โอกาสคน เฮียได้ทำร้านอาหารนี่ก็เพราะพี่ปลกแกให้โอกาสแท้ๆ”
“ให้โอกาสแต่มึงแหละ ไอ้เหี้ยแอ๊ด ไหงทีกะกูไม่เห็นให้โอกาสมั่งวะ กูนี่ได้แต่อากาศ” น้านวยสบถออกมา
“เนี่ย แล้วผลึกจะไม่ให้โอกาสไอ้หม่องมันบ้างเลยเหรอ” เฮียแอ๊ดทำเป็นไม่ได้ยินเสียงด่าของเพื่อนรัก นั่นจึงเป็นที่มาของการทดสอบฝีมือตีกลองตลกของไอ้หม่องด้วยมุขตลกพี่เบิร์ดอีกมุขหนึ่งที่ผมชื่นชอบมาก
เริ่มจากไอ้ตี่จะร้องเพลง สบาย สบาย ของพี่เบิร์ดสักท่อน แล้วพี่จ๊อดจะทำหน้าที่เป็นโฆษก
“เพลงที่จบไปเมื่อสักครู่นั้นคือเพลง สบวย สบวย” พวกเราที่เหลือก็จะยิ้มแย้ม หัวเราะฮิฮะกันไป
“โดยศิลปินที่ท่านชื่นชอบ ธงไชย แมคอินตวย” เราก็ยังพยักพเยิดยิ้มกันอยู่
“ซึ่งเป็นเพลงจากละครเรื่อง วันนี้ที่รอค...”
“คอย!!!” ทุกคนจะหันมาตะคอกใส่พี่จ๊อดอย่างพร้อมเพรียง
ตึกโป๊ะ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in